ทั้งนี้ การจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับ EFTA จะสร้างโอกาสให้แก่ไทยในการเป็นศูนย์กลางของ EFTA ด้านการค้าและการลงทุนในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เทคโนโลยีชีวภาพ เวชภัณฑ์และเภสัชกรรม และเคมีภัณฑ์ รวมทั้งภาคบริการทางการเงินและการธนาคาร และเปิดโอกาสให้ไทยเป็นฐานในการผลิต และแหล่งรองรับการลงทุนของ EFTA ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มากขึ้น นอกจากนี้ กองทุนเพื่อการเกษียณอายุของนอร์เวย์ (Norway’s Government Pension Fund) ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ที่สุดในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของโลกมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ประกอบกับปัจจุบัน EFTA ทำความตกลงการค้าเสรีกับสิงคโปร์ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับ EFTA โดยเร็ว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด EFTA ของไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 สิงหาคม 2556--จบ--