ทำเนียบรัฐบาล--1 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการเจรจาตกลงด้านการบินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สา ธารณรัฐเยอรมัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ก่อนที่จะมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ให้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้แทนของรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และผู้แทนของรัฐบาลไทยได้เจรจาร่วมกัน อีก 2 ครั้ง เพื่อวางหลักเกณฑ์พื้นฐานสำหรับความร่วมมือระหว่างสายการบินของไทยกับสายการบินของ เยอรมัน โดยได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2537 และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2538 สรุปสาระสำคัญของการเจรจาได้ ดังนี้
1. การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ได้ตกลงในหลักการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน เพื่อให้สาย การบินของไทยและของเยอรมันถือเป็นแนวทางในการร่วมมือกัน คือ
1.1 บริการระหว่างอาณาเขตของภาคีผู้ทำความตกลงด้วยกัน สายการบินของฝ่ายหนึ่งสา มารถร่วมมือกับสายการบินอีกฝ่ายในการให้บริการได้ โดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันในเส้นทางระหว่างอา ณาเขตของภาคีทั้งสองภายใต้สิทธิความจุความถี่ของตนที่มีอยู่ และการต่อเที่ยวบินภายในอาณาเขต (domestic) ของแต่ละฝ่ายให้ดำเนินการโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบินใด ๆ ของแต่ละฝ่าย ได้ด้วย
1.2 บริการระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่ายหนึ่งกับประเทศที่สาม ในกรณีที่เป็นการบินตาม เส้นทางบินและภายใต้สิทธิความจุความถี่ที่มีอยู่ สายการบินที่กำหนดของภาคีแต่ละฝ่ายสามารถใช้ชื่อเที่ยว บินของตนร่วมในบริการที่ดำเนินการโดยสายการบินของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่าย หลังกับจุดพ้นในประเทศที่สามได้
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสิทธิของประเทศแรกที่มีอยู่กับประเทศที่สาม สำหรับกรณีที่เป็นการบินที่มิได้เป็น ไปตามเส้นทางที่ระบุสายการบินที่กำหนดของภาคีแต่ละฝ่ายจะใช้ชื่อเที่ยวบินของตนร่วมในบริการที่ดำเนิน การโดยสายการบินของอีกฝ่ายหนึ่ง ระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่ายหลังกับจุดพ้นในประเทศที่สาม ซึ่งเป็น จุดที่ไม่ระบุไว้ในเส้นทางบินได้เช่นกัน แต่ต้องขอความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่เดินอากาศก่อน
1.3 การนับจำนวนเที่ยวบินในบริการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน การนับจำนวนเที่ยวบินสำหรับ การบินร่วมกัน ระหว่างจุดในอาณาเขตของภาคีผู้ทำความตกลงทั้งสองฝ่าย ให้นับสิทธิของภาคีผู้ทำ ความตกลงที่ทำการบิน คือ ฝ่ายใดทำการบินก็นับจำนวนเที่ยวบินจากสิทธิของฝ่ายนั้น สำหรับจำนวนเที่ยว บินพ้นไปยังจุดในประเทศที่สาม และจำนวนเที่ยวบินภายในอาณาเขตของภาคีแต่ละฝ่ายไม่มีเพดานจำกัด
2. สิทธิความจุความถี่ ให้เพิ่มเติมสิทธิความจุความถี่เป็นฝ่ายละ 30 เที่ยว/สัปดาห์ ด้วย อากาศยานแบบใด ๆ ในเส้นทางบินปัจจุบัน โดยไม่มีสิทธิให้บริการไปยังจุดพ้นในเส้นทางบิน
3. ระบบอนุมัติพิกัดอัตราค่าขนส่ง ให้นำระบบการอนุมัติพิกัดอัตราค่าขนส่งแบบ Country of Origin มาใช้แทนระบบ Double Approval หลังจากที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการผ่านขั้นตอนทางกฎ หมายของไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
4. การอำนวยความสะดวกพิธีการตรวจคนเข้าเมือง สายการบินของเยอรมันสามารถ ขออนุญาตสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมศุลกากรของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนโดย สารของสายการบินเยอรมันที่สนามบินปลายทางในไทยได้ ในกรณีที่คนโดยสารดังกล่าวเดินทางมาต่อ เที่ยวบินภายในประเทศไทย โดยให้สายการบินของเยอรมันยื่นรายชื่อผู้โดยสารต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้า เมืองและด่านศุลกากรที่สนามบินทุกครั้ง และสายการบินของเยอรมันต้องมีมาตรการที่สามารถจำแนกไ ด้อย่างชัดเจนระหว่างผู้โดยสารระหว่าง ประเทศที่ต่อเที่ยวบินภายในประเทศไทยกับผู้โดยสารระ หว่างประเทศทั่วไป
