คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ และให้เจ้าหน้าที่จัดทำรายละเอียดเนื้อหาข้อบท (legal text) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามความตกลง ฯ และสามารถแก้ไขข้อความที่ไม่มีนัยสำคัญได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการออกระเบียบในการปฏิบัติตามสิทธิและพันธกรณีตามความตกลง ฯ หลังจากมีการลงนามความตกลง ฯ
ผลการเจรจา ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บทบัญญัติของความตกลง (Legal Text) ครอบคลุมสิทธิและพันธกรณีในเรื่องการค้าสินค้า บริการและการลงทุน ประกอบด้วยเรื่องการค้าสินค้า พิธีการและความร่วมมือทางศุลกากร กฎแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัยสัตว์และพืช มาตรฐานสินค้า การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายการแข่งขัน ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อโดยรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายไทยในปัจจุบัน
2. การค้าสินค้า
- การลดภาษี ครอบคลุมสินค้าทุกรายการ โดยจะเริ่มลดภาษีตั้งแต่วันแรกที่ความตกลง ฯ มีผลใช้บังคับ
- มาตรการป้องกัน ในกรณีที่ผลการลดภาษีก่อให้เกิดความเสียหารกับอุตสาหกรรมภายในสามารถนำมาตรการปกป้องตามหลักของ WTO มาใช้ได้ชั่วคราว
- กฎแหล่งกำเนิดสินค้า สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ใช้กฎเรื่องการผลิตในประเทศทั้งหมด สินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้กฎการแปรสภาพอย่างเพียงพอในกระบวนการผลิต สินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าให้ใช้หลักเกณท์การใช้วัตถุดิบภายในประเทศไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 0 เพิ่มเติมด้วย
- มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) เพื่อกำกับ ดูแลความร่วมมือ
3. การค้าบริการ กำหนดให้มีการเจรจาเปิดตลาดการการค้าบริการภายใน 3 ปี หลังจากความตกลงมีผลบังคับใช้
4. การลงทุน ความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนสองฝ่ายที่ไทยกำกับ 37 ประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย
5. ผลดี-ผลกระทบจากการทำความตกลง
ผลดี : ไทยจะได้รับหลักประกันว่าภาษีของนิวซีแลนด์ทั้งหมดจะเป็น 0 ถาวร สินค้าส่งออกของไทย อาทิ รถปิกอัพ กุ้งแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง อาหารทะเล เป็นต้น จะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ จะมีการแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัยซึ่งจะช่วยให้สินค้าผักและผลไม้ไทยสามารถเข้าตลาดนิวซีแลนด์ได้ โดยเริ่มแรกคือ ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ขิงสดและทุเรียน รวมทั้งประโยชน์จากความร่วมมือในการพัฒนาด้านปศุสัตว์ และพ่อครัวไทยจะมีโอกาสเข้าไปทำงานในนิวซีแลนด์ง่ายขึ้น
ผลกระทบ : ไทยจะต้องเปิดสินค้าเกษตรบางรายการ ซึ่งนิวซีแลนด์มีศักยภาพในการผลิตสูงและเป็นรายการที่อ่อนไหวของไทย เช่น เนื้อวัว นม และผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ซึ่งไทยมีเวลาปรับตัว 15-20 ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--
ผลการเจรจา ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บทบัญญัติของความตกลง (Legal Text) ครอบคลุมสิทธิและพันธกรณีในเรื่องการค้าสินค้า บริการและการลงทุน ประกอบด้วยเรื่องการค้าสินค้า พิธีการและความร่วมมือทางศุลกากร กฎแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัยสัตว์และพืช มาตรฐานสินค้า การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายการแข่งขัน ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อโดยรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายไทยในปัจจุบัน
2. การค้าสินค้า
- การลดภาษี ครอบคลุมสินค้าทุกรายการ โดยจะเริ่มลดภาษีตั้งแต่วันแรกที่ความตกลง ฯ มีผลใช้บังคับ
- มาตรการป้องกัน ในกรณีที่ผลการลดภาษีก่อให้เกิดความเสียหารกับอุตสาหกรรมภายในสามารถนำมาตรการปกป้องตามหลักของ WTO มาใช้ได้ชั่วคราว
- กฎแหล่งกำเนิดสินค้า สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ใช้กฎเรื่องการผลิตในประเทศทั้งหมด สินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้กฎการแปรสภาพอย่างเพียงพอในกระบวนการผลิต สินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าให้ใช้หลักเกณท์การใช้วัตถุดิบภายในประเทศไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 0 เพิ่มเติมด้วย
- มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) เพื่อกำกับ ดูแลความร่วมมือ
3. การค้าบริการ กำหนดให้มีการเจรจาเปิดตลาดการการค้าบริการภายใน 3 ปี หลังจากความตกลงมีผลบังคับใช้
4. การลงทุน ความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนสองฝ่ายที่ไทยกำกับ 37 ประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย
5. ผลดี-ผลกระทบจากการทำความตกลง
ผลดี : ไทยจะได้รับหลักประกันว่าภาษีของนิวซีแลนด์ทั้งหมดจะเป็น 0 ถาวร สินค้าส่งออกของไทย อาทิ รถปิกอัพ กุ้งแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง อาหารทะเล เป็นต้น จะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ จะมีการแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัยซึ่งจะช่วยให้สินค้าผักและผลไม้ไทยสามารถเข้าตลาดนิวซีแลนด์ได้ โดยเริ่มแรกคือ ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ขิงสดและทุเรียน รวมทั้งประโยชน์จากความร่วมมือในการพัฒนาด้านปศุสัตว์ และพ่อครัวไทยจะมีโอกาสเข้าไปทำงานในนิวซีแลนด์ง่ายขึ้น
ผลกระทบ : ไทยจะต้องเปิดสินค้าเกษตรบางรายการ ซึ่งนิวซีแลนด์มีศักยภาพในการผลิตสูงและเป็นรายการที่อ่อนไหวของไทย เช่น เนื้อวัว นม และผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ซึ่งไทยมีเวลาปรับตัว 15-20 ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2547--จบ--