คณะรัฐมนตรีเห็นชอบข้อกำหนดด้านการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทยเล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2; TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 6 (ฝ่ายสังคม พลังงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า
1. ในการกำกับดูแลประสานงานเกี่ยวกับการปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแนวทางของข้อกำหนด ฯ นี้ ควรมีหน่วยงานกลางมารับผิดชอบเพื่อให้เกิดการบูรณาการ และโดยที่การควบคุมวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มีคณะกรรมการวัตถุอันตราย ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุอันตรายประเภทต่าง ๆ อย่างครอบคลุมแล้ว จึงน่าจะให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นผู้รับผิดชอบ
2. ข้อกำหนด ฯ นี้ เป็นนโยบายหลักเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการในการขนส่งวัตถุอันตราย ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว หากกฎหมาย ระเบียบ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานใดที่มีอยู่เดิมไม่สอดคล้องกับแนวทางของข้อกำหนด ฯ ก็ควรเร่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับแนวทางของข้อกำหนด ฯ ด้วย
3. ควรกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของหน่วยงานแต่ละหน่วยที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตรายแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายแต่ละประเภท
กระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการนำระบบความปลอดภัยด้านการขนส่งและจัดเก็บสินค้าอันตรายมาใช้ให้เกิดผลในการปฏิบัติงาน ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2544 — 2546 โดยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในการนี้ได้มีการจัดทำหลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ และมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าอันตราย และการให้มีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมหลัก 5 ประการ คือ
1. การจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2; TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนน และทางรถไฟ พร้อมข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ในการปฏิบัติและการบังคับใช้
2. การจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 3 (Thai Provisions Volume 3; TP3) ว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ ทางทะเล และทางอากาศ พร้อมข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ในการปฏิบัติและการบังคับใช้
3. การพัฒนากระบวนการดำเนินการฝึกอบรมการปฏิบัติงานภายใต้ระบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งสินค้าอันตราย (Emergency Response System;ERS) พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ
4. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Information System; ERIS) ประกอบด้วยการดำเนินงาน 2 ส่วน ได้แก่ ระบบฐานข้อมูลด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินระยะแรก (Thai First Response Information Database: Thai — FRID) และระบบฐานข้อมูลด้านการขนส่งสินค้าอันตราย (Thai Transport Information Database: Thai — TID) รวมทั้งระบบสารสนเทศ การฝึกอบรม และเผยแพร่ข้อมูล
5. การวางแผนด้านการจัดเก็บ การขนถ่ายและเคลื่อนย้ายและการบริหารความปลอดภัย สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตราย (Safe Storage,Handling and Safety Management System:SHM)
บัดนี้ การดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว ได้สิ้นสุดลงแล้ว
กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนนโดยยึดตามแนวทางของเอกสารหลักเกณฑ์ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศ ทางถนนของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรป ภายใต้องค์การสหประชาชาติ ฉบับปรับปรุงโครงสร้างปี 2546 (Restructured European Agreement Concerning the International Carriage of Dangerous Good by Road 2003: Restructured ADR 2003) ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขนส่งสินค้าอันตรายผ่านแดนทางถนนในกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ได้มีการลงนามในพิธีสารฉบับที่ 9 (Protocol 9) ว่าด้วยเรื่อง การขนส่งสินค้าอันตรายภายใต้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Framework Agreement of the Facilitation of Goods in Transit) โดยตกลงที่จะใช้หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ใน ADR เป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักเกณฑ์และการบริหารจัดการเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในกระบวนการขนส่งสินค้าอันตรายและสารเคมีอันตรายทางถนน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติภัยและทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
ข้อดีและประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 TP2 มีดังนี้
1. เพื่อวางระบบและยกระดับมาตรฐานในด้านการจัดการความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนให้สูงขึ้น
2. เพื่อลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้าอันตราย
3. เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าอันตรายให้มีมาตรฐานตามสากล
4. เพื่อให้มีความสอดคล้องและส่งเสริมให้ประเทศไทยมีมาตรฐานการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าอันตรายตามข้อตกลงเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศ ASEAN ตามที่ได้ลงนามในพิธีสาร ฉบับที่ 9 (Protocol 9)
5. ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีการจัดทำข้อกำหนดด้านการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนขึ้นใช้ จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำในเรื่องนี้
6. เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะมีการขนส่งสินค้าอันตรายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--
คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า
1. ในการกำกับดูแลประสานงานเกี่ยวกับการปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแนวทางของข้อกำหนด ฯ นี้ ควรมีหน่วยงานกลางมารับผิดชอบเพื่อให้เกิดการบูรณาการ และโดยที่การควบคุมวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มีคณะกรรมการวัตถุอันตราย ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุอันตรายประเภทต่าง ๆ อย่างครอบคลุมแล้ว จึงน่าจะให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นผู้รับผิดชอบ
2. ข้อกำหนด ฯ นี้ เป็นนโยบายหลักเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการในการขนส่งวัตถุอันตราย ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว หากกฎหมาย ระเบียบ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานใดที่มีอยู่เดิมไม่สอดคล้องกับแนวทางของข้อกำหนด ฯ ก็ควรเร่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับแนวทางของข้อกำหนด ฯ ด้วย
3. ควรกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของหน่วยงานแต่ละหน่วยที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตรายแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายแต่ละประเภท
กระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการนำระบบความปลอดภัยด้านการขนส่งและจัดเก็บสินค้าอันตรายมาใช้ให้เกิดผลในการปฏิบัติงาน ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2544 — 2546 โดยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในการนี้ได้มีการจัดทำหลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ และมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าอันตราย และการให้มีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมหลัก 5 ประการ คือ
1. การจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2; TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนน และทางรถไฟ พร้อมข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ในการปฏิบัติและการบังคับใช้
2. การจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 3 (Thai Provisions Volume 3; TP3) ว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ ทางทะเล และทางอากาศ พร้อมข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้ในการปฏิบัติและการบังคับใช้
3. การพัฒนากระบวนการดำเนินการฝึกอบรมการปฏิบัติงานภายใต้ระบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งสินค้าอันตราย (Emergency Response System;ERS) พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ
4. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Information System; ERIS) ประกอบด้วยการดำเนินงาน 2 ส่วน ได้แก่ ระบบฐานข้อมูลด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินระยะแรก (Thai First Response Information Database: Thai — FRID) และระบบฐานข้อมูลด้านการขนส่งสินค้าอันตราย (Thai Transport Information Database: Thai — TID) รวมทั้งระบบสารสนเทศ การฝึกอบรม และเผยแพร่ข้อมูล
5. การวางแผนด้านการจัดเก็บ การขนถ่ายและเคลื่อนย้ายและการบริหารความปลอดภัย สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตราย (Safe Storage,Handling and Safety Management System:SHM)
บัดนี้ การดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว ได้สิ้นสุดลงแล้ว
กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนนโดยยึดตามแนวทางของเอกสารหลักเกณฑ์ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศ ทางถนนของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรป ภายใต้องค์การสหประชาชาติ ฉบับปรับปรุงโครงสร้างปี 2546 (Restructured European Agreement Concerning the International Carriage of Dangerous Good by Road 2003: Restructured ADR 2003) ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขนส่งสินค้าอันตรายผ่านแดนทางถนนในกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ได้มีการลงนามในพิธีสารฉบับที่ 9 (Protocol 9) ว่าด้วยเรื่อง การขนส่งสินค้าอันตรายภายใต้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Framework Agreement of the Facilitation of Goods in Transit) โดยตกลงที่จะใช้หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ใน ADR เป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักเกณฑ์และการบริหารจัดการเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในกระบวนการขนส่งสินค้าอันตรายและสารเคมีอันตรายทางถนน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติภัยและทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
ข้อดีและประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 TP2 มีดังนี้
1. เพื่อวางระบบและยกระดับมาตรฐานในด้านการจัดการความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนให้สูงขึ้น
2. เพื่อลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้าอันตราย
3. เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าอันตรายให้มีมาตรฐานตามสากล
4. เพื่อให้มีความสอดคล้องและส่งเสริมให้ประเทศไทยมีมาตรฐานการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าอันตรายตามข้อตกลงเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศ ASEAN ตามที่ได้ลงนามในพิธีสาร ฉบับที่ 9 (Protocol 9)
5. ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีการจัดทำข้อกำหนดด้านการขนส่งสินค้าอันตรายทางถนนขึ้นใช้ จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำในเรื่องนี้
6. เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะมีการขนส่งสินค้าอันตรายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--