ทำเนียบรัฐบาล--23 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำ ตามที่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้
1. กระทรวงพาณิชย์
1.1 ผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดทั้งปี โดยผลิตจะออกมาก 2 ช่วง คือ พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ และเมษายน -พฤษภาคม ในปี 2536 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ราคาสับปะรด ได้อ่อนตัวลง เหลือกิโลกรัมละ 1.40 - 1.50 บาท ณ หน้าโรงงานสับปะรดกระป๋อง ต่อมาในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2536 ราคาสับปะรดได้อ่อนตัวลงอีกเหลือกิโลกรัมละ 1.00 - 1.10 บาท สาเหตุเนื่อง จากภาวะการส่งออกสับปะรดกระป๋องมีการแข่งขันกันมากในตลาดต่างประเทศผู้นำเข้าสั่งซื้อน้อยลง และ ราคาตลาดโลกตกต่ำ เกษตรกรจึงได้ร้องเรียนขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ
1.2 ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อ 1.1 โดยนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดให้ได้รับอนุมัติ เงินกองทุนรวม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อดำเนินโครงการแทรกแซงตลาด 2 ครั้ง ครั้งแรกวงเงิน 109.116 ล้านบาท ครั้งที่สอง วงเงิน 162 ล้านบาท
1.3 การแก้ไขปัญหาในระยะยาว เห็นควรดำเนินการจัดระบบการส่งออกผลิตภัณฑ์สับปะรด เพื่อแก้ไขปัญหาการแข่งขันขายตัดราคา และส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกัน ทั้งโรงงานสับปะรดกระป๋อง และผู้ส่งออก ให้มีกลไกในการกำกับดูแล ทั้งในด้านการรักษาวินัยทางการค้า และให้เกิดความร่วมมือ ในการรักษาเสถียรภาพของราคา และให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคณะ รัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2536 เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติ การส่งออกไปนอก และการนำเข้าในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าพ.ศ. 2522 กำหนดให้ผู้ส่งออกสับปะรด กระป๋องเข้มข้นต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
2. กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้จังหวัดในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 13 จังหวัด ที่มีการปลูก สับปะรดตามแผนพัฒนาสับปะรดปี 2537 - 2540 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบว่า การแก้ไข ปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำในระยะสั้น ตามโครงการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิตโดยได้งบประมาณ จากกองทุน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน162 ล้านบาท มีวิธีการดำเนินการจัดสรรเงินให้สหกรณ์ที่ เข้าร่วมไม่เกินกิโลกรัมละ2.50 บาท โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2537 เพื่อให้การแก้ไขปัญหา ดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มากยิ่งขึ้น จึงได้สั่งการให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้
2.1ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสับปะรดของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ อย่างเต็มความสามารถ
2.2 มอบหมายให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในด้านกรส่งเสริมการแปรรูปผลิต ผลทางการเกษตรเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ให้ส่งเสริมการแปรรูปสับปะรด เพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้ นาน และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ดีขึ้น
2.3 ให้พิจารณาสนับสนุนการจัดตลาดนัดสับปะรด เพื่อเป็นการระบายสับปะรดส่วนหนึ่งของ เกษตรกรไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.1 การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ได้ดำเนินการโดยคณะกรรมการนโยบาย และมาตราการ ช่วยเหลือเกษตรกร (ค.ช.ก.) ได้อนุมัติเงินจากกองทุน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้กรมการค้าผลิตใน ดำเนินการตามโครงการแทรกแซงตลาดสับปะรด ด้วยวิธีการจ่ายขาดตามปริมาณสับปะรด ที่โรงงาน สับปะรดกระป๋อง ในอัตราชดเชยไม่เกินกิโลกรัมละ 0.15 บาท เพิ่มจากราคารับซื้อ ทั้งนี้ ราคารับซื้อ เมื่อรวมเงินชดเชยแล้ว ต้องไม่เกินกิโลกรัมละ 1.65 บาท นอกจากนี้ คณะกรรมการ ค.ช.ก. ยังได้ อนุมัติเงินให้ดำเนินการโครงการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิตเพื่อการบริโภคสด ปี2536/2537 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 - 31 มิถุนายน 2537
3.2 การแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้เสนอแผนพัฒนาสับปะรด ปี 2537 - 2540 รวม 3 แผน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว คือ
3.2.1 แผนงานจัดระบบการผลิตการตลาด
3.2.2 แผนงานถ่ายทอดเทคโนโลยี
