คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในปี พ.ศ. 2544 หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องภายในกรอบ 3 แผนงาน และผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในช่วงปี 2544 — 2547 สรุปได้นี้
1. แผนพัฒนาการตลาด มีการดำเนินการที่สำคัญคือ
1.1 ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ และขยายการตลาดอาหารฮาลาล ใน 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน โอมาน จอร์แดน คูเวต บาห์เรน กาตาร์ อียิปต์ จูบีตี ซูดาน อุซเบกิสถาน และคาซัคสถาน ซึ่งสามารถทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศดังกล่าวได้
1.2 จัดทำระบบข้อมูล และ website อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยในต่างประเทศ
1.3 จัดงานแสดงสินค้าอาหารและอาหารฮาลาลภายในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และตุรกี
2. แผนพัฒนาการผลิตและส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล มีการดำเนินงานที่สำคัญ คือ
2.1 ส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตอาหารฮาลาลใน 150 โรงงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตตามหลักการศาสนาอิสลาม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างการยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย
2.2 พัฒนา และปรับปรุงพันธุ์พืช เช่น ผลไม้ และปศุสัตว์ เช่น โค แพะ แกะ ให้มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอแก่การนำไปแปรรูปเป็นอาหารฮาลาลปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมงจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
2.4 จัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) เพื่อสร้างฐานการผลิตใหม่ โดยพัฒนาปัตตานีให้เป็นศูนย์การผลิตอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของประเทศ
2.5 จัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล พร้อมห้องปฏิบัติการ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ห้องปฏิบัติการโครงข่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสร้างเทคนิคและขีดความสามารถในการทดสอบอาหารฮาลาลให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศที่เหมาะสม ถูกต้อง สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
3. การปรับปรุงกลไกการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล
3.1 พัฒนาการรับรองฮาลาลให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ โดยการฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรับรองฮาลาล และสร้างความเข้าใจเรื่องมาตรฐานอาหารฮาลาลแก่ผู้ผลิตและผู้บริโภค
3.2 จัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาล เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีบทบาทและหน้าที่ในการพัฒนามาตรฐาน กลั่นกรอง ตรวจสอบ การออกใบรับรองอาหารฮาลาลให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ให้เป็นที่เชื่อถือยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการบริหารจัดการเชิงธุรกิจและมีผู้ปฏิบัติงานประจำเต็มเวลา โดยมีคณะกรรมการบริหารสถาบันควบคุมการดำเนินการของสถาบันฯ ภายใต้การกำกับดูแลและการกำหนดนโยบายของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2546 โดยได้รับการสนับสนุนในด้านงบประมาณการก่อตั้งและดำเนินงานในระยะแรกจากภาครัฐ
ผลกระทบจากการดำเนินการ ผลจากการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล สามารถวัดผลสำเร็จได้จากตัวชี้วัดที่สำคัญคือ แนวโน้มของการส่งออกอาหารฮาลาลและการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ซึ่งสรุปผลในเรื่องดังกล่าวได้ดังนี้
1. ผลด้านการส่งออก ในภาพรวมแนวโน้มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่มีแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล โดยสรุปดังนี้
1.1 การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิมในช่วงปี 2544 — 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐดำเนินแผนการสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลได้มีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 10,415 ล้านบาท (251 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2544 เป็น 11,530 ล้านบาท (277 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2546 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ต่อปี และมูลค่าส่งออก ในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,613 ล้านบาท (287 ล้านเหรียญสหรัฐ)
1.2 สัดส่วนมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิม คิดเป็นสัดส่วนกับมูลค่าการส่งออกอาหารสำเร็จรูปทั้งหมดของไทยไปยังตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.1 ในปี 2544 เป็นร้อยละ 6.3 ในปี 2546 ซึ่งชี้ให้เห็นศักยภาพและการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของอาหารฮาลาลของไทย โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป นมและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากข้าวและสิ่งปรุงรส
1.3 ตลาดอาหารฮาลาลที่สำคัญของโลก คือ ตลาดตะวันออกกลางและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าสินค้าอาหารไทยส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวมีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 42 และ 32 ของมูลค่าอาหารฮาลาลส่งออกของไทย ตามลำดับในช่วงปี 2544 — 2546
1.4 ตลาดตะวันออกกลางมีแนวโน้มการนำเข้าสินค้าอาหารไทยเพิ่มจาก 4,149.2 ล้านบาท (100 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2544 เป็น 5,524.8 ล้านบาท (133 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2546 และเฉพาะในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) นำเข้าแล้ว 5,872 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวตลอดเวลา โดยประเทศนำเข้าสำคัญ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตร์ ลิเบีย
