คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 ที่ได้
เห็นชอบแนวทางและมาตรการการใช้สื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับแนวทางดังกล่าวไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และดำเนินการในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) กำหนดให้มี “คณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว (กสพด.)” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ฯ เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
(2) คณะกรรมการตาม (1) มีวาระ 4 ปี และกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กสพด. รวม 8 ข้อ
(3) กำหนดให้มี “คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพรายการ” และกำหนดอำนาจหน้าที่ รวม 4 ข้อ
(4) กำหนดให้มี “คณะอนุกรรมการด้านมาตรการสนับสนุน” และกำหนดอำนาจหน้าที่รวม 3 ข้อ
(5) กำหนดให้ “กองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชา-สัมพันธ์” ทำหน้าที่ เป็นสำนักงานเลขานุการของ กสพด.
รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รายงานว่า ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 แล้ว จึงได้เสนอผลการดำเนินการดังกล่าว ดังนี้
1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมการดำเนินงานตามนโยบายการใช้สื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตามคำสั่งที่ 73/2546 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 โดยมี นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานิต์ เป็นประธานและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาหลักเกณฑ์ กองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
2. จัดทำร่างลักษณะรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนและครอบครัว
3. ทำการศึกษา วิจัยและพัฒนาระบบ Quality Rating รายการโทรทัศน์ที่เน้นคุณภาพเพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค จัดหามาตรการสร้างแรงจูงใจ รวมทั้งประสานให้เกิดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นสังคมไทยให้มีส่วนร่วมในการวิพากษ์ วิจารณ์ รายการต่าง ๆ
4. จัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2547
5. ประชุมสัมมนาร่วมกับผู้ประกอบการ ผู้ดำเนินรายการ และผู้ผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2546 เพื่อระดมความคิดเห็นเรื่อง รูปแบบ เนื้อหา และแนวทาง การส่งเสริมรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว
6. รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประชุมสัมมนาร่วมกับผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์และหน่วยงานต้นสังกัด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2546 เพื่อขอความร่วมมือให้สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์จัดสัดส่วนของเวลาในการออกอากาศรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว
7. ประชุมแถลงข่าวร่วมกับผู้บริหารและผู้แทนสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุโทรทัศน์ รวม 7 สถานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547 มีสาระสรุป คือ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์ฯ ได้แก่ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 และช่องไอทีวี ได้มีการทบทวนที่จะปรับผังรายการเพื่อให้ความร่วมมือในการดำเนินงาน
8. คณะทำงานฯ ได้ขอความร่วมมือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กเยาวชนและครอบครัว ของสถานีวิทยุกระจาย-เสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยส่วนภูมิภาค และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 26,526,000.00 บาท (ยี่สิบหกล้านห้าแสนสองหมื่นหกพันบาทถ้วน)
9. ประชุมแถลงข่าวร่วมกับผู้บริหารและผู้แทนสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกสถานี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยสรุปสาระสำคัญและสัดส่วนของเวลารายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยเปรียบเทียบระหว่างเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 ของสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยสรุป พบว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกช่องให้ความร่วมมือระดับดีพอสมควร และคาดว่าจะมีแนวโน้มการจัดเวลาให้กับรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัวเพิ่มมากขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 ธันวาคม 2547--จบ--
เห็นชอบแนวทางและมาตรการการใช้สื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับแนวทางดังกล่าวไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และดำเนินการในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) กำหนดให้มี “คณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว (กสพด.)” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ฯ เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
(2) คณะกรรมการตาม (1) มีวาระ 4 ปี และกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กสพด. รวม 8 ข้อ
(3) กำหนดให้มี “คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพรายการ” และกำหนดอำนาจหน้าที่ รวม 4 ข้อ
(4) กำหนดให้มี “คณะอนุกรรมการด้านมาตรการสนับสนุน” และกำหนดอำนาจหน้าที่รวม 3 ข้อ
(5) กำหนดให้ “กองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชา-สัมพันธ์” ทำหน้าที่ เป็นสำนักงานเลขานุการของ กสพด.
รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รายงานว่า ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 แล้ว จึงได้เสนอผลการดำเนินการดังกล่าว ดังนี้
1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมการดำเนินงานตามนโยบายการใช้สื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตามคำสั่งที่ 73/2546 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 โดยมี นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานิต์ เป็นประธานและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาหลักเกณฑ์ กองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
2. จัดทำร่างลักษณะรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนและครอบครัว
3. ทำการศึกษา วิจัยและพัฒนาระบบ Quality Rating รายการโทรทัศน์ที่เน้นคุณภาพเพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค จัดหามาตรการสร้างแรงจูงใจ รวมทั้งประสานให้เกิดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นสังคมไทยให้มีส่วนร่วมในการวิพากษ์ วิจารณ์ รายการต่าง ๆ
4. จัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อของรัฐเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2547
5. ประชุมสัมมนาร่วมกับผู้ประกอบการ ผู้ดำเนินรายการ และผู้ผลิตรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2546 เพื่อระดมความคิดเห็นเรื่อง รูปแบบ เนื้อหา และแนวทาง การส่งเสริมรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว
6. รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประชุมสัมมนาร่วมกับผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์และหน่วยงานต้นสังกัด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2546 เพื่อขอความร่วมมือให้สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์จัดสัดส่วนของเวลาในการออกอากาศรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว
7. ประชุมแถลงข่าวร่วมกับผู้บริหารและผู้แทนสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุโทรทัศน์ รวม 7 สถานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547 มีสาระสรุป คือ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์ฯ ได้แก่ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 และช่องไอทีวี ได้มีการทบทวนที่จะปรับผังรายการเพื่อให้ความร่วมมือในการดำเนินงาน
8. คณะทำงานฯ ได้ขอความร่วมมือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กเยาวชนและครอบครัว ของสถานีวิทยุกระจาย-เสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยส่วนภูมิภาค และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 26,526,000.00 บาท (ยี่สิบหกล้านห้าแสนสองหมื่นหกพันบาทถ้วน)
9. ประชุมแถลงข่าวร่วมกับผู้บริหารและผู้แทนสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกสถานี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยสรุปสาระสำคัญและสัดส่วนของเวลารายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยเปรียบเทียบระหว่างเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 ของสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยสรุป พบว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกช่องให้ความร่วมมือระดับดีพอสมควร และคาดว่าจะมีแนวโน้มการจัดเวลาให้กับรายการเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัวเพิ่มมากขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 ธันวาคม 2547--จบ--