คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อได้
กระทรวงการคลังเสนอว่า ระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ได้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว และมีข้อปฏิบัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบดังกล่าว โดยได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าว จากผู้เกี่ยวข้อง
สาระสำคัญของร่างระเบียบฯ เป็นการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ดังนี้
1. ให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ดังนี้ และนำข้อกำหนดในระเบียบที่ให้ยกเลิกไปไว้ในร่างระเบียบฯ โดยแก้ไขถ้อยคำให้เหมาะสม เช่น ให้กระทรวง กรม ควบคุมดูแลให้รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตนปฏิบัติการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ทุกประการโดยใช้อำนาจในฐานะผู้ควบคุมกำกับรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายหรือในฐานะผู้ถือหุ้น
2. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “รัฐวิสาหกิจ” โดยให้ใช้บังคับระเบียบกับรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณเช่นเดิม แต่ให้ยกเว้นรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แหงประเทศไทย
3. ให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามระเบียบมีอำนาจตีความวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบและผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจกำหนดวิธีการวางหลักเกณฑ์หรือออกคำสั่งให้รัฐวิสาหกิจปฏิบัติได้ตามที่จำเป็น ซึ่งเป็นหลักการเดิมตามข้อ 23 ของระเบียบฯ
4. ให้รัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีการแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป
5. ให้รัฐวิสาหกิจตั้งสำรองหนี้สูญเท่าจำนวนลูกหนี้สำหรับที่ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะเรียกชำระได้หรือค้างชำระเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป จากเดิมต้องค้างชำระเกินกว่า 2 ปีขึ้นไป
6. ให้รัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายปิดบัญชีภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด
7. ให้รัฐวิสาหกิจสามารถบริหารสภาพคล่องคงเหลือให้เกิดดอกผลแก่รัฐวิสาหกิจมากขึ้น โดยลงทุนใน ตราสารทางการเงินระยะสั้นที่ออกโดยกระทรวงการคลัง สถาบันการเงินของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
8. ให้รัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้ตามสัญญาแจ้งกระทรวงการคลังทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทันที เพื่อกระทรวงการคลังจะได้พิจารณาดำเนินการต่อไป
9. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดการนำเงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
10. ให้รัฐวิสาหกิจตามระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ที่ได้รับยกเว้นโดยมติคณะรัฐมนตรีไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบในเรื่องใด หรือทั้งหมดยังคงได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามเรื่องดังกล่าวตามร่างระเบียบนี้ เว้นแต่คณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 พฤศจิกายน 2547--จบ--
กระทรวงการคลังเสนอว่า ระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ได้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว และมีข้อปฏิบัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบดังกล่าว โดยได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าว จากผู้เกี่ยวข้อง
สาระสำคัญของร่างระเบียบฯ เป็นการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ดังนี้
1. ให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ดังนี้ และนำข้อกำหนดในระเบียบที่ให้ยกเลิกไปไว้ในร่างระเบียบฯ โดยแก้ไขถ้อยคำให้เหมาะสม เช่น ให้กระทรวง กรม ควบคุมดูแลให้รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตนปฏิบัติการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ทุกประการโดยใช้อำนาจในฐานะผู้ควบคุมกำกับรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายหรือในฐานะผู้ถือหุ้น
2. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “รัฐวิสาหกิจ” โดยให้ใช้บังคับระเบียบกับรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณเช่นเดิม แต่ให้ยกเว้นรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แหงประเทศไทย
3. ให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามระเบียบมีอำนาจตีความวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบและผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจกำหนดวิธีการวางหลักเกณฑ์หรือออกคำสั่งให้รัฐวิสาหกิจปฏิบัติได้ตามที่จำเป็น ซึ่งเป็นหลักการเดิมตามข้อ 23 ของระเบียบฯ
4. ให้รัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีการแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป
5. ให้รัฐวิสาหกิจตั้งสำรองหนี้สูญเท่าจำนวนลูกหนี้สำหรับที่ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะเรียกชำระได้หรือค้างชำระเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป จากเดิมต้องค้างชำระเกินกว่า 2 ปีขึ้นไป
6. ให้รัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายปิดบัญชีภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด
7. ให้รัฐวิสาหกิจสามารถบริหารสภาพคล่องคงเหลือให้เกิดดอกผลแก่รัฐวิสาหกิจมากขึ้น โดยลงทุนใน ตราสารทางการเงินระยะสั้นที่ออกโดยกระทรวงการคลัง สถาบันการเงินของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
8. ให้รัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้ตามสัญญาแจ้งกระทรวงการคลังทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทันที เพื่อกระทรวงการคลังจะได้พิจารณาดำเนินการต่อไป
9. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดการนำเงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
10. ให้รัฐวิสาหกิจตามระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ที่ได้รับยกเว้นโดยมติคณะรัฐมนตรีไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบในเรื่องใด หรือทั้งหมดยังคงได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามเรื่องดังกล่าวตามร่างระเบียบนี้ เว้นแต่คณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 พฤศจิกายน 2547--จบ--