1.5 ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับสองแต่กลับมีแนวโน้มการนำเข้าอาหารจากไทยค่อนข้างผันผวน กล่าวคือ เพิ่มจาก 3,545 ล้านบาท ในปี 2544 เป็น 5,096 ล้านบาท ในปี 2545 และลดลงเหลือ 3,563 ล้านบาท ในปี 2546 และในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3,646 ล้านบาท (90 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยประเทศนำเข้าสำคัญคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ การผันผวนของการนำเข้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการนำเข้าของมาเลเซียเป็นหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมเสถียรภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
1.6 ตลาดแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับ 3 เคยมีการนำเข้าประมาณร้อยละ 24 ในปี 2544 หรือประมาณ 2,505 ล้านบาท (100 ล้านเหรียญสหรัฐ) กลับลดเหลือเพียง 1,834 ล้านบาท (42 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 1,979 ล้านบาท (47 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2545 — 2546 ตามลำดับ และในปี 2547 (ม.ค. - พ.ย.) ลดลงเหลือ 1,505.9 ล้านบาท (37 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยจำเป็นต้องมีการดูแลตลาดแอฟริกามากขึ้น โดยประเทศนำเข้าสำคัญในภูมิภาคนี้ คือ อียิปต์ ไนจีเรีย โกตติวัวว์ โมร็อคโค เป็นต้น
1.7 สำหรับตลาดเอเชียใต้ แม้จะมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าอาหารมุสลิมจากไทยน้อย มูลค่า 214 ล้านบาท (5 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยประมาณร้อยละ 2 ในปี 2544 แต่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 4 และ 5 ในปี 2545 — 2546 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 588 ล้านบาท (14 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2547 ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพในการขยายตลาดในภูมิภาคนี้ โดยประเทศที่มีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นคือ ปากีสถาน
1.8 นอกจากตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดแอฟริกา และตลาดเอเชียใต้ ซึ่งเป็นตลาดเดิมของอาหารฮาลาลของไทยแล้ว ยังมีตลาดประเทศมุสลิมใหม่ที่เริ่มมีการนำเข้าสินค้าอาหารฮาลาลจากไทย เช่น คาซัคสถาน ซึ่งไทยก็ต้องให้ความสนใจด้วยเช่นกัน
โดยสรุปสินค้าอาหารฮาลาลของไทยยังคงมีศักยภาพในตลาดโลก โดยในภาพรวมมีการส่งออกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการรักษาตลาดเดิมและขยายตลาดในประเทศที่มีโอกาสมากขึ้น โดยจะต้องเชื่อมโยงการขยายตลาดกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอาหารฮาลาลในประเทศด้วย
2. ผลการดำเนินการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล ได้มีการจัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลด้วยการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อให้เป็นหน่วยงานของประเทศที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินการพัฒนา กลั่นกรอง ตรวจสอบ และการออกใบรับรองฮาลาลให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ภายใต้การกำกับดูแลและการกำหนดนโยบายของ กอท. ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2546
แนวทางการดำเนินงานต่อไป ผลจากการพัฒนาอุตสาหการรมอาหารฮาลาลในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลต่อการขยายการส่งออกและคุณภาพมาตรฐานของอาหารฮาลาลของไทยที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น ในระยะต่อไปจำเป็นต้องเร่งผลักดันเรื่องที่มีความสำคัญต่อการเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้คนในพื้นที่ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้คือ
1. เร่งรัดผลักดันการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) พร้อมทั้งเร่งรัดก่อสร้างและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอาหารแห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานและรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนของผู้ประกอบการคือ การลดความเสี่ยงและลดต้นทุนของผู้ลงทุน โดยให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์และสิ่งจูงใจพิเศษในการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ประกอบการ Cluster อาหารฮาลาลที่เข้ามาตั้งในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) ได้รับสิทธิประโยชน์ ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนโดยทันทีและมีลักษณะที่เป็นพิเศษแตกต่างจากนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป และการจัดตั้งโรงงานภายนอกนิคมอุตสาหกรรม
2. ส่งเสริมภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารฮาลาลตามหลักการศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อสร้างการยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย และสนับสนุนให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลให้มีความหลากหลายมากขึ้น สอดคล้องกับรสนิยมในการบริโภคอาหารของประชากรในแต่ละประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่ม (Valued Creation) ให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทย
3. สนับสนุนการสร้างยี่ห้อสินค้า (Brandname) ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของประเทศไทย และเร่งรัดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารฮาลาลไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเดิมที่มีแนวโน้มการนำเข้าอาหารฮาลาลจากไทยลดลง และตลาดใหม่ที่เริ่มมีการนำเข้าอาหารฮาลาลจากไทย รวมทั้งการสนับสนุนกลไลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--
