ทำเนียบรัฐบาล--10 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รายงานประมวลสถานการณ์ราคาพืชผลเกษตรหลักในช่วงไตรมาสที่ 1/2542 และแนวโน้มปี 2542 โดยสรุปได้ ดังนี้
1. สถานการณ์สินค้าเกษตรไตรมาสแรกปี 2542 (มกราคม - มีนาคม 2542)
1.1 การผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจาก 1) ดินฟ้าอากาศดี 2) ราคาจูงใจ และ 3) แรงงานคืนถิ่นสู่ภาคเกษตร
1.2 อุปสงค์ของสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลง การส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกลดลง 5.3% ความต้องการในประเทศลดลง 5 - 10% สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพประมาณ 35 - 37 บาท/US$
1.3 ราคาอ่อนตัวลง โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ เพราะราคาสินค้าเกษตรในเทอมเงินเหรียญสหรัฐฯ อ่อนตัวลง แต่ราคาในเทอมเงินบาทส่วนใหญ่แล้วราคาดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี
1) สินค้าที่ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลง ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่วเหลือง สับปะรด หอมหัวใหญ่ กุ้งกุลาดำ ปลาป่น ตะพาบน้ำ เป็นต้น
2) สินค้าที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา ได้แก่ หอมแดง พริกแห้ง กระเทียม ถั่วเขียวผิวมันถั่วเขียวผิวดำ ถั่วนิ้วนางแดง ลูกเดือย เป็นต้น
3) สินค้าเกษตรที่ราคาดีกว่าช่วงไตรมาสแรกในปีก่อน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน สุกร ไก่เนื้อ กาแฟ เกลือทะเล ปอ
2. แนวโน้มปี 2542
2.1 ด้านอุปทาน สต๊อกคงเหลือยกมาในปี 2541/42 อยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ประกอบกับการคาดการณ์ผลผลิตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2542/43 โดยผลผลิตสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปี ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสงมันสำปะหลัง อ้อย - โรงงาน กาแฟ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา หอมแดง หอมหัวใหญ่ พริกไทย สับปะรด ลำไย และไก่เนื้อ จะมีแนวโน้มดีกว่าปีที่ผ่านมา
2.2 ด้านอุปสงค์ ความต้องการภายในประเทศ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง เช่น หมวดข้าวและธัญพืช ลดลงร้อยละ3 - 7 หมวดเนื้อสัตว์ ลดลงร้อยละ 5 - 12 หมวดผักและผลไม้ ลดลงร้อยละ 5 - 20 ปริมาณการส่งออก 2 เดือนแรกที่ลดลงได้แก่ ข้าวยางพารา กุ้งสดแช่แข็ง ไก่แช่แข็งและแปรรูป กาแฟดิบ ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูปและอาหารทะเลกระป๋อง สาเหตุเกิดจากประเทศผู้นำเข้าเกิดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปรับตัวแข็งขึ้น รวมตลอดทั้งเกิดปัญหาสภาพคล่องในช่วงต้นปีค่อนข้างมาก
2.3 แนวโน้มในช่วง 3 ไตรมาสหลังปี 2542
หมวดข้าวและธัญพืช ราคามีแนวโน้มจะดีกว่าช่วงไตรมาสแรก ส่วนข้าวแนวโน้มราคายังทรงตัวอยู่
หมวดพืชน้ำมัน ปาล์มน้ำมัน และน้ำมันถั่วเหลือง มีแนวโน้มอ่อนตัวลง กากถั่วเหลือง มีแนวโน้มราคาค่อนข้างทรงตัวและอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
หมวดเครื่องปรุงและเครื่องเทศ ราคาจะอยู่ในแนวโน้มที่ดี เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้การลักลอบจากต่างประเทศลดลง
หมวดพืชเส้นใย ราคาปอมีแนวโน้มทรงตัว เพราะปริมาณผลผลิตได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
หมวดกาแฟและยางพารา ราคากาแฟมีแนวโน้มค่อนข้างดี ตลอดปี 2542 อันเป็นผลมาจากตลาดกาแฟโลก และการยกเว้นค่าธรรมเนียมส่งออกเมล็ดกาแฟ ส่วนยางพารานั้น ราคาต่ำจากภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปี 2542 จะปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น
หมวดปศุสัตว์และการประมง เกลือทะเลมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น อันเป็นผลจากฝนตกทำนาเกลือไม่ได้ และประเทศเกาหลีมีความต้องการมาก ส่วนไก่เนื้อ สุกร ไก่ไข่ กุ้งกุลาดำ ราคามีแนวโน้มสูงกว่าไตรมาสแรก
หมวดผักสดและผลไม้ ทุเรียน เงาะ และสับปะรด อ่อนตัวลง แต่ลำไยและลิ้นจี่คาดว่าจะมีแนวโน้มราคาค่อนข้างดี
