ทำเนียบรัฐบาล--12 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการต่ออายุสัญญาเงินกู้และเปลี่ยนวงเงินกู้ส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาวของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยต่ออายุสัญญากู้วงเงิน 2,800 ล้านบาท ออกไปอีก โดยขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าว เป็นการกู้เงินเกินบัญชีวงเงิน 300 ล้านบาาท กู้โดยตั๋วสัญญาใช้วงเงิน 500 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นับจากวันครบกำหนดต่อไปอีก 1 ปี โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และกู้โดยตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเงินกู้ระยะยาววงเงินรวม 2,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้และค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากวงเงินกู้ 2,100 ล้านบาทได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2541 และวงเงินกู้ 700 ล้านบาท จะครบกำหนดวันที่ 29 มีนาคม 2542 รฟท. จึงมีภาระการชำระคืนหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าว ประกอบกับในปีงบประมาณ 2542 รฟท.ได้จัดทำประมาณการรายได้/รายจ่ายแล้ว คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นเงิน 3,707.391 ล้านบาท รวมทั้ง รฟท.ต้องลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธภาพการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าตามนโยบายรัฐบาล ทำให้มีปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะขาดเงินสดหมุนเวียนในปี 2542 ประมาณ 8,039.72 ล้านบาท รฟท. จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอกู้วงเงิน 2,800 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต่อไปอีก ส่วนเงินสดหมุนเวียนที่ยังขาดอยู่อีกประมาณ 5,239.702 ล้านบาท จะขอกู้เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการขอกู้เงินดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 มีนาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการต่ออายุสัญญาเงินกู้และเปลี่ยนวงเงินกู้ส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาวของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยต่ออายุสัญญากู้วงเงิน 2,800 ล้านบาท ออกไปอีก โดยขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าว เป็นการกู้เงินเกินบัญชีวงเงิน 300 ล้านบาาท กู้โดยตั๋วสัญญาใช้วงเงิน 500 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นับจากวันครบกำหนดต่อไปอีก 1 ปี โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และกู้โดยตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเงินกู้ระยะยาววงเงินรวม 2,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้และค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากวงเงินกู้ 2,100 ล้านบาทได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2541 และวงเงินกู้ 700 ล้านบาท จะครบกำหนดวันที่ 29 มีนาคม 2542 รฟท. จึงมีภาระการชำระคืนหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าว ประกอบกับในปีงบประมาณ 2542 รฟท.ได้จัดทำประมาณการรายได้/รายจ่ายแล้ว คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นเงิน 3,707.391 ล้านบาท รวมทั้ง รฟท.ต้องลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธภาพการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าตามนโยบายรัฐบาล ทำให้มีปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะขาดเงินสดหมุนเวียนในปี 2542 ประมาณ 8,039.72 ล้านบาท รฟท. จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอกู้วงเงิน 2,800 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต่อไปอีก ส่วนเงินสดหมุนเวียนที่ยังขาดอยู่อีกประมาณ 5,239.702 ล้านบาท จะขอกู้เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการขอกู้เงินดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 มีนาคม 2542--