1. แผนพัฒนาการตลาด มีการดำเนินการที่สำคัญคือ
1.1 ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ และขยายการตลาดอาหารฮาลาล ใน 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน โอมาน จอร์แดน คูเวต บาห์เรน กาตาร์ อียิปต์ จูบีตี ซูดาน อุซเบกิสถาน และคาซัคสถาน ซึ่งสามารถทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศดังกล่าวได้
1.2 จัดทำระบบข้อมูล และ website อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทยในต่างประเทศ
1.3 จัดงานแสดงสินค้าอาหารและอาหารฮาลาลภายในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และตุรกี
2. แผนพัฒนาการผลิตและส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล มีการดำเนินงานที่สำคัญ คือ
2.1 ส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตอาหารฮาลาลใน 150 โรงงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตตามหลักการศาสนาอิสลาม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างการยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย
2.2 พัฒนา และปรับปรุงพันธุ์พืช เช่น ผลไม้ และปศุสัตว์ เช่น โค แพะ แกะ ให้มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอแก่การนำไปแปรรูปเป็นอาหารฮาลาลปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมงจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
2.4 จัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) เพื่อสร้างฐานการผลิตใหม่ โดยพัฒนาปัตตานีให้เป็นศูนย์การผลิตอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของประเทศ
2.5 จัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล พร้อมห้องปฏิบัติการ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ห้องปฏิบัติการโครงข่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสร้างเทคนิคและขีดความสามารถในการทดสอบอาหารฮาลาลให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศที่เหมาะสม ถูกต้อง สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
3. การปรับปรุงกลไกการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล
3.1 พัฒนาการรับรองฮาลาลให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ โดยการฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรับรองฮาลาล และสร้างความเข้าใจเรื่องมาตรฐานอาหารฮาลาลแก่ผู้ผลิตและผู้บริโภค
3.2 จัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาล เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีบทบาทและหน้าที่ในการพัฒนามาตรฐาน กลั่นกรอง ตรวจสอบ การออกใบรับรองอาหารฮาลาลให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ให้เป็นที่เชื่อถือยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการบริหารจัดการเชิงธุรกิจและมีผู้ปฏิบัติงานประจำเต็มเวลา โดยมีคณะกรรมการบริหารสถาบันควบคุมการดำเนินการของสถาบันฯ ภายใต้การกำกับดูแลและการกำหนดนโยบายของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2546 โดยได้รับการสนับสนุนในด้านงบประมาณการก่อตั้งและดำเนินงานในระยะแรกจากภาครัฐ
ผลกระทบจากการดำเนินการ ผลจากการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล สามารถวัดผลสำเร็จได้จากตัวชี้วัดที่สำคัญคือ แนวโน้มของการส่งออกอาหารฮาลาลและการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ซึ่งสรุปผลในเรื่องดังกล่าวได้ดังนี้
1. ผลด้านการส่งออก ในภาพรวมแนวโน้มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่มีแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล โดยสรุปดังนี้
1.1 การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิมในช่วงปี 2544 — 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐดำเนินแผนการสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลได้มีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 10,415 ล้านบาท (251 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2544 เป็น 11,530 ล้านบาท (277 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2546 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ต่อปี และมูลค่าส่งออก ในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,613 ล้านบาท (287 ล้านเหรียญสหรัฐ)
1.2 สัดส่วนมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังประเทศมุสลิม คิดเป็นสัดส่วนกับมูลค่าการส่งออกอาหารสำเร็จรูปทั้งหมดของไทยไปยังตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.1 ในปี 2544 เป็นร้อยละ 6.3 ในปี 2546 ซึ่งชี้ให้เห็นศักยภาพและการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของอาหารฮาลาลของไทย โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป นมและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากข้าวและสิ่งปรุงรส
1.3 ตลาดอาหารฮาลาลที่สำคัญของโลก คือ ตลาดตะวันออกกลางและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าสินค้าอาหารไทยส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวมีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 42 และ 32 ของมูลค่าอาหารฮาลาลส่งออกของไทย ตามลำดับในช่วงปี 2544 — 2546
1.4 ตลาดตะวันออกกลางมีแนวโน้มการนำเข้าสินค้าอาหารไทยเพิ่มจาก 4,149.2 ล้านบาท (100 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2544 เป็น 5,524.8 ล้านบาท (133 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2546 และเฉพาะในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) นำเข้าแล้ว 5,872 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวตลอดเวลา โดยประเทศนำเข้าสำคัญ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตร์ ลิเบีย