3.2.3 แผนงานสนับสนุนการผลิต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 22 พฤศจิกายน 2537--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำ ตามที่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้
1. กระทรวงพาณิชย์
1.1 ผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดทั้งปี โดยผลิตจะออกมาก 2 ช่วง คือ พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ และเมษายน -พฤษภาคม ในปี 2536 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ราคาสับปะรด ได้อ่อนตัวลง เหลือกิโลกรัมละ 1.40 - 1.50 บาท ณ หน้าโรงงานสับปะรดกระป๋อง ต่อมาในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2536 ราคาสับปะรดได้อ่อนตัวลงอีกเหลือกิโลกรัมละ 1.00 - 1.10 บาท สาเหตุเนื่อง จากภาวะการส่งออกสับปะรดกระป๋องมีการแข่งขันกันมากในตลาดต่างประเทศผู้นำเข้าสั่งซื้อน้อยลง และ ราคาตลาดโลกตกต่ำ เกษตรกรจึงได้ร้องเรียนขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ
1.2 ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อ 1.1 โดยนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดให้ได้รับอนุมัติ เงินกองทุนรวม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อดำเนินโครงการแทรกแซงตลาด 2 ครั้ง ครั้งแรกวงเงิน 109.116 ล้านบาท ครั้งที่สอง วงเงิน 162 ล้านบาท
1.3 การแก้ไขปัญหาในระยะยาว เห็นควรดำเนินการจัดระบบการส่งออกผลิตภัณฑ์สับปะรด เพื่อแก้ไขปัญหาการแข่งขันขายตัดราคา และส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกัน ทั้งโรงงานสับปะรดกระป๋อง และผู้ส่งออก ให้มีกลไกในการกำกับดูแล ทั้งในด้านการรักษาวินัยทางการค้า และให้เกิดความร่วมมือ ในการรักษาเสถียรภาพของราคา และให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคณะ รัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2536 เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติ การส่งออกไปนอก และการนำเข้าในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าพ.ศ. 2522 กำหนดให้ผู้ส่งออกสับปะรด กระป๋องเข้มข้นต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
2. กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้จังหวัดในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 13 จังหวัด ที่มีการปลูก สับปะรดตามแผนพัฒนาสับปะรดปี 2537 - 2540 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบว่า การแก้ไข ปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำในระยะสั้น ตามโครงการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิตโดยได้งบประมาณ จากกองทุน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน162 ล้านบาท มีวิธีการดำเนินการจัดสรรเงินให้สหกรณ์ที่ เข้าร่วมไม่เกินกิโลกรัมละ2.50 บาท โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2537 เพื่อให้การแก้ไขปัญหา ดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มากยิ่งขึ้น จึงได้สั่งการให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้
2.1ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสับปะรดของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ อย่างเต็มความสามารถ
2.2 มอบหมายให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในด้านกรส่งเสริมการแปรรูปผลิต ผลทางการเกษตรเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ให้ส่งเสริมการแปรรูปสับปะรด เพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้ นาน และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ดีขึ้น
2.3 ให้พิจารณาสนับสนุนการจัดตลาดนัดสับปะรด เพื่อเป็นการระบายสับปะรดส่วนหนึ่งของ เกษตรกรไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.1 การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ได้ดำเนินการโดยคณะกรรมการนโยบาย และมาตราการ ช่วยเหลือเกษตรกร (ค.ช.ก.) ได้อนุมัติเงินจากกองทุน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้กรมการค้าผลิตใน ดำเนินการตามโครงการแทรกแซงตลาดสับปะรด ด้วยวิธีการจ่ายขาดตามปริมาณสับปะรด ที่โรงงาน สับปะรดกระป๋อง ในอัตราชดเชยไม่เกินกิโลกรัมละ 0.15 บาท เพิ่มจากราคารับซื้อ ทั้งนี้ ราคารับซื้อ เมื่อรวมเงินชดเชยแล้ว ต้องไม่เกินกิโลกรัมละ 1.65 บาท นอกจากนี้ คณะกรรมการ ค.ช.ก. ยังได้ อนุมัติเงินให้ดำเนินการโครงการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิตเพื่อการบริโภคสด ปี2536/2537 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 - 31 มิถุนายน 2537
3.2 การแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้เสนอแผนพัฒนาสับปะรด ปี 2537 - 2540 รวม 3 แผน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว คือ
3.2.1 แผนงานจัดระบบการผลิตการตลาด
3.2.2 แผนงานถ่ายทอดเทคโนโลยี
3.2.3 แผนงานสนับสนุนการผลิต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 22 พฤศจิกายน 2537--