แท็ก
ตำบล
คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้งตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอดังนี้
1. จังหวัดที่ประสบภัย จำนวน 52 จังหวัด 503 อำเภอ 45 กิ่งอำเภอ 3,346 ตำบล 31,597 หมู่บ้าน
2. พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง
2.1 พื้นที่การเกษตรที่ประสบความเสียหายแล้ว ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 7,118,646 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 1,472,751 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 68,796 ไร่
รวมพื้นที่การเกษตร 8,660,193 ไร่
ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 4,440,823,914 บาท
2.2 พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 8,954,800 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 1,946,161 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 656,557 ไร่
รวมพื้นที่การเกษตร 11,557,517 ไร่
ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 7,014,626,067 บาท
3. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
3.1 การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่เพื่อการเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชนรวม 48,929 เครื่อง
(2) ใช้รถบรรทุกน้ำ 285 คัน จำนวน 14,264 เที่ยว ปริมาณน้ำ 113,507,000 ลิตร
(3) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 1,972 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 124 แห่ง
(4) พื้นที่การเกษตรที่ช่วยเหลือ 5,256,500 ไร่
3.2 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
รถบรรทุกน้ำ จำนวน 336 คัน 6,305 เที่ยว
ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 55,935,600 ลิตร
3.3 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
เงินทดลองราชการ (งบ 50 ล้านของจังหวัด) 36,009,456 บาท
งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 28,084,469 บาท
งบประมาณอื่นๆ 9,914,801 บาท
4. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายโภคิน พลกุล) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ ได้ประชุมคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547 และได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับความแห้งแล้งปี 2548 ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2547 ถึงเดือนพฤษภาคม 2548 ดังนี้
1. การจัดหาน้ำอุปโภค/บริโภค ให้มีการจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน ใช้สถานที่โรงเรียน วัดหรือสถานที่ที่เหมาะสมเป็นจุดรับน้ำและแจกจ่ายน้ำ โดยมีคณะกรรมการในหมู่บ้านทั้งกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/สมาชิก อบต./ ผู้แทนโรงเรียน ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานการแจกจ่ายในหมู่บ้านให้ทั่วถึง สำหรับในเขตชุมชนเมืองได้กำหนดให้มีการสำรวจแหล่งน้ำต้นทุนที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาว่าเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอให้เร่งหาแหล่งน้ำต้นทุนสำรอง ตลอดจนการวางแผนการปันส่วนน้ำไว้ล่วงหน้า
นอกจากนั้นให้จังหวัดพิจารณาจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ประสบความแห้งแล้งรุนแรงโดยเน้นการขุดเจาะบ่อบาดาล บ่อน้ำตื้น และระบบประปาหมู่บ้าน
2. การจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร โดยการวางแผนการจัดสรรน้ำ การผันน้ำและควบคุมการใช้น้ำระหว่างจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในการใช้สอยอย่างเพียงพอ
3. การสร้างรายได้และการส่งเสริมระยะสั้น โดยให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพระยะสั้นและสร้างอาชีพเสริมให้ประชาชนที่ประสบภัย
4. การดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย โดยให้มีการแจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังและป้องกันโรคที่เกิดในช่วงฤดูแล้ง
5. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและจังหวัด กำหนดแผนงานและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
6. ให้จังหวัดจัดลำดับความรุนแรงของหมู่บ้านที่ประสบความแห้งแล้งและประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อขุดเจาะบ่อบาดาลตามลำดับความรุนแรงดังกล่าว
7. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารการจัดสรรน้ำในระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเพื่อให้การบริหารจัดสรรน้ำ/ควบคุมการใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดเป็นไปอย่างมีเอกภาพและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการบริหารการจัดสรรน้ำในลุ่มน้ำซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมเกี่ยวข้องหลายจังหวัดให้คณะ-กรรมการประกอบด้วย ส่วนราชการจากส่วนกลางที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าราชการจังหวัดในลุ่มน้ำโดยมีปลัดกระทรวงหรืออธิบดีที่เกี่ยวข้องเป็นประธาน
ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความช่วยเหลือดังนี้
1.กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือการเพาะปลูกและการใช้น้ำต่างๆ ทั่วประเทศทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน จำนวน 1,055 เครื่อง ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่ที่อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำน้อยเพื่อประหยัดน้ำไว้ใช้สำหรับการอุปโภค-บริโภคเพียงอย่างเดียว
2. กรมส่งเสริมการเกษตร รายงานการใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว วงเงิน 91.85 ล้านบาท ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 274,147.25 ไร่ เกษตรกร 20,359 ราย ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชะลอการปลูกพืชในพื้นที่จังหวัดที่ขาดน้ำและให้เกษตรกรระมัดระวังศัตรูพืชระบาดในช่วงที่เกิดภัยแล้ง
3. สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง 5 ศูนย์ 7 ฐาน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ ผลการปฏิบัติการฝนหลวง ระหว่างวันที่ 15-21 พฤศจิกายน 2547 ขึ้นปฏิบัติการ 134 เที่ยวบิน ทำให้ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย ลำพูน พะเยา สุพรรณบุรี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--