1.5 ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับสองแต่กลับมีแนวโน้มการนำเข้าอาหารจากไทยค่อนข้างผันผวน กล่าวคือ เพิ่มจาก 3,545 ล้านบาท ในปี 2544 เป็น 5,096 ล้านบาท ในปี 2545 และลดลงเหลือ 3,563 ล้านบาท ในปี 2546 และในปี 2547 (ม.ค. — พ.ย.) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3,646 ล้านบาท (90 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยประเทศนำเข้าสำคัญคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ การผันผวนของการนำเข้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการนำเข้าของมาเลเซียเป็นหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมเสถียรภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
1.6 ตลาดแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดสำคัญอันดับ 3 เคยมีการนำเข้าประมาณร้อยละ 24 ในปี 2544 หรือประมาณ 2,505 ล้านบาท (100 ล้านเหรียญสหรัฐ) กลับลดเหลือเพียง 1,834 ล้านบาท (42 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 1,979 ล้านบาท (47 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2545 — 2546 ตามลำดับ และในปี 2547 (ม.ค. - พ.ย.) ลดลงเหลือ 1,505.9 ล้านบาท (37 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยจำเป็นต้องมีการดูแลตลาดแอฟริกามากขึ้น โดยประเทศนำเข้าสำคัญในภูมิภาคนี้ คือ อียิปต์ ไนจีเรีย โกตติวัวว์ โมร็อคโค เป็นต้น
1.7 สำหรับตลาดเอเชียใต้ แม้จะมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าอาหารมุสลิมจากไทยน้อย มูลค่า 214 ล้านบาท (5 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยประมาณร้อยละ 2 ในปี 2544 แต่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 4 และ 5 ในปี 2545 — 2546 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 588 ล้านบาท (14 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2547 ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพในการขยายตลาดในภูมิภาคนี้ โดยประเทศที่มีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นคือ ปากีสถาน
1.8 นอกจากตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดแอฟริกา และตลาดเอเชียใต้ ซึ่งเป็นตลาดเดิมของอาหารฮาลาลของไทยแล้ว ยังมีตลาดประเทศมุสลิมใหม่ที่เริ่มมีการนำเข้าสินค้าอาหารฮาลาลจากไทย เช่น คาซัคสถาน ซึ่งไทยก็ต้องให้ความสนใจด้วยเช่นกัน
โดยสรุปสินค้าอาหารฮาลาลของไทยยังคงมีศักยภาพในตลาดโลก โดยในภาพรวมมีการส่งออกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการรักษาตลาดเดิมและขยายตลาดในประเทศที่มีโอกาสมากขึ้น โดยจะต้องเชื่อมโยงการขยายตลาดกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอาหารฮาลาลในประเทศด้วย
2. ผลการดำเนินการรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล ได้มีการจัดตั้งสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลด้วยการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่อให้เป็นหน่วยงานของประเทศที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินการพัฒนา กลั่นกรอง ตรวจสอบ และการออกใบรับรองฮาลาลให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ภายใต้การกำกับดูแลและการกำหนดนโยบายของ กอท. ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2546
แนวทางการดำเนินงานต่อไป ผลจากการพัฒนาอุตสาหการรมอาหารฮาลาลในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลต่อการขยายการส่งออกและคุณภาพมาตรฐานของอาหารฮาลาลของไทยที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น ในระยะต่อไปจำเป็นต้องเร่งผลักดันเรื่องที่มีความสำคัญต่อการเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้คนในพื้นที่ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้คือ
1. เร่งรัดผลักดันการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) พร้อมทั้งเร่งรัดก่อสร้างและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอาหารแห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานและรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนของผู้ประกอบการคือ การลดความเสี่ยงและลดต้นทุนของผู้ลงทุน โดยให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์และสิ่งจูงใจพิเศษในการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ประกอบการ Cluster อาหารฮาลาลที่เข้ามาตั้งในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล (จังหวัดปัตตานี) ได้รับสิทธิประโยชน์ ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนโดยทันทีและมีลักษณะที่เป็นพิเศษแตกต่างจากนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป และการจัดตั้งโรงงานภายนอกนิคมอุตสาหกรรม
2. ส่งเสริมภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารฮาลาลตามหลักการศาสนาอิสลามและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อสร้างการยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย และสนับสนุนให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลให้มีความหลากหลายมากขึ้น สอดคล้องกับรสนิยมในการบริโภคอาหารของประชากรในแต่ละประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่ม (Valued Creation) ให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไทย
3. สนับสนุนการสร้างยี่ห้อสินค้า (Brandname) ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของประเทศไทย และเร่งรัดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารฮาลาลไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเดิมที่มีแนวโน้มการนำเข้าอาหารฮาลาลจากไทยลดลง และตลาดใหม่ที่เริ่มมีการนำเข้าอาหารฮาลาลจากไทย รวมทั้งการสนับสนุนกลไลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--