รายได้ภาคเกษตรโดยรวมเมื่อเทียบกับปี 2539/40 แล้ว นับว่าปี 2542 อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เนื่องจากราคาเฉลี่ยใกล้เคียงกัน แต่ปริมาณโดยรวมค่อนข้างมาก และเมื่อเทียบรายได้กับปี 2540/41 ซึ่งผลผลิตลดลง แต่ราคาพืชแต่ละชนิดค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ อันเป็นผลโดยตรงจากอัตราแลกเปลี่ยน นั้น นับว่าโดยรวมเฉลี่ยทุกสาขารายได้เทียบกับปีนี้ยังแตกต่างกันไม่มาก
3. การแก้ไขปัญหา
3.1 การช่วยเหลือเกษตรกรโดยผ่านกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มูลค่าสินค้าเกษตรเบื้องต้นคำนวณจากราคาเกษตรกรขายได้ มีมูลค่ารวม 650,000 ล้านบาท คชก.ช่วยเหลือทั้งสิ้น 9,988.298 ล้านบาท โดยแยกเป็นด้านปัจจัยการผลิต รวม 2,519.410 ล้านบาท ด้านการตลาด รวม 7,464.050 ล้านบาท จำนวน 30 โครงการ 12 สินค้า ได้แก่ ข้าว 2,676.95 ล้านบาท ข้าวโพด 1,509.60 ล้านบาท หอมแดง 130.00 ล้านบาท หอมหัวใหญ่ 230 ล้านบาท ผลไม้ 440.60 ล้านบาท ไข่ไก่ 30 ล้านบาท ปอ 86 ล้านบาท เกลือ 60 ล้านบาท กุ้ง 1,000 ล้านบาท และปาล์มน้ำมัน 600 ล้านบาท ฯลฯ ค่าใช้จ่ายบริหารอีก 4.838 ล้านบาท
3.2 การจัดระบบเชื่อมโยง ได้จัดระบบแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ กากถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ข้าวโพด และปลาป่น
3.3 การจัดระบบส่งออกและนำเข้า เช่น ผลปาล์ม - น้ำมันปาล์ม
3.4 การเร่งรัดการส่งออก ได้เร่งรัดการส่งออกโดยให้ความสำคัญสินค้าเกษตรหลัก การค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) และการขายสินค้าเกษตรในรูปสินเชื่อ และส่งเสริมให้มีการขายภายใต้ Brand Name
3.5 การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและอุปสรรคส่งออก ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน แก้ไขปัญหาการส่งออกโดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่อง อัตราภาษี และค่าเงินบาท พร้อมทั้งได้วางระบบการลดข้อกีดกัน ทั้งเรื่อง AD/ CVD และ GSP ควบคู่ไปกับการเจรจาลดอุปสรรคของประเทศคู่ค้าในเรื่องนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 พฤษภาคม 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รายงานประมวลสถานการณ์ราคาพืชผลเกษตรหลักในช่วงไตรมาสที่ 1/2542 และแนวโน้มปี 2542 โดยสรุปได้ ดังนี้
1. สถานการณ์สินค้าเกษตรไตรมาสแรกปี 2542 (มกราคม - มีนาคม 2542)
1.1 การผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจาก 1) ดินฟ้าอากาศดี 2) ราคาจูงใจ และ 3) แรงงานคืนถิ่นสู่ภาคเกษตร
1.2 อุปสงค์ของสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลง การส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกลดลง 5.3% ความต้องการในประเทศลดลง 5 - 10% สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพประมาณ 35 - 37 บาท/US$
1.3 ราคาอ่อนตัวลง โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ เพราะราคาสินค้าเกษตรในเทอมเงินเหรียญสหรัฐฯ อ่อนตัวลง แต่ราคาในเทอมเงินบาทส่วนใหญ่แล้วราคาดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี
1) สินค้าที่ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลง ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่วเหลือง สับปะรด หอมหัวใหญ่ กุ้งกุลาดำ ปลาป่น ตะพาบน้ำ เป็นต้น
2) สินค้าที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา ได้แก่ หอมแดง พริกแห้ง กระเทียม ถั่วเขียวผิวมันถั่วเขียวผิวดำ ถั่วนิ้วนางแดง ลูกเดือย เป็นต้น
3) สินค้าเกษตรที่ราคาดีกว่าช่วงไตรมาสแรกในปีก่อน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน สุกร ไก่เนื้อ กาแฟ เกลือทะเล ปอ
2. แนวโน้มปี 2542
2.1 ด้านอุปทาน สต๊อกคงเหลือยกมาในปี 2541/42 อยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ประกอบกับการคาดการณ์ผลผลิตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2542/43 โดยผลผลิตสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปี ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสงมันสำปะหลัง อ้อย - โรงงาน กาแฟ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา หอมแดง หอมหัวใหญ่ พริกไทย สับปะรด ลำไย และไก่เนื้อ จะมีแนวโน้มดีกว่าปีที่ผ่านมา
