ทำเนียบรัฐบาล--9 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบ รายงานความก้าวหน้าเรื่องสภาพคล่อง ตามที่ธนาคารแห่งประ
เทศไทยรายงาน ดังนี้
1. สภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ย
ภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินค่อนข้างทรงตัว และมีแนวโน้มว่าจะผ่อนคลายความตึงตัวลง เนื่องจากค่าเงินบาทมี
เสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลสภาพคล่องในตลาดเงินให้อยู่ในระดับเหมาะสม และหากจำเป็นต้องอัดฉีด
สภาพคล่องก็จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่ได้เคยประกาศนโยบายไว้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2541 เนื่องจากเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์จะถึงกำหนดชำระหนี้ต่างประเทศพร้อม ๆ กันมาก ซึ่งอาจทำให้เกิด
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้มาก ส่วนอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินยังคงอยู่ในระดับสูง เพื่อมิให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาท
ตารางที่ 1 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน
อัตราดอกเบี้ย interbank อัตราดอกเบี้ย R/P 1 วัน อัตราดอกเบี้ย R/P 7 วัน
เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด
จันทร์ 23 กุมภาพันธ์ 21.88 17.50 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.25 21.1875 - 21.3125
24 กุมภาพันธ์ 21.50 16.75 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.28 21.25 - 21.3125
25 กุมภาพันธ์ 21.56 16.875 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.28 21.25 - 21.3125
26 กุมภาพันธ์ 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.31 21.25 - 21.375
ศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 20.88 15.50 - 26.25 20.75 20.50 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
จันทร์ 2 มีนาคม 21.13 16.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
3 มีนาคม 21.13 16.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
4 มีนาคม 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.19 21.125 - 21.25
5 มีนาคม 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.25 21.25
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตลาดเงินเริ่มมีเสถียรภาพ เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น หลังจากที่ทางการได้ประกาศเพิ่มทุนธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก 3 แห่ง โดยกองทุนฟื้นฟูฯ ได้แปลงหนี้
เป็นทุน ทำให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กคลี่คลายลงตามลำดับ
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กส่วนใหญ่ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นประมาณร้อยละ 0.25-1.0 ต่อปี
เพื่อเร่งระดมเงินฝาก ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง 2 แห่ง คือ ไทยทนุ และทหารไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงร้อยละ
0.5 - 1.0 ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น มีเพียง 2 ธนาคารคือ ไทยพาณิชย์ และสหธนาคาร ที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืม
สูงขึ้นร้อยละ 0.25 - 0.50 ต่อปี
มีการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์จำนวน 121 พันล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2541 (รวมการเพิ่มทุนของธนาคารกรุงไทย
จำนวน 20 พันล้านบาท) และมีแผนที่จะเพิ่มทุนภายในปีนี้อีกประมาณ 35 พันล้านบาท
2. สินเชื่อและเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์
สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2541 เริ่มมีทิศทางการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่เป็นเงินบาท ใน
ขณะที่เงินฝากยังคงขยายตัวสูงขึ้นมากต่อจากเดือนธันวาคม 2541 ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการเพิ่มสินเชื่อเงินบาทได้มากขึ้นต่อไป
ตารางที่ 2 สินเชื่อธนาคารพาณิชย์
2539 2540 2541
ธ.ค. มี.ค. มิ.ย. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. 2/
อัตราเพิ่มเทียบกับระยะเดียวกับปีก่อน(%) 14.2 12.9 10.4 9.9 9.7 8.5 8.2 8.3
- สินเชื่อ ธพ. ที่ไม่ใช่ BIBF 13.4 12.3 11.1 10.9 11.0 10.0 10.7 12.2
- สินเชื่อ BIBF 1/ 18.7 16.0 7.0 4.9 3.0 0.8 -4.7 -10.8
