คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ผลการดำเนินงานจัดทำโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นเครือข่ายในการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกส่วนงานที่ให้การส่งเสริมสนับสนุน SMEs รวมถึงการประมวลข้อมูลให้อยู่ในระบบที่สามารถใช้งานได้
วัตถุประสงค์ของโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs
1. เพื่อนำประโยชน์จากการบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการมาส่งเสริม SMEs ในพื้นที่ของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Data & Information Source)
2. เพื่อประมวลข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐมาวิเคราะห์และวิจัยให้ได้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ (Intelligence Core Unit)
3. เพื่อสร้างระบบอำนวยการกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารจากส่วนกลางไปยังระดับจังหวัดและหน่วยงานภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และให้สามารถทำงานได้อย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Agency Services Unit)
4. เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Enhancing Core Activities Unit)
5. เพื่อสร้างระบบให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับข่าวสารจาก Buiness Intelligence Network อย่างสม่ำเสมอทั่วถึง และได้ใช้ข้อมูลในการก่อให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจในกลุ่ม Cluster และ Supply Chain อันจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อเพิ่มรายได้ ช่องทางการตลาดและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ (Public Service Unit)
เป้าหมายของโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs
1) มีระบบรายงานสถานการณ์ SMEs 2) มีระบบข้อมูลเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการทำแผนและนโยบาย 3) มีระบบสื่อสารและประสานงานที่รวดเร็วกับหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริม SMEs 4) มีระบบฐานข้อมูลกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ SMEs 5) มีระบบข้อมูลการตลาดและขยายช่องทางการซื้อขายสำหรับ OTOP และ SMEs 6) มีระบบโลจิสติกส์ และ Supply Chain Management เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 7) มีระบบบริการเบ็ดเสร็จสำหรับ SMEs (One Stop Service) 8) มีระบบ Call Center เพื่อให้บริการ SMEs และหน่วยงานราชการ 9) มีระบบวิเคราะห์ติดตาม ดูแลการร่วมลงทุนของ SMEs 10) มีระบบภายในสำนักงาน เพื่อใช้ในการดำเนินการต่างๆ
การดำเนินงานในปัจจุบัน เพื่อให้การพัฒนา SME เป็นไปได้ถูกทิศทางและแก้ปัญหาอย่างมีระบบ ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้เริ่มทำการรวบรวมข้อมูลธุรกิจ SME จากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานประกันสังคม จากการบูรณาการข้อมูลเหล่านี้ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีข้อมูลผู้ประกอบการ SME ประมาณ 1,950,000 ราย โดยสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเป็นสถิติต่าง ๆ ได้แก่ สถิติจำนวนผู้ประกอบการ แยกตามพื้นที่ แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ใช้ ISIC 4 หลัก) แยกตามขนาดของผู้ประกอบการและแยกตามการจ้างแรงงาน นอกจากนี้ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยังมีข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกแยกตามขนาดของผู้ประกอบการ แยกตามประเทศที่นำเข้า-ส่งออก แยกตามกลุ่มสินค้า (Harmonized Code) และมูลค่าสินค้า อีกทั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยังมีข้อมูลของผู้ประกอบการที่ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวนประมาณ 600,000 ราย โดยมี 250,000 รายที่มีข้อมูลในระดับที่สามารถวิเคราะห์เชิงลึกย้อนหลังได้ถึง 5 ปี อาทิ งบการเงิน และรายชื่อผู้ถือหุ้น ทั้งนี้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงได้ดำเนินการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ เพื่อใช้ข้อมูลข้างต้นในเชิงวิเคราะห์ โดยระบบงานต่าง ๆ ทั้งหมดจะแล้วเสร็จในประมาณเดือนธันวาคม ปี 2547 นี้ ได้แก่
1. ระบบสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวธุรกิจ SME เป็นระบบที่ช่วยสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ประกอบการ ซึ่งระบบสามารถแยกกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการสืบค้น ได้ทั้งจากกลุ่มประเภทอุตสาหกรรมหรือเงื่อนไขอื่นเช่นจังหวัดที่ตั้งของธุรกิจนั้น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถหาความเชื่อมโยงของตัวธุรกิจและผู้ถือหุ้น ซึ่งทำให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ SME และประเภทสินค้าของธุรกิจแต่ละรายเป็นอย่างดี
