1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่..) พ.ศ. ....
2. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สนับสนุนการดำเนินงานตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงาน
3. ให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ตกลงกับธนาคารในกำกับของกระทรวงการคลัง ในการจ่ายค่าธรรมเนียมอัตราพิเศษ สำหรับการรับเงินสมทบ และการโอนเงินสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน
4. อนุมัติหลักการให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมใช้เกณฑ์เงินสดในการจ่ายเงินสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพให้แก่ผู้ประกันตน
5. อนุมัติหลักการให้เพิ่มกรอบอัตรากำลังจำนวน 293 อัตรา ให้แก่สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เพื่อการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล และอนุมัติหลักการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด (ตำแหน่งประกันสังคมจังหวัด) เป็น ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง
6. อนุมัติหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนผู้ประกันตนมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ต่อเนื่องไปจนกว่าร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จะมีผลใช้บังคับ
7. อนุมัติหลักการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 165,000,000 บาท (หนึ่งร้อยหกสิบห้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเตรียมการรองรับการดำเนินงาน
ข้อเท็จจริง
1. รง. โดย สปส.ได้ดำเนินการประกันสังคมมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนแรงงานนอกระบบที่สมัครใจเข้าเป็นผู้ประกันตน สามารถเลือกส่งเงินสมทบ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ 2 ทางเลือก จากนโยบายของรัฐบาลที่ประสงค์จะให้ประชาชนแรงงานนอกระบบมีการออม เพื่อเป็นหลักประกันรายได้เมื่อสูงอายุ ประกอบกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดให้มีสิทธิเงินบำเหน็จและบำนาญชราภาพแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ซึ่งผู้ประกันตนภาคบังคับที่เป็นลูกจ้างในสถานประกอบการจะเริ่มได้สิทธิ ในเดือนธันวาคม 2556 แต่ผู้ประกันตนซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบได้รับสิทธิเงินบำเหน็จชราภาพตามทางเลือกที่ 2 เพียงกรณีเดียว ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในระหว่างผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม จึงเห็นสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาฯ ให้สิทธิเงินบำนาญชราภาพ ตามความเหมาะสม แก่ผู้ประกันตนซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบ และเป็นไปตามข้อเสนอของประชาชนแรงงานนอกระบบ โดยการปรับปรุงสิทธิประโยชน์เดิม และเพิ่มทางเลือกที่ 3 ในระบบประกันสังคมมาตรา 40 ซึ่งมีหลักการจัดเก็บเงินสมทบจาก 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ประกันตนและรัฐบาลในอัตราเดือนละ 200 บาท (ผู้ประกันตนจ่าย 100 บาท/เดือน และรัฐบาลสมทบ 100 บาท/เดือน) เพื่อให้ได้รับสิทธิเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งจะส่งผลให้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต
2. ข้อเสนอแนวทางการดำเนินงาน
2.1 กลุ่มเป้าหมาย กำหนดให้ประชาชนทั่วไป เช่น เกษตรกร ผู้ขับรถรับจ้าง ค้าขาย หาบเร่ แผงลอย ฯลฯ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 15-60 ปีบริบูรณ์ สามารถสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 และมีบทเฉพาะกาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับ หากในวันที่ประชาชนสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ผู้ใดมีอายุเกิน 60 ปี ให้มีสิทธิเป็นผู้ประกันตนได้ และสามารถจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 เพื่อเป็นของขวัญให้แก่แรงงาน ซึ่งขาดโอกาสในการสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนในช่วงที่ประเทศประสบอุทกภัย สามารถสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้
2.2 สิทธิประโยชน์ มีการปรับปรุงเป็น 3 ทางเลือก และเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 ในปัจจุบัน ดังนี้
- เพิ่มทางเลือกที่ 3 กรณีชราภาพให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเงินบำนาญชราภาพ
- กรณีเจ็บป่วย โดยจ่ายเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล จากเดิม ตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป เป็นตั้งแต่วันแรกที่เป็นผู้ป่วยใน และเพิ่มระยะเวลาการจ่ายเงิน จากเดิมไม่เกิน 20 วันต่อปี เป็นไม่เกิน 30 วันต่อปี
- กรณีตาย ให้สิทธิกรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายเพียงจ่ายเงินสมทบ ครบ 1 เดือน ผู้จัดการศพหรือทายาทจะได้รับเงินค่าจัดการศพทันที
