ทำเนียบรัฐบาล--26 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการกำหนดวงเงินกู้และตราสารเงินกู้ประเภทต่าง ๆ รวมทั้งเงื่อนไขรายละเอียดของตราสารเงินกู้ได้ตามความจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ในวงเงินกู้ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามอัตราตลาดและอายุของตราสารเงินกู้ไม่เกิน 15 ปี นั้น กระทรวงการคลังจึงได้ดำเนินการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 จำนวน 25,000 ล้านบาท อายุพันธบัตร 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.75 ต่อปี จำหน่ายหน่วยละ 1,000 บาท และเป็นพันธบัตรชนิดเปลี่ยนมือได้ โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2542 เป็นต้นไป สำหรับวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลที่เหลือ กระทรวงการคลังจะพิจารณา ดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมให้แก่ประชาชน เนื่องจากหนี้อันไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ในระบบยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงทำให้ธนาคารพาณิชย์บางแห่งจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ทำให้ประชาชนได้รับผลตอบแทนจากเงินฝากลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 พฤษภาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการกำหนดวงเงินกู้และตราสารเงินกู้ประเภทต่าง ๆ รวมทั้งเงื่อนไขรายละเอียดของตราสารเงินกู้ได้ตามความจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ในวงเงินกู้ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามอัตราตลาดและอายุของตราสารเงินกู้ไม่เกิน 15 ปี นั้น กระทรวงการคลังจึงได้ดำเนินการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 จำนวน 25,000 ล้านบาท อายุพันธบัตร 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.75 ต่อปี จำหน่ายหน่วยละ 1,000 บาท และเป็นพันธบัตรชนิดเปลี่ยนมือได้ โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2542 เป็นต้นไป สำหรับวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลที่เหลือ กระทรวงการคลังจะพิจารณา ดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมให้แก่ประชาชน เนื่องจากหนี้อันไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ในระบบยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงทำให้ธนาคารพาณิชย์บางแห่งจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ทำให้ประชาชนได้รับผลตอบแทนจากเงินฝากลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 พฤษภาคม 2542--