2. ระบบข้อมูลเพื่อใช้วิเคราะห์สภาวะการณ์ของการดำเนินธุรกิจ SME โดยระบบดังกล่าวจะสามารถวิเคราะห์ภาวะการดำเนินธุรกิจของ SME ตั้งแต่ภาวะรวมของระดับอุตสาหกรรมจนกระทั่งถึงระดับตัว SME แต่ละราย โดยเทียบกับผลการดำเนินงานโดยรวมของ SME อื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันและธุรกิจทั้งหมดในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะช่วยชี้ให้เห็นทิศทางของการดำเนินธุรกิจในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมว่าน่าสนใจอย่างไร ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ในด้านการส่งเสริม และขณะเดียวกันข้อมูลดังกล่าวมีส่วนช่วยในการพิจารณาเข้าร่วมลงทุนของกองทุนของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกด้วย
3. ระบบจำลองผลประกอบการของ SME เพื่อให้การสนับสนุน SME เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงนำระบบจำลองผลประกอบการสำหรับ SME มาใช้งาน โดยระบบดังกล่าวจะใช้ข้อมูลจากงบการเงินต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการนำส่งมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนต่าง ๆ ของธุรกิจ ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในรูปของ What-If Analysis เพื่อแนะนำให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการ เพื่อให้ธุรกิจเข้มแข็งขึ้น
4. ระบบพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์สำหรับ SME เพื่อสนับสนุน SME ให้สามารถดำเนินการจำหน่ายสินค้าของตนไปยังลูกค้าที่สนใจได้ทั่วโลก โดยระบบดังกล่าวจะมีระบบย่อยต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ เช่น ระบบบริหารสินค้าคงคลัง โดยเริ่มต้นจาก SME ที่มีศักยภาพสูงจำนวนหนึ่ง
การดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป
1. ระบบข้อมูลทางการตลาดสำหรับ SME เพื่อสนับสนุน SME ในการดำเนินการพาณิชย์โดยเจาะลึกข้อมูลทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศแบบ Intelligence เพื่อสนับสนุน SME เพื่อให้บริหารงานแบบมืออาชีพ
2. การบูรณาการ ISIC และ Harmonized Code เนื่องจากปัจจุบันในการอ้างถึงกลุ่มประเภทของผลิตภัณฑ์มีการใช้รหัสสองกลุ่มคือ ISIC และ Harmonized Code ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีโครงการที่จะเชื่อมโยงรหัสของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกันโดยอาศัย Web Service เพื่อสร้างความสมบูรณ์ของข้อมูลเมื่อมีการเรียกค้นหา
3. ระบบข้อมูลสารสนเทศ BIN (Business Intelligent Network) เพื่อดำเนินการบูรณาการเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะทางธุรกิจเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูล SME
4. โครงการระบบสืบค้นข้อมูลบริษัทในต่างประเทศ เป็นระบบที่นำข้อมูลบริษัทต่าง ๆ ในต่างประเทศจำนวนกว่า 81 ล้านบริษัททั่วโลกมาให้บริการแก่ SME เพื่อสนับสนุนให้ SME สามารถสร้างโอกาสทางการตลาดในต่างประเทศ โดย SME สามารถสืบค้นบริษัทผู้ซื้อและผู้ขายแยกตามประเทศกลุ่มประเภทอุตสาหกรรม และแยกตามขนาดของบริษัท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
วัตถุประสงค์ของโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs
1. เพื่อนำประโยชน์จากการบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการมาส่งเสริม SMEs ในพื้นที่ของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Data & Information Source)
2. เพื่อประมวลข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐมาวิเคราะห์และวิจัยให้ได้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ (Intelligence Core Unit)
3. เพื่อสร้างระบบอำนวยการกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารจากส่วนกลางไปยังระดับจังหวัดและหน่วยงานภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และให้สามารถทำงานได้อย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Agency Services Unit)
4. เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Enhancing Core Activities Unit)
5. เพื่อสร้างระบบให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับข่าวสารจาก Buiness Intelligence Network อย่างสม่ำเสมอทั่วถึง และได้ใช้ข้อมูลในการก่อให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจในกลุ่ม Cluster และ Supply Chain อันจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อเพิ่มรายได้ ช่องทางการตลาดและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ (Public Service Unit)
เป้าหมายของโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs
1) มีระบบรายงานสถานการณ์ SMEs 2) มีระบบข้อมูลเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการทำแผนและนโยบาย 3) มีระบบสื่อสารและประสานงานที่รวดเร็วกับหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริม SMEs 4) มีระบบฐานข้อมูลกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ SMEs 5) มีระบบข้อมูลการตลาดและขยายช่องทางการซื้อขายสำหรับ OTOP และ SMEs 6) มีระบบโลจิสติกส์ และ Supply Chain Management เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 7) มีระบบบริการเบ็ดเสร็จสำหรับ SMEs (One Stop Service) 8) มีระบบ Call Center เพื่อให้บริการ SMEs และหน่วยงานราชการ 9) มีระบบวิเคราะห์ติดตาม ดูแลการร่วมลงทุนของ SMEs 10) มีระบบภายในสำนักงาน เพื่อใช้ในการดำเนินการต่างๆ