2.2 ด้านอุปสงค์ ความต้องการภายในประเทศ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง เช่น หมวดข้าวและธัญพืช ลดลงร้อยละ3 - 7 หมวดเนื้อสัตว์ ลดลงร้อยละ 5 - 12 หมวดผักและผลไม้ ลดลงร้อยละ 5 - 20 ปริมาณการส่งออก 2 เดือนแรกที่ลดลงได้แก่ ข้าวยางพารา กุ้งสดแช่แข็ง ไก่แช่แข็งและแปรรูป กาแฟดิบ ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูปและอาหารทะเลกระป๋อง สาเหตุเกิดจากประเทศผู้นำเข้าเกิดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนปรับตัวแข็งขึ้น รวมตลอดทั้งเกิดปัญหาสภาพคล่องในช่วงต้นปีค่อนข้างมาก
2.3 แนวโน้มในช่วง 3 ไตรมาสหลังปี 2542
หมวดข้าวและธัญพืช ราคามีแนวโน้มจะดีกว่าช่วงไตรมาสแรก ส่วนข้าวแนวโน้มราคายังทรงตัวอยู่
หมวดพืชน้ำมัน ปาล์มน้ำมัน และน้ำมันถั่วเหลือง มีแนวโน้มอ่อนตัวลง กากถั่วเหลือง มีแนวโน้มราคาค่อนข้างทรงตัวและอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
หมวดเครื่องปรุงและเครื่องเทศ ราคาจะอยู่ในแนวโน้มที่ดี เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้การลักลอบจากต่างประเทศลดลง
หมวดพืชเส้นใย ราคาปอมีแนวโน้มทรงตัว เพราะปริมาณผลผลิตได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
หมวดกาแฟและยางพารา ราคากาแฟมีแนวโน้มค่อนข้างดี ตลอดปี 2542 อันเป็นผลมาจากตลาดกาแฟโลก และการยกเว้นค่าธรรมเนียมส่งออกเมล็ดกาแฟ ส่วนยางพารานั้น ราคาต่ำจากภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปี 2542 จะปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น
หมวดปศุสัตว์และการประมง เกลือทะเลมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น อันเป็นผลจากฝนตกทำนาเกลือไม่ได้ และประเทศเกาหลีมีความต้องการมาก ส่วนไก่เนื้อ สุกร ไก่ไข่ กุ้งกุลาดำ ราคามีแนวโน้มสูงกว่าไตรมาสแรก
หมวดผักสดและผลไม้ ทุเรียน เงาะ และสับปะรด อ่อนตัวลง แต่ลำไยและลิ้นจี่คาดว่าจะมีแนวโน้มราคาค่อนข้างดี
รายได้ภาคเกษตรโดยรวมเมื่อเทียบกับปี 2539/40 แล้ว นับว่าปี 2542 อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เนื่องจากราคาเฉลี่ยใกล้เคียงกัน แต่ปริมาณโดยรวมค่อนข้างมาก และเมื่อเทียบรายได้กับปี 2540/41 ซึ่งผลผลิตลดลง แต่ราคาพืชแต่ละชนิดค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ อันเป็นผลโดยตรงจากอัตราแลกเปลี่ยน นั้น นับว่าโดยรวมเฉลี่ยทุกสาขารายได้เทียบกับปีนี้ยังแตกต่างกันไม่มาก
3. การแก้ไขปัญหา
3.1 การช่วยเหลือเกษตรกรโดยผ่านกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มูลค่าสินค้าเกษตรเบื้องต้นคำนวณจากราคาเกษตรกรขายได้ มีมูลค่ารวม 650,000 ล้านบาท คชก.ช่วยเหลือทั้งสิ้น 9,988.298 ล้านบาท โดยแยกเป็นด้านปัจจัยการผลิต รวม 2,519.410 ล้านบาท ด้านการตลาด รวม 7,464.050 ล้านบาท จำนวน 30 โครงการ 12 สินค้า ได้แก่ ข้าว 2,676.95 ล้านบาท ข้าวโพด 1,509.60 ล้านบาท หอมแดง 130.00 ล้านบาท หอมหัวใหญ่ 230 ล้านบาท ผลไม้ 440.60 ล้านบาท ไข่ไก่ 30 ล้านบาท ปอ 86 ล้านบาท เกลือ 60 ล้านบาท กุ้ง 1,000 ล้านบาท และปาล์มน้ำมัน 600 ล้านบาท ฯลฯ ค่าใช้จ่ายบริหารอีก 4.838 ล้านบาท
3.2 การจัดระบบเชื่อมโยง ได้จัดระบบแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ กากถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ข้าวโพด และปลาป่น
3.3 การจัดระบบส่งออกและนำเข้า เช่น ผลปาล์ม - น้ำมันปาล์ม
3.4 การเร่งรัดการส่งออก ได้เร่งรัดการส่งออกโดยให้ความสำคัญสินค้าเกษตรหลัก การค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) และการขายสินค้าเกษตรในรูปสินเชื่อ และส่งเสริมให้มีการขายภายใต้ Brand Name
3.5 การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและอุปสรรคส่งออก ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน แก้ไขปัญหาการส่งออกโดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่อง อัตราภาษี และค่าเงินบาท พร้อมทั้งได้วางระบบการลดข้อกีดกัน ทั้งเรื่อง AD/ CVD และ GSP ควบคู่ไปกับการเจรจาลดอุปสรรคของประเทศคู่ค้าในเรื่องนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 พฤษภาคม 2542--