ยอดคงค้างสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 81.9 58.9 -36.1 54.7 31.2 2.7 74.0 11.4
(พันล้านบาท)
- สินเชื่อ ธพ. ที่ไม่ใช่ BIBF 65.2 53.0 -17.3 65.8 34.0 14.7 101.7 45.2
- สินเชื่อ BIBF 1/ 16.7 5.9 -18.8 -11.1 -2.8 -12.0 -27.7 -33.8
1/ ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2540 ไม่รวมผลของการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยน
2/ ตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 2 เงินฝากธนาคารพาณิชย์
2539 2540 2541
ธ.ค. มี.ค. มิ.ย. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. 1/
อัตราเพิ่มเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (%) 13.7 11.8 15.9 16.5 18.9 16.7 16.0 18.7
ยอดคงค้างเงินฝากที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 81.3 91.1 170.9 30.5 78.6 11.4 69.2 72.0
(พันล้านบาท)
1/ ตัวเลขเบื้องต้น
3. ความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อส่งออก
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้มีการผ่อนคลายการคิดน้ำหนักความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อส่ง
ออกตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอไป ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศและหนังสือเวียนแจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ทราบ
แล้วในวันเดียวกัน ดังนี้
3.1 สินเชื่อส่งออกประเภทที่มี L/C ที่ยังมิได้มีการส่งสินค้าออก (pre-shipment) ให้ปรับลดน้ำหนักความเสี่ยงลง
จากเดิมร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 20 (แต่เดิมให้เฉพาะหลังส่งสินค้าลงเรือหรือ post-shipment)
3.2 สินเชื่อส่งออกที่ไม่มี L/C แต่มีเอกสารอื่น รวมทั้ง Document against Payment (D/P) และ Document
against Acceptance (D/C) ที่มีธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศรับประกันในการชำระเงินไม่ว่าจะส่งออกแล้ว หรือยังไม่ได้ส่งออก
ให้มีน้ำหนักความเสี่ยงร้อยละ 20
4. การพิจารณาเพิ่มบทบาทของกิจการวิเทศธนกิจเพื่อเพิ่มสภาพคล่องผู้ส่งออก
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันพุธที่ 4 มีนาคม 2541 ได้มีมติอนุมัติ
ในหลักการให้เพิ่มบทบาทของ BIBF ในการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ส่งออก ดังนี้
4.1 ปรับลดวงเงินการเบิกถอนขั้นต่ำของเงินกู้ BIBF จาก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับผู้ส่งออกที่มีรายได้ส่งออกเกินกว่าครึ่ง หรือผู้ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้ส่งออกเกินกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้ง
สิ้นในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ตามปกติ
4.2 อนุญาตให้ BIBF รับซื้อลดตั๋วที่เกี่ยวกับการส่งออก (export bills) ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ในกรณีที่ผู้ซื้อ
หรือผู้ขายสินค้าดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย โดยไม่จำกัดวงเงิน (จากเดิมที่อนุญาตให้เฉพาะการรับซื้อลด L/C ที่ผู้ซื้อ และผู้ขายอยู่นอก
ประเทศ และไม่ใช่สินค้าที่ส่งออกหรือนำเข้ามาในประเทศไทย) โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตรารัอยละ 30 เท่ากับธนาคารพาณิชย์
4.3 ให้ BIBF ค้ำประกันหนี้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้กับลูกค้าในประเทศที่กู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ไทย หรือจาก
สถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยมีวงเงินค้ำประกันขั้นต่ำเท่ากับการให้กู้ตรง (คือ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ส่งออก)
โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 เท่ากับธนาคารพาณิชย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 มีนาคม 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบ รายงานความก้าวหน้าเรื่องสภาพคล่อง ตามที่ธนาคารแห่งประ
เทศไทยรายงาน ดังนี้
1. สภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ย
ภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินค่อนข้างทรงตัว และมีแนวโน้มว่าจะผ่อนคลายความตึงตัวลง เนื่องจากค่าเงินบาทมี
เสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลสภาพคล่องในตลาดเงินให้อยู่ในระดับเหมาะสม และหากจำเป็นต้องอัดฉีด