การดำเนินงานในปัจจุบัน เพื่อให้การพัฒนา SME เป็นไปได้ถูกทิศทางและแก้ปัญหาอย่างมีระบบ ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้เริ่มทำการรวบรวมข้อมูลธุรกิจ SME จากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานประกันสังคม จากการบูรณาการข้อมูลเหล่านี้ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีข้อมูลผู้ประกอบการ SME ประมาณ 1,950,000 ราย โดยสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเป็นสถิติต่าง ๆ ได้แก่ สถิติจำนวนผู้ประกอบการ แยกตามพื้นที่ แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ใช้ ISIC 4 หลัก) แยกตามขนาดของผู้ประกอบการและแยกตามการจ้างแรงงาน นอกจากนี้ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยังมีข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกแยกตามขนาดของผู้ประกอบการ แยกตามประเทศที่นำเข้า-ส่งออก แยกตามกลุ่มสินค้า (Harmonized Code) และมูลค่าสินค้า อีกทั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ยังมีข้อมูลของผู้ประกอบการที่ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวนประมาณ 600,000 ราย โดยมี 250,000 รายที่มีข้อมูลในระดับที่สามารถวิเคราะห์เชิงลึกย้อนหลังได้ถึง 5 ปี อาทิ งบการเงิน และรายชื่อผู้ถือหุ้น ทั้งนี้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงได้ดำเนินการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ เพื่อใช้ข้อมูลข้างต้นในเชิงวิเคราะห์ โดยระบบงานต่าง ๆ ทั้งหมดจะแล้วเสร็จในประมาณเดือนธันวาคม ปี 2547 นี้ ได้แก่
1. ระบบสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวธุรกิจ SME เป็นระบบที่ช่วยสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ประกอบการ ซึ่งระบบสามารถแยกกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการสืบค้น ได้ทั้งจากกลุ่มประเภทอุตสาหกรรมหรือเงื่อนไขอื่นเช่นจังหวัดที่ตั้งของธุรกิจนั้น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถหาความเชื่อมโยงของตัวธุรกิจและผู้ถือหุ้น ซึ่งทำให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ SME และประเภทสินค้าของธุรกิจแต่ละรายเป็นอย่างดี
2. ระบบข้อมูลเพื่อใช้วิเคราะห์สภาวะการณ์ของการดำเนินธุรกิจ SME โดยระบบดังกล่าวจะสามารถวิเคราะห์ภาวะการดำเนินธุรกิจของ SME ตั้งแต่ภาวะรวมของระดับอุตสาหกรรมจนกระทั่งถึงระดับตัว SME แต่ละราย โดยเทียบกับผลการดำเนินงานโดยรวมของ SME อื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันและธุรกิจทั้งหมดในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะช่วยชี้ให้เห็นทิศทางของการดำเนินธุรกิจในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมว่าน่าสนใจอย่างไร ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ในด้านการส่งเสริม และขณะเดียวกันข้อมูลดังกล่าวมีส่วนช่วยในการพิจารณาเข้าร่วมลงทุนของกองทุนของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกด้วย
3. ระบบจำลองผลประกอบการของ SME เพื่อให้การสนับสนุน SME เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงนำระบบจำลองผลประกอบการสำหรับ SME มาใช้งาน โดยระบบดังกล่าวจะใช้ข้อมูลจากงบการเงินต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการนำส่งมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนต่าง ๆ ของธุรกิจ ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในรูปของ What-If Analysis เพื่อแนะนำให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการ เพื่อให้ธุรกิจเข้มแข็งขึ้น
4. ระบบพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์สำหรับ SME เพื่อสนับสนุน SME ให้สามารถดำเนินการจำหน่ายสินค้าของตนไปยังลูกค้าที่สนใจได้ทั่วโลก โดยระบบดังกล่าวจะมีระบบย่อยต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ เช่น ระบบบริหารสินค้าคงคลัง โดยเริ่มต้นจาก SME ที่มีศักยภาพสูงจำนวนหนึ่ง
การดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป
1. ระบบข้อมูลทางการตลาดสำหรับ SME เพื่อสนับสนุน SME ในการดำเนินการพาณิชย์โดยเจาะลึกข้อมูลทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศแบบ Intelligence เพื่อสนับสนุน SME เพื่อให้บริหารงานแบบมืออาชีพ
2. การบูรณาการ ISIC และ Harmonized Code เนื่องจากปัจจุบันในการอ้างถึงกลุ่มประเภทของผลิตภัณฑ์มีการใช้รหัสสองกลุ่มคือ ISIC และ Harmonized Code ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีโครงการที่จะเชื่อมโยงรหัสของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกันโดยอาศัย Web Service เพื่อสร้างความสมบูรณ์ของข้อมูลเมื่อมีการเรียกค้นหา
3. ระบบข้อมูลสารสนเทศ BIN (Business Intelligent Network) เพื่อดำเนินการบูรณาการเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะทางธุรกิจเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูล SME
4. โครงการระบบสืบค้นข้อมูลบริษัทในต่างประเทศ เป็นระบบที่นำข้อมูลบริษัทต่าง ๆ ในต่างประเทศจำนวนกว่า 81 ล้านบริษัททั่วโลกมาให้บริการแก่ SME เพื่อสนับสนุนให้ SME สามารถสร้างโอกาสทางการตลาดในต่างประเทศ โดย SME สามารถสืบค้นบริษัทผู้ซื้อและผู้ขายแยกตามประเทศกลุ่มประเภทอุตสาหกรรม และแยกตามขนาดของบริษัท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-