1. จังหวัดที่ประสบภัย จำนวน 52 จังหวัด 503 อำเภอ 45 กิ่งอำเภอ 3,346 ตำบล 31,597 หมู่บ้าน
2. พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง
2.1 พื้นที่การเกษตรที่ประสบความเสียหายแล้ว ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 7,118,646 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 1,472,751 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 68,796 ไร่
รวมพื้นที่การเกษตร 8,660,193 ไร่
ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 4,440,823,914 บาท
2.2 พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 8,954,800 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 1,946,161 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 656,557 ไร่
รวมพื้นที่การเกษตร 11,557,517 ไร่
ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 7,014,626,067 บาท
3. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
3.1 การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่เพื่อการเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชนรวม 48,929 เครื่อง
(2) ใช้รถบรรทุกน้ำ 285 คัน จำนวน 14,264 เที่ยว ปริมาณน้ำ 113,507,000 ลิตร
(3) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 1,972 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 124 แห่ง
(4) พื้นที่การเกษตรที่ช่วยเหลือ 5,256,500 ไร่
3.2 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
รถบรรทุกน้ำ จำนวน 336 คัน 6,305 เที่ยว
ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 55,935,600 ลิตร
3.3 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
เงินทดลองราชการ (งบ 50 ล้านของจังหวัด) 36,009,456 บาท
งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 28,084,469 บาท
งบประมาณอื่นๆ 9,914,801 บาท
4. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายโภคิน พลกุล) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ ได้ประชุมคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547 และได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับความแห้งแล้งปี 2548 ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2547 ถึงเดือนพฤษภาคม 2548 ดังนี้
1. การจัดหาน้ำอุปโภค/บริโภค ให้มีการจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน ใช้สถานที่โรงเรียน วัดหรือสถานที่ที่เหมาะสมเป็นจุดรับน้ำและแจกจ่ายน้ำ โดยมีคณะกรรมการในหมู่บ้านทั้งกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/สมาชิก อบต./ ผู้แทนโรงเรียน ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานการแจกจ่ายในหมู่บ้านให้ทั่วถึง สำหรับในเขตชุมชนเมืองได้กำหนดให้มีการสำรวจแหล่งน้ำต้นทุนที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาว่าเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอให้เร่งหาแหล่งน้ำต้นทุนสำรอง ตลอดจนการวางแผนการปันส่วนน้ำไว้ล่วงหน้า
นอกจากนั้นให้จังหวัดพิจารณาจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ประสบความแห้งแล้งรุนแรงโดยเน้นการขุดเจาะบ่อบาดาล บ่อน้ำตื้น และระบบประปาหมู่บ้าน
2. การจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร โดยการวางแผนการจัดสรรน้ำ การผันน้ำและควบคุมการใช้น้ำระหว่างจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในการใช้สอยอย่างเพียงพอ
3. การสร้างรายได้และการส่งเสริมระยะสั้น โดยให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพระยะสั้นและสร้างอาชีพเสริมให้ประชาชนที่ประสบภัย
4. การดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย โดยให้มีการแจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังและป้องกันโรคที่เกิดในช่วงฤดูแล้ง
5. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและจังหวัด กำหนดแผนงานและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้ายในช่วงฤดูแล้ง
6. ให้จังหวัดจัดลำดับความรุนแรงของหมู่บ้านที่ประสบความแห้งแล้งและประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อขุดเจาะบ่อบาดาลตามลำดับความรุนแรงดังกล่าว
7. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารการจัดสรรน้ำในระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเพื่อให้การบริหารจัดสรรน้ำ/ควบคุมการใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดเป็นไปอย่างมีเอกภาพและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการบริหารการจัดสรรน้ำในลุ่มน้ำซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมเกี่ยวข้องหลายจังหวัดให้คณะ-กรรมการประกอบด้วย ส่วนราชการจากส่วนกลางที่เกี่ยวข้องและผู้ว่าราชการจังหวัดในลุ่มน้ำโดยมีปลัดกระทรวงหรืออธิบดีที่เกี่ยวข้องเป็นประธาน
ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความช่วยเหลือดังนี้
1.กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือการเพาะปลูกและการใช้น้ำต่างๆ ทั่วประเทศทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน จำนวน 1,055 เครื่อง ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่ที่อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำน้อยเพื่อประหยัดน้ำไว้ใช้สำหรับการอุปโภค-บริโภคเพียงอย่างเดียว
2. กรมส่งเสริมการเกษตร รายงานการใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว วงเงิน 91.85 ล้านบาท ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 274,147.25 ไร่ เกษตรกร 20,359 ราย ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชะลอการปลูกพืชในพื้นที่จังหวัดที่ขาดน้ำและให้เกษตรกรระมัดระวังศัตรูพืชระบาดในช่วงที่เกิดภัยแล้ง
3. สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง 5 ศูนย์ 7 ฐาน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ ผลการปฏิบัติการฝนหลวง ระหว่างวันที่ 15-21 พฤศจิกายน 2547 ขึ้นปฏิบัติการ 134 เที่ยวบิน ทำให้ฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย ลำพูน พะเยา สุพรรณบุรี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--