ทางเลือก เงินสมทบ/คน/เดือน สิทธิประโยชน์ รายละเอียด 1 100 บาท (สมทบ กรณีเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเป็นผู้ป่วยใน จากผู้ประกันตน โรงพยาบาล ตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป วันละ 70 บาทและจาก 200 บาท ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วัน (บริการ รัฐบาล 30 บาท) ทางการแพทย์ใช้สิทธิสำนักงานหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ) กรณีทุพพลภาพ เงินทดแทนการขาดรายได้ระหว่างเดือนละ 500 บาท ถึง 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 15 ปี (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาส่งเงินสมทบ) กรณีตาย - เงินค่าทำศพ 20,000 บาท (กรณีถึงแก่ ความตายจ่ายเงินสมทบเพียง 1 เดือน) 2 150 บาท (สมทบ เช่นเดียวทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ ประกอบด้วยเงิน จากผู้ประกันตน 100 และเพิ่มเงินบำเหน็จ สมทบที่ผู้ประกันตนจ่าย และผลประโยชน์ตอบ บาท และจากรัฐบาล กรณีชราภาพ แทนรายปี คืนให้แก่ผู้ประกันตน เมื่ออายุครบ 50 บาท) 60 ปีบริบูรณ์และลาออกจากการเป็น ผู้ประกันตน 3 200 บาท (สมทบ ให้ความคุ้มครองเฉพาะ - ผู้สมัครต้องมีอายุ 15-60 ปีบริบูรณ์ จากผู้ประกันตน กรณีชราภาพเท่านั้น (มีบทเฉพาะกาลในปีแรก ผู้อายุเกิน 60 ปี 100 บาทและจาก ขึ้นไป มีสิทธิสมัครและจ่ายเงินสมทบย้อนหลัง รัฐบาล 100 บาท) ได้) - ประโยชน์ทดแทน 1 กรณี คือ กรณีชรา ภาพ โดยผู้ประกันตนจะได้รับบำเหน็จหรือ บำนาญตามเงื่อนไขการเกิดสิทธิ เมื่ออายุ ครบ 60 ปีบริบูรณ์ และแจ้งสิ้นสุดการเป็น ผู้ประกันตน
ทั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนมีทางเลือก ได้แก่ เลือกชุดที่ 1 หรือ ชุดที่ 2 หรือ ชุดที่ 3 อย่างใดอย่างหนึ่ง เลือกชุดที่ 1 และ 3 หรือเลือกชุดที่ 2 และ 3
3) การรับขึ้นทะเบียน สำนักงานประกันสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการรับขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน โดยขอความร่วมมือให้หน่วยงานช่วยดำเนินการรับสมัครสมาชิก ดังนี้
- ธนาคารในกำกับของกระทรวงการคลัง รับสมัครลูกค้าของธนาคารและประชาชนทั่วไป
- กระทรวงมหาดไทย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 รับสมัครประชาชนทั่วไป และสมาชิกของกองทุนภายใต้กำกับ รวมทั้งขอความร่วมมือมอบหมายให้เป็นภารกิจของกำนันผู้ใหญ่บ้านด้วย
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับสมัครสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ ในความดูแล
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับสมัครจากสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน
4) การรับเงินสมทบจะใช้ช่องทางของสำนักงานประกันสังคมเป็นหลัก และเครือข่ายบริการประกันสังคมมาตรา 40 ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ห้างเทสโก้โลตัส และธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่สนใจจะเข้าร่วมดำเนินงาน โดยกระทรวงแรงงานขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามามีส่วนร่วมในการรับเงินสมทบจากประชาชนและนำส่งสำนักงานประกันสังคมด้วย
5) การรับสิทธิประโยชน์ ประชาชนผู้ประกันตนมาตรา 40 มีช่องทาง ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์โดยตรง ณ สำนักงานประกันสังคม และขอความร่วมมือธนาคารในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านดำเนินการตามภารกิจนี้ด้วย ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้ดำเนินการวินิจฉัยสิทธิประโยชน์ ตามที่กฎหมายกำหนด และโอนเงินให้แก่ผู้ประกันตนผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร
3. รง. มีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการรับสมัครประชาชนแรงงานนอกระบบเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของผลประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับ
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. กำหนดนิยามคำว่า “เงินบำเหน็จชราภาพ” และ “เงินบำนาญชราภาพ”
2. เพิ่มเติมการจ่ายเงินสมทบเพื่อประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ
3. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเลือกจ่ายเงินเพื่อรับประโยชน์ทดแทนได้
4. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามมาตรา 8/1 ขอรับประโยชน์ทดแทนได้
5. แก้ไขเพิ่มเติมทดแทนขาดรายได้กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
6. แก้ไขเพิ่มเติมการจ่ายเงินสมทบเพื่อประโยชน์ทดแทนกรณีตาย
7. เพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 8/1 ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ
เป็นเงินบำนาญชราภาพ
8. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 8/1 ได้รับบำนาญตลอดชีวิตและการคำนวณเงินบำนาญชราภาพ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
9. แก้ไขเพิ่มเติมโดยกำหนดอัตราเงินสมทบระยะเริ่มแรกที่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 8/1
จะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน
10. เพิ่มเติมให้ผู้ที่อายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 มิถุนายน 2556--จบ--