ทำเนียบรัฐบาล--29 ส.ค.--บิสนิวส์
ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... และการพิจารณาทบทวนหลัก เกณฑ์การอนุญาตให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีกฎหมายจัดตั้งสามารถจัดเก็บรายได้ที่เกิดจากการจัดหาประ โยชน์ในที่ราชพัสดุไว้ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2517 ได้ใช้บังคับมาเป็น เวลา 21 ปีเศษพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของประเทศได้เจริญก้าวหน้าไปเป็นอันมาก แต่ขอบเขตอำ นาจหน้าที่ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีอยู่อย่างจำกัด ไม่อาจปรับปรุงแก้ไขบทบาทและอำนาจหน้า ที่ของมหาวิทยาลัยให้สามารถสนองตอบต่อความต้องการของประเทศชาติในด้านการศึกษา การวิจัย การส่งเสริมทางวิชาการ ตลอดจนการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับใน ขณะนี้ภาระหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการผลิตบัณฑิต และการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมได้เพิ่มมากขึ้น แต่กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการบริหาร ทำให้ไม่เกิดความคล่องตัวต่อการพัฒ นากิจการของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยได้แก้ไขปรับปรุง ดังนี้
1. กำหนดให้มีวิทยาเขตเป็นหน่วยงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันนอกจากมหาวิทยาลัย จะได้จัดให้มีการเรียนการสอนที่วิทยาเขตประสานมิตรแล้ว มหาวิทยาลัยยังมีสถานที่ที่ใช้ในการเรียน การสอนอีกสองแห่ง คือ วิทยาเขตปทุมวันและวิทยาเขตพละศึกษา แต่ยังไม่มีกฎหมายรองรับทำให้เกิด อุปสรรคในการบริหารงาน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร จึงควรบัญญัติไว้ในกฎหมาย ให้มีวิทยาเขตเป็นส่วนราชการของมหาวิทยาลัย มีรองอธิการบดีวิทยาเขตทำหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการ ของวิทยาเขตแทนอธิการบดี
2. เพิ่มสาระสำคัญให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาผลประ โยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยได้ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น
3. กำหนดหลักการให้มหาวิทยาลัยถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมีผู้ยกให้ หรือ ได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากเงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย โดยไม่ถือเป็นที่ราช พัสดุ
4. กำหนดองค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัยใหม่เป็นแบบไตรภาคี โดยให้มีกรรมการมา จากผู้บริหารและคณาจารย์มีสัดส่วนทัดเทียมกัน และมีจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิเป็นสองเท่าของกรรมการที่มา จากฝ่ายบริหารหรือฝ่ายคณาจารย์
5. กำหนดตำแหน่งผู้บริหารในบัณฑิตวิทยาลัยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี เพื่อจะได้มี เวลาที่จะสามารถปฏิบัติงานตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. กำหนดให้ผู้มีตำแหน่งทางวิชาการ มีสิทธิใช้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นคำนำหน้านามได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 27 สิงหาคม 2539--Y
ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... และการพิจารณาทบทวนหลัก เกณฑ์การอนุญาตให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีกฎหมายจัดตั้งสามารถจัดเก็บรายได้ที่เกิดจากการจัดหาประ โยชน์ในที่ราชพัสดุไว้ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2517 ได้ใช้บังคับมาเป็น เวลา 21 ปีเศษพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของประเทศได้เจริญก้าวหน้าไปเป็นอันมาก แต่ขอบเขตอำ นาจหน้าที่ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีอยู่อย่างจำกัด ไม่อาจปรับปรุงแก้ไขบทบาทและอำนาจหน้า ที่ของมหาวิทยาลัยให้สามารถสนองตอบต่อความต้องการของประเทศชาติในด้านการศึกษา การวิจัย การส่งเสริมทางวิชาการ ตลอดจนการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับใน ขณะนี้ภาระหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการผลิตบัณฑิต และการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมได้เพิ่มมากขึ้น แต่กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการบริหาร ทำให้ไม่เกิดความคล่องตัวต่อการพัฒ นากิจการของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยได้แก้ไขปรับปรุง ดังนี้
1. กำหนดให้มีวิทยาเขตเป็นหน่วยงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันนอกจากมหาวิทยาลัย จะได้จัดให้มีการเรียนการสอนที่วิทยาเขตประสานมิตรแล้ว มหาวิทยาลัยยังมีสถานที่ที่ใช้ในการเรียน การสอนอีกสองแห่ง คือ วิทยาเขตปทุมวันและวิทยาเขตพละศึกษา แต่ยังไม่มีกฎหมายรองรับทำให้เกิด อุปสรรคในการบริหารงาน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร จึงควรบัญญัติไว้ในกฎหมาย ให้มีวิทยาเขตเป็นส่วนราชการของมหาวิทยาลัย มีรองอธิการบดีวิทยาเขตทำหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการ ของวิทยาเขตแทนอธิการบดี
2. เพิ่มสาระสำคัญให้มหาวิทยาลัยมีอำนาจปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาผลประ โยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยได้ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่น
3. กำหนดหลักการให้มหาวิทยาลัยถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมีผู้ยกให้ หรือ ได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากเงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัย โดยไม่ถือเป็นที่ราช พัสดุ
4. กำหนดองค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัยใหม่เป็นแบบไตรภาคี โดยให้มีกรรมการมา จากผู้บริหารและคณาจารย์มีสัดส่วนทัดเทียมกัน และมีจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิเป็นสองเท่าของกรรมการที่มา จากฝ่ายบริหารหรือฝ่ายคณาจารย์
5. กำหนดตำแหน่งผู้บริหารในบัณฑิตวิทยาลัยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี เพื่อจะได้มี เวลาที่จะสามารถปฏิบัติงานตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. กำหนดให้ผู้มีตำแหน่งทางวิชาการ มีสิทธิใช้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นคำนำหน้านามได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 27 สิงหาคม 2539--Y