คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและการจัดการของเสียจากเรือตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แล้วมีมติเห็นชอบดังนี้
1. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการขนส่งเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการดำเนินงานเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนตามอนุสัญญาบาเซล
2. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรทำการตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่านทั้งขาเข้าและขาออก ตามชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่อาจมีการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายโดยการขนส่งทางบกผ่านจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยได้ ให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น
3. ให้กระทรวงคมนาคมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามอนุสัญญา MARPOL 73/78 ด้านเทคนิควิชาการ ระบบรองรับการจัดการของเสียจากเรือ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด
4. ให้กระทรวงคมนาคมอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญิตเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดระเบียบข้อปฏิบัติ หรือหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อป้องกันมลพิษและลดปัญหามลพิษทางน้ำจากเรืออื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า สถานการณ์ปัญหาการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและการดำเนินงานแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
1. นับตั้งแต่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาบาเซล เมื่อปี พ.ศ. 2541 เป็นเวลา 6 ปี ได้เกิดปัญหาและข้อจำกัดเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางประการ ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อาศัยกลไกของคณะอนุกรรมการอนุสัญญาบาเซลในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
2. ปัญหาเกี่ยวกับมาตรการและช่องว่างของกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า ส่งออก และการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียข้ามแดนเข้ามากำกัดในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดและส่งกลับคืนประเทศต้นทาง รวมทั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศ จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายรองรับการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาบาเซล เพื่อปรับปรุงและหามาตรการควบคุมการขนย้ายของเสียอันตรายที่นำเข้าจากต่างประเทศและที่ส่งออกจากประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมยิ่งขึ้น
3. ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดความรับผิดชอบของบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและกลไกทางการเงินที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในการจัดการกับความเสียหายจากการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน ตามที่อนุสัญญาบาเซลกำหนด ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายต่อประเทศชาติที่อาจเกิดจากเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนดังกล่าว จึงควรเสนอให้มีการจัดทำระบบการประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครอง ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายการจัดการและนำกลับของเสียที่เคลื่อนย้ายออกจากประเทศไทยแล้วเกิดปัญหาหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น
4. การควบคุมและตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่าน (Border Control) ทั้งขาเข้าและขาออกตามปกติ มีการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเข้มงวด แต่ในทางปฏิบัติพบว่าบริเวณหน้าด่านตามชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอาจมีการลักลอบขนส่งของเสียอันตรายโดยทางบกผ่านเข้ามาในประเทศไทยได้ ดังนั้นควรให้มีการควบคุมและตรวจสอบให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น
5. หลังจากที่รัฐสภาได้มีมติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOT 73/78 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2542 ปัจจุบันประเทศไทย ยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 เนื่องจากอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมาย เพื่อรองรับการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 เพื่อใช้เป็นกฎหมายรองรับพันธกรณี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการนำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
6. กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 119 และมาตรา 119 ทวิ ออกกฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือให้สอดคล้องตามอนุสัญญา MARPOL 73/78 โดยกำหนดวิธีจัดการของเสียจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขนาดตั้งแต่ 150 ตันกรอสขึ้นไป เรือบรรทุกสารเคมีเหลวในถังระวางทุกขนาด และเรือชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดตั้งแต่ 400 ตันกรอสขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ครอบคลุมเรือขนาดเล็กที่มีการใช้งานอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย จึงเห็นควรให้มีการออกกฎระเบียบในการควบคุมการถ่ายเททิ้งกากของเสีย ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล สำหรับเรือขนาดเล็ก เป็นการเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
7. ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ภายใต้โครงการนำร่องเพื่อการติดตามตรวจสอบและควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายในภูมิภาคเอเชีย เมื่อวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2547 ที่ประชุมประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซล หน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานตามอนุสัญญาบาเซล รวมทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนอื่นเกี่ยวข้องได้มีความเห็นร่วมกันว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำระบบการประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน โดยให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการจัดการและนำกลับของเสียที่เคลื่อนย้ายจากประเทศไทยแล้วเกิดปัญหาหรือความเสียต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น
8. ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2546 ได้มีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 ให้ที่ประชุมได้รับทราบ ซึ่งที่ประชุมได้มีความเห็นเพิ่มเติมให้เร่งรัดการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และมีมติเห็นชอบให้พิจารณามาตรการป้องกันมลพิษและลดมลพิษทางน้ำจากเรือที่ไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--
1. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการขนส่งเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการดำเนินงานเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนตามอนุสัญญาบาเซล
2. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรทำการตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่านทั้งขาเข้าและขาออก ตามชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่อาจมีการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายโดยการขนส่งทางบกผ่านจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยได้ ให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น
3. ให้กระทรวงคมนาคมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามอนุสัญญา MARPOL 73/78 ด้านเทคนิควิชาการ ระบบรองรับการจัดการของเสียจากเรือ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด
4. ให้กระทรวงคมนาคมอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญิตเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดระเบียบข้อปฏิบัติ หรือหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อป้องกันมลพิษและลดปัญหามลพิษทางน้ำจากเรืออื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า สถานการณ์ปัญหาการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและการดำเนินงานแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
1. นับตั้งแต่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาบาเซล เมื่อปี พ.ศ. 2541 เป็นเวลา 6 ปี ได้เกิดปัญหาและข้อจำกัดเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางประการ ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อาศัยกลไกของคณะอนุกรรมการอนุสัญญาบาเซลในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
2. ปัญหาเกี่ยวกับมาตรการและช่องว่างของกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า ส่งออก และการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียข้ามแดนเข้ามากำกัดในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดและส่งกลับคืนประเทศต้นทาง รวมทั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศ จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายรองรับการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาบาเซล เพื่อปรับปรุงและหามาตรการควบคุมการขนย้ายของเสียอันตรายที่นำเข้าจากต่างประเทศและที่ส่งออกจากประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมยิ่งขึ้น
3. ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดความรับผิดชอบของบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและกลไกทางการเงินที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในการจัดการกับความเสียหายจากการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน ตามที่อนุสัญญาบาเซลกำหนด ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายต่อประเทศชาติที่อาจเกิดจากเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนดังกล่าว จึงควรเสนอให้มีการจัดทำระบบการประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครอง ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายการจัดการและนำกลับของเสียที่เคลื่อนย้ายออกจากประเทศไทยแล้วเกิดปัญหาหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น
4. การควบคุมและตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่าน (Border Control) ทั้งขาเข้าและขาออกตามปกติ มีการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเข้มงวด แต่ในทางปฏิบัติพบว่าบริเวณหน้าด่านตามชายแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอาจมีการลักลอบขนส่งของเสียอันตรายโดยทางบกผ่านเข้ามาในประเทศไทยได้ ดังนั้นควรให้มีการควบคุมและตรวจสอบให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น
5. หลังจากที่รัฐสภาได้มีมติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOT 73/78 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2542 ปัจจุบันประเทศไทย ยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 เนื่องจากอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมาย เพื่อรองรับการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 เพื่อใช้เป็นกฎหมายรองรับพันธกรณี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการนำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
6. กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 119 และมาตรา 119 ทวิ ออกกฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือให้สอดคล้องตามอนุสัญญา MARPOL 73/78 โดยกำหนดวิธีจัดการของเสียจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขนาดตั้งแต่ 150 ตันกรอสขึ้นไป เรือบรรทุกสารเคมีเหลวในถังระวางทุกขนาด และเรือชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดตั้งแต่ 400 ตันกรอสขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ครอบคลุมเรือขนาดเล็กที่มีการใช้งานอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย จึงเห็นควรให้มีการออกกฎระเบียบในการควบคุมการถ่ายเททิ้งกากของเสีย ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล สำหรับเรือขนาดเล็ก เป็นการเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
7. ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ภายใต้โครงการนำร่องเพื่อการติดตามตรวจสอบและควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายในภูมิภาคเอเชีย เมื่อวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2547 ที่ประชุมประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซล หน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานตามอนุสัญญาบาเซล รวมทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนอื่นเกี่ยวข้องได้มีความเห็นร่วมกันว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำระบบการประกันภัยและหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน โดยให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการจัดการและนำกลับของเสียที่เคลื่อนย้ายจากประเทศไทยแล้วเกิดปัญหาหรือความเสียต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น
8. ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2546 ได้มีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 ให้ที่ประชุมได้รับทราบ ซึ่งที่ประชุมได้มีความเห็นเพิ่มเติมให้เร่งรัดการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และมีมติเห็นชอบให้พิจารณามาตรการป้องกันมลพิษและลดมลพิษทางน้ำจากเรือที่ไม่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--