5. ภาษีเอกสารสิ่งพิมพ์ ให้ยกเว้นภาษีเอกสารสิ่งพิมพ์ให้แก่สายการบินของเยอรมันใน ลักษณะต่างตอบแทน และให้การยกเว้นภาษีดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อมีการยืนยันโดยการแลกเปลี่ยนหนังสือ ทางการทูตซึ่งกันและกันแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 31 ตุลาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการเจรจาตกลงด้านการบินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สา ธารณรัฐเยอรมัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ก่อนที่จะมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ให้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้แทนของรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และผู้แทนของรัฐบาลไทยได้เจรจาร่วมกัน อีก 2 ครั้ง เพื่อวางหลักเกณฑ์พื้นฐานสำหรับความร่วมมือระหว่างสายการบินของไทยกับสายการบินของ เยอรมัน โดยได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2537 และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2538 สรุปสาระสำคัญของการเจรจาได้ ดังนี้
1. การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ได้ตกลงในหลักการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน เพื่อให้สาย การบินของไทยและของเยอรมันถือเป็นแนวทางในการร่วมมือกัน คือ
1.1 บริการระหว่างอาณาเขตของภาคีผู้ทำความตกลงด้วยกัน สายการบินของฝ่ายหนึ่งสา มารถร่วมมือกับสายการบินอีกฝ่ายในการให้บริการได้ โดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันในเส้นทางระหว่างอา ณาเขตของภาคีทั้งสองภายใต้สิทธิความจุความถี่ของตนที่มีอยู่ และการต่อเที่ยวบินภายในอาณาเขต (domestic) ของแต่ละฝ่ายให้ดำเนินการโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบินใด ๆ ของแต่ละฝ่าย ได้ด้วย
1.2 บริการระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่ายหนึ่งกับประเทศที่สาม ในกรณีที่เป็นการบินตาม เส้นทางบินและภายใต้สิทธิความจุความถี่ที่มีอยู่ สายการบินที่กำหนดของภาคีแต่ละฝ่ายสามารถใช้ชื่อเที่ยว บินของตนร่วมในบริการที่ดำเนินการโดยสายการบินของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่าย หลังกับจุดพ้นในประเทศที่สามได้
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสิทธิของประเทศแรกที่มีอยู่กับประเทศที่สาม สำหรับกรณีที่เป็นการบินที่มิได้เป็น ไปตามเส้นทางที่ระบุสายการบินที่กำหนดของภาคีแต่ละฝ่ายจะใช้ชื่อเที่ยวบินของตนร่วมในบริการที่ดำเนิน การโดยสายการบินของอีกฝ่ายหนึ่ง ระหว่างอาณาเขตของภาคีฝ่ายหลังกับจุดพ้นในประเทศที่สาม ซึ่งเป็น จุดที่ไม่ระบุไว้ในเส้นทางบินได้เช่นกัน แต่ต้องขอความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่เดินอากาศก่อน
1.3 การนับจำนวนเที่ยวบินในบริการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน การนับจำนวนเที่ยวบินสำหรับ การบินร่วมกัน ระหว่างจุดในอาณาเขตของภาคีผู้ทำความตกลงทั้งสองฝ่าย ให้นับสิทธิของภาคีผู้ทำ ความตกลงที่ทำการบิน คือ ฝ่ายใดทำการบินก็นับจำนวนเที่ยวบินจากสิทธิของฝ่ายนั้น สำหรับจำนวนเที่ยว บินพ้นไปยังจุดในประเทศที่สาม และจำนวนเที่ยวบินภายในอาณาเขตของภาคีแต่ละฝ่ายไม่มีเพดานจำกัด
2. สิทธิความจุความถี่ ให้เพิ่มเติมสิทธิความจุความถี่เป็นฝ่ายละ 30 เที่ยว/สัปดาห์ ด้วย อากาศยานแบบใด ๆ ในเส้นทางบินปัจจุบัน โดยไม่มีสิทธิให้บริการไปยังจุดพ้นในเส้นทางบิน
3. ระบบอนุมัติพิกัดอัตราค่าขนส่ง ให้นำระบบการอนุมัติพิกัดอัตราค่าขนส่งแบบ Country of Origin มาใช้แทนระบบ Double Approval หลังจากที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการผ่านขั้นตอนทางกฎ หมายของไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
4. การอำนวยความสะดวกพิธีการตรวจคนเข้าเมือง สายการบินของเยอรมันสามารถ ขออนุญาตสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมศุลกากรของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนโดย สารของสายการบินเยอรมันที่สนามบินปลายทางในไทยได้ ในกรณีที่คนโดยสารดังกล่าวเดินทางมาต่อ เที่ยวบินภายในประเทศไทย โดยให้สายการบินของเยอรมันยื่นรายชื่อผู้โดยสารต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้า เมืองและด่านศุลกากรที่สนามบินทุกครั้ง และสายการบินของเยอรมันต้องมีมาตรการที่สามารถจำแนกไ ด้อย่างชัดเจนระหว่างผู้โดยสารระหว่าง ประเทศที่ต่อเที่ยวบินภายในประเทศไทยกับผู้โดยสารระ หว่างประเทศทั่วไป
5. ภาษีเอกสารสิ่งพิมพ์ ให้ยกเว้นภาษีเอกสารสิ่งพิมพ์ให้แก่สายการบินของเยอรมันใน ลักษณะต่างตอบแทน และให้การยกเว้นภาษีดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อมีการยืนยันโดยการแลกเปลี่ยนหนังสือ ทางการทูตซึ่งกันและกันแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 31 ตุลาคม 2538--