แทนซาเนียว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา
(ความตกลงโอนตัวนักโทษ) มีผลใช้บังคับ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (ความตกลงโอนตัวนักโทษ)
2. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามความตกลงฯ
3. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายแทนซาเนียต่อไป
4. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
สาระสำคัญ
ร่างความตกลงฯ มีเนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับความตกลงในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ 2527 (แก้ไข พ.ศ. 2530) ทุกประการโดยกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอโอนและการรับโอนตัวผู้กระทำผิดระหว่างภาคี สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ผู้กระทำผิดที่ถูกพิพากษาลงโทษในดินแดนของภาคีฝ่ายหนึ่งอาจถูกโอนตัวไปยังดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้เพื่อรับโทษที่เหลืออยู่
2. ผู้กระทำผิดอาจถูกโอนตัวได้ถ้าถูกพิพากษาลงโทษจำคุก กักขัง หรือทำให้ปราศจากอิสรภาพในรูปแบบอื่นใด
3. การกระทำอันเป็นมูลเหตุของการมีคำพิพากษาให้ลงโทษเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายของรัฐผู้รับ
4. ผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับและมิได้เป็นคนชาติของรัฐผู้โอน
5. รัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และผู้ต้องคำพิพากษาต่างเห็นพ้องให้มีการโอนตัวได้
6. ผู้กระทำผิดซึ่งกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อประมุขของรัฐ หรือสมาชิกในครอบครัวของประมุขของรัฐ หรือต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว
7. หากกฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการจำคุกผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวจะต้องได้รับโทษในรัฐผู้โอนมาแล้วเป็นระยะเวลาขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด
8. ผู้กระทำผิดยังคงเหลือระยะเวลาในการรับโทษตามที่กฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนด
9. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งเขตอำนาจแต่ผู้เดียวเกี่ยวกับคำพิพากษาของรัฐผู้โอน รวมทั้งโทษตามคำพิพากษาที่กำหนดโดยศาลของรัฐผู้โอนในการที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกคำพิพากษาของศาลตน
10. การบังคับโทษตามคำพิพากษาต่อภายหลังการโอนตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนของรัฐผู้รับ
11. ความตกลงฉบับนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่สามสิบนับจากวันที่ได้รับการแจ้งจากภาคีฝ่ายหลังผ่านช่องทางการทูตว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการที่จำเป็นตามกฎหมายภายในของตนเพื่อการมีผลใช้บังคับของความตกลงฉบับนี้แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 กรกฎาคม 2556--จบ--