คณะรัฐมนตรีรับทราบ รายงานการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอิตาลี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอิตาลี (นาย Paolo Scarpa Bonazza) ได้เข้าเยี่ยมและหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สาระสำคัญของการหารือสรุปได้ดังนี้
1. การพิจารณาทบทวนการให้ GSP แก่สินค้ากุ้งของไทย ขณะนี้ สหภาพยุโรปกำลังทบทวนมาตรการการให้สิทธิพิเศษภาษีศุลกากร (Generalized System of Preferences-GSP) ต่อสินค้าเกษตรจากทั่วโลก ทั้งนี้ ไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการ GSP ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เนื่องจากไทยจะต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็งและกุ้งแปรรูปสูงกว่าประเทศผู้ส่งออกที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป กล่าวคือ ไทยเสียภาษีนำเข้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 7 ขณะที่ปรเทศอื่นเสียร้อยละ 4.2 และไทยเสียภาษีนำเข้าสินค้ากุ้งแปรรูปในอัตราร้อยละ 20 ใขณะที่ประเทศอื่นที่ได้สิทธิ GSP เสียร้อยละ 12 ถือเป็นการเลือกปฏิบัติและไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้เป็นอย่างมาก จึงได้ขอให้อิตาลี ในฐานะที่เป็นประเทศที่สามารถโน้มน้าวนโยบายต่างๆ ของสหภาพยุโรปได้ดี สนับสนุนการพิจารณาทบทวนมาตรการ GSP เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรอิตาลีแจ้งว่า ยินดีจะสนับสนุนและจะโน้มน้าวให้สหภาพยุโรปพิจารณาทบทวนข้อเสนอของไทย ซึ่งคาดว่าจะแจ้งข่าวดีให้ทราบได้ในเดือนมีนาคม 2548
2. การส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกันทางการเกษตร
2.1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนของอิตาลี มาร่วมลงทุนในสาขาเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย ซึ่งฝ่ายอิตาลีแจ้งว่าได้ดำเนินการเชิญชวนให้มีการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เช่น การลงทุนเลี้ยงหอยลายเพื่อป้อนสู่ตลาดอิตาลีและสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ฝ่ายอิตาลีได้เสนอว่ามีความต้องการที่จะขยายตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรและสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น น้ำมันมะกอก และไวน์ ด้วย
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยินดีที่จะร่วมมือในเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรและสินค้าเกษตรอื่น โดยเฉพาะเครื่องทุ่นแรงด้านการเกษตร จึงได้ชักชวนให้ฝ่ายอิตาลีมาลงทุนในประเทศไทย โดยไทยจะเป็นประตูเพื่อกระจายสินค้าเกษตรไปสู่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นด้วย ซึ่งฝ่ายอิตาลีรับข้อเสนอของไทยและจะนำไปหารือกับภาคเอกชนต่อไป ขณะเดียวกันก็พร้อมจะเป็นประตูการค้าของไทยสู่ตลาดสหภาพยุโรปด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเกื้อหนุนสินค้าเกษตรที่เห็นชอบร่วมกัน และหลีกเลี่ยงการแข่งขันในสินค้าประเภทเดียวกัน
3. ความร่วมมือด้านการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอว่าควรจะมีคณะทำงานเพื่อพิจารณาโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อวางกรอบความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการเกษตรต่อไปในอนาคตโดยเร็ว ฝ่ายอิตาลีตอบสนองต่อข้อเสนอนี้อย่างดีและจะรีบผลักดันให้มีผลโดยเร็วตามข้อเสนอของไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 ธันวาคม 2547--จบ--
1. การพิจารณาทบทวนการให้ GSP แก่สินค้ากุ้งของไทย ขณะนี้ สหภาพยุโรปกำลังทบทวนมาตรการการให้สิทธิพิเศษภาษีศุลกากร (Generalized System of Preferences-GSP) ต่อสินค้าเกษตรจากทั่วโลก ทั้งนี้ ไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการ GSP ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เนื่องจากไทยจะต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็งและกุ้งแปรรูปสูงกว่าประเทศผู้ส่งออกที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป กล่าวคือ ไทยเสียภาษีนำเข้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 7 ขณะที่ปรเทศอื่นเสียร้อยละ 4.2 และไทยเสียภาษีนำเข้าสินค้ากุ้งแปรรูปในอัตราร้อยละ 20 ใขณะที่ประเทศอื่นที่ได้สิทธิ GSP เสียร้อยละ 12 ถือเป็นการเลือกปฏิบัติและไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้เป็นอย่างมาก จึงได้ขอให้อิตาลี ในฐานะที่เป็นประเทศที่สามารถโน้มน้าวนโยบายต่างๆ ของสหภาพยุโรปได้ดี สนับสนุนการพิจารณาทบทวนมาตรการ GSP เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรอิตาลีแจ้งว่า ยินดีจะสนับสนุนและจะโน้มน้าวให้สหภาพยุโรปพิจารณาทบทวนข้อเสนอของไทย ซึ่งคาดว่าจะแจ้งข่าวดีให้ทราบได้ในเดือนมีนาคม 2548
2. การส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกันทางการเกษตร
2.1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนของอิตาลี มาร่วมลงทุนในสาขาเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย ซึ่งฝ่ายอิตาลีแจ้งว่าได้ดำเนินการเชิญชวนให้มีการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เช่น การลงทุนเลี้ยงหอยลายเพื่อป้อนสู่ตลาดอิตาลีและสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ฝ่ายอิตาลีได้เสนอว่ามีความต้องการที่จะขยายตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรและสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น น้ำมันมะกอก และไวน์ ด้วย
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยินดีที่จะร่วมมือในเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรและสินค้าเกษตรอื่น โดยเฉพาะเครื่องทุ่นแรงด้านการเกษตร จึงได้ชักชวนให้ฝ่ายอิตาลีมาลงทุนในประเทศไทย โดยไทยจะเป็นประตูเพื่อกระจายสินค้าเกษตรไปสู่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นด้วย ซึ่งฝ่ายอิตาลีรับข้อเสนอของไทยและจะนำไปหารือกับภาคเอกชนต่อไป ขณะเดียวกันก็พร้อมจะเป็นประตูการค้าของไทยสู่ตลาดสหภาพยุโรปด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเกื้อหนุนสินค้าเกษตรที่เห็นชอบร่วมกัน และหลีกเลี่ยงการแข่งขันในสินค้าประเภทเดียวกัน
3. ความร่วมมือด้านการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอว่าควรจะมีคณะทำงานเพื่อพิจารณาโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อวางกรอบความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการเกษตรต่อไปในอนาคตโดยเร็ว ฝ่ายอิตาลีตอบสนองต่อข้อเสนอนี้อย่างดีและจะรีบผลักดันให้มีผลโดยเร็วตามข้อเสนอของไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 ธันวาคม 2547--จบ--