คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์ประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานเฉพาะด้าน ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ ร่วมกับ สำนักงบประมาณ ได้ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ สบร. และหน่วยงานเฉพาะด้าน สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. เหตุผลความจำเป็น
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และหน่วยงานเฉพาะด้าน มีภารกิจในการบริหารจัดการ ลงทุนทางปัญญา และพัฒนาบุคลากรของประเทศ โดยส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาขีดความสามารถของตนผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะ
การเป็นองค์กรในการพัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน ให้เกิดผลปฏิบัติภายใต้ระยะเวลาอันจำกัด จะต้องอาศัยคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ความรู้เชี่ยวชาญและความสามารถสูงเป็นพิเศษในการบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารเครือข่ายหรือองค์กรที่มีสาขาระดับประเทศและระหว่างประเทศนั้น เป็นภารกิจพิเศษ ซึ่งมิใช่งานบริการสาธารณะทั่วไป และคณะผู้บริหารต้องมีรูปแบบ ระยะเวลา และกระบวนการทำงานที่แตกต่างจากคณะกรรมการในรูปแบบปกติทั่วไป นอกจากนี้คณะกรรมการจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานและความอยู่รอดขององค์กร ภายใต้คำรับรองผลการดำเนินงานกับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอีกส่วนหนึ่งด้วย
เนื่องจาก พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 มาตรา 26 กำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการที่ปรึกษา และอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด แต่ในปัจจุบันคณะรัฐมนตรียังไม่เคยกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะฯ ในอัตราข้าราชการพลเรือน ระดับ 10 ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายตามที่จ่ายจริง
ดังนั้น จึงเห็นสมควรกำหนดกรอบอัตราประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการ สบร. และหน่วยงานเฉพาะด้าน อันอาจประกอบด้วย เงินสมนาคุณ ค่ารับรอง การปฏิบัติงานเต็มเวลาและการปฏิบัติพิเศษนอกเวลา ในลักษณะที่เป็นประโยชน์ตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือน โดยให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแล สบร. เป็นผู้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่าย โดยคำนึงปัจจัยและความจำเป็นต่างๆ ตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง
2. หลักเกณฑ์การกำหนดประโยชน์ตอบแทนแก่กรรมการ
2.1 รัฐมนตรีผู้กำกับดูแล เป็นผู้มีอำนาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ ตามช่วงอัตราที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยคำนึงถึง
1) วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด และผลผลิต
2) ภารกิจหน้าที่และประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลกิจการขององค์การมหาชนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
3) ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน กับขนาดและรายได้ขององค์กร
4) กรอบวงเงินค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์กร ต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินอุดหนุนประจำปี
2.2 กำหนดกรอบอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการ ในลักษณะเหมาจ่ายรายเดือนในอัตราเดือนละห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท และประธานกรรมการได้ไม่เกินหนึ่งเท่าของกรรมการ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลเป็นผู้กำหนด
2.3 ให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแล ติดตามผลการดำเนินงานตามคำรับรองผลการปฏิบัติงานระหว่างรัฐมนตรีกับประธานกรรมการ เพื่อนำมาใช้ประกอบในการปรับปรุงประโยชน์ตอบแทน ซึ่งอาจเป็นมาตรการเชิงลบ หรือเป็นมาตรการจูงใจกับคณะผู้บริหารองค์การมหาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--
1. เหตุผลความจำเป็น
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และหน่วยงานเฉพาะด้าน มีภารกิจในการบริหารจัดการ ลงทุนทางปัญญา และพัฒนาบุคลากรของประเทศ โดยส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาขีดความสามารถของตนผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะ
การเป็นองค์กรในการพัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน ให้เกิดผลปฏิบัติภายใต้ระยะเวลาอันจำกัด จะต้องอาศัยคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ความรู้เชี่ยวชาญและความสามารถสูงเป็นพิเศษในการบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารเครือข่ายหรือองค์กรที่มีสาขาระดับประเทศและระหว่างประเทศนั้น เป็นภารกิจพิเศษ ซึ่งมิใช่งานบริการสาธารณะทั่วไป และคณะผู้บริหารต้องมีรูปแบบ ระยะเวลา และกระบวนการทำงานที่แตกต่างจากคณะกรรมการในรูปแบบปกติทั่วไป นอกจากนี้คณะกรรมการจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานและความอยู่รอดขององค์กร ภายใต้คำรับรองผลการดำเนินงานกับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอีกส่วนหนึ่งด้วย
เนื่องจาก พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 มาตรา 26 กำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการที่ปรึกษา และอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด แต่ในปัจจุบันคณะรัฐมนตรียังไม่เคยกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะฯ ในอัตราข้าราชการพลเรือน ระดับ 10 ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายตามที่จ่ายจริง
ดังนั้น จึงเห็นสมควรกำหนดกรอบอัตราประโยชน์ตอบแทนคณะกรรมการ สบร. และหน่วยงานเฉพาะด้าน อันอาจประกอบด้วย เงินสมนาคุณ ค่ารับรอง การปฏิบัติงานเต็มเวลาและการปฏิบัติพิเศษนอกเวลา ในลักษณะที่เป็นประโยชน์ตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือน โดยให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแล สบร. เป็นผู้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่าย โดยคำนึงปัจจัยและความจำเป็นต่างๆ ตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง
2. หลักเกณฑ์การกำหนดประโยชน์ตอบแทนแก่กรรมการ
2.1 รัฐมนตรีผู้กำกับดูแล เป็นผู้มีอำนาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ ตามช่วงอัตราที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยคำนึงถึง
1) วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด และผลผลิต
2) ภารกิจหน้าที่และประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลกิจการขององค์การมหาชนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
3) ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน กับขนาดและรายได้ขององค์กร
4) กรอบวงเงินค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์กร ต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินอุดหนุนประจำปี
2.2 กำหนดกรอบอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการ ในลักษณะเหมาจ่ายรายเดือนในอัตราเดือนละห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท และประธานกรรมการได้ไม่เกินหนึ่งเท่าของกรรมการ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลเป็นผู้กำหนด
2.3 ให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแล ติดตามผลการดำเนินงานตามคำรับรองผลการปฏิบัติงานระหว่างรัฐมนตรีกับประธานกรรมการ เพื่อนำมาใช้ประกอบในการปรับปรุงประโยชน์ตอบแทน ซึ่งอาจเป็นมาตรการเชิงลบ หรือเป็นมาตรการจูงใจกับคณะผู้บริหารองค์การมหาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--