สภาพคล่องก็จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่ได้เคยประกาศนโยบายไว้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2541 เนื่องจากเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์จะถึงกำหนดชำระหนี้ต่างประเทศพร้อม ๆ กันมาก ซึ่งอาจทำให้เกิด
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้มาก ส่วนอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินยังคงอยู่ในระดับสูง เพื่อมิให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาท
ตารางที่ 1 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน
อัตราดอกเบี้ย interbank อัตราดอกเบี้ย R/P 1 วัน อัตราดอกเบี้ย R/P 7 วัน
เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด เฉลี่ย ต่ำสุด - สูงสุด
จันทร์ 23 กุมภาพันธ์ 21.88 17.50 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.25 21.1875 - 21.3125
24 กุมภาพันธ์ 21.50 16.75 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.28 21.25 - 21.3125
25 กุมภาพันธ์ 21.56 16.875 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.28 21.25 - 21.3125
26 กุมภาพันธ์ 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.31 21.25 - 21.375
ศุกร์ 27 กุมภาพันธ์ 20.88 15.50 - 26.25 20.75 20.50 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
จันทร์ 2 มีนาคม 21.13 16.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
3 มีนาคม 21.13 16.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.13 21.00 - 21.25
4 มีนาคม 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.19 21.125 - 21.25
5 มีนาคม 21.63 17.00 - 26.25 20.94 20.875 - 21.00 21.25 21.25
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตลาดเงินเริ่มมีเสถียรภาพ เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น หลังจากที่ทางการได้ประกาศเพิ่มทุนธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก 3 แห่ง โดยกองทุนฟื้นฟูฯ ได้แปลงหนี้
เป็นทุน ทำให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กคลี่คลายลงตามลำดับ
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กส่วนใหญ่ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นประมาณร้อยละ 0.25-1.0 ต่อปี
เพื่อเร่งระดมเงินฝาก ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง 2 แห่ง คือ ไทยทนุ และทหารไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงร้อยละ
0.5 - 1.0 ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น มีเพียง 2 ธนาคารคือ ไทยพาณิชย์ และสหธนาคาร ที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืม
สูงขึ้นร้อยละ 0.25 - 0.50 ต่อปี
มีการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์จำนวน 121 พันล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2541 (รวมการเพิ่มทุนของธนาคารกรุงไทย
จำนวน 20 พันล้านบาท) และมีแผนที่จะเพิ่มทุนภายในปีนี้อีกประมาณ 35 พันล้านบาท
2. สินเชื่อและเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์
สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2541 เริ่มมีทิศทางการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่เป็นเงินบาท ใน
ขณะที่เงินฝากยังคงขยายตัวสูงขึ้นมากต่อจากเดือนธันวาคม 2541 ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการเพิ่มสินเชื่อเงินบาทได้มากขึ้นต่อไป
ตารางที่ 2 สินเชื่อธนาคารพาณิชย์
2539 2540 2541
ธ.ค. มี.ค. มิ.ย. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. 2/
อัตราเพิ่มเทียบกับระยะเดียวกับปีก่อน(%) 14.2 12.9 10.4 9.9 9.7 8.5 8.2 8.3
- สินเชื่อ ธพ. ที่ไม่ใช่ BIBF 13.4 12.3 11.1 10.9 11.0 10.0 10.7 12.2
- สินเชื่อ BIBF 1/ 18.7 16.0 7.0 4.9 3.0 0.8 -4.7 -10.8
ยอดคงค้างสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 81.9 58.9 -36.1 54.7 31.2 2.7 74.0 11.4
(พันล้านบาท)
- สินเชื่อ ธพ. ที่ไม่ใช่ BIBF 65.2 53.0 -17.3 65.8 34.0 14.7 101.7 45.2
- สินเชื่อ BIBF 1/ 16.7 5.9 -18.8 -11.1 -2.8 -12.0 -27.7 -33.8
1/ ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2540 ไม่รวมผลของการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยน
2/ ตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 2 เงินฝากธนาคารพาณิชย์
2539 2540 2541
ธ.ค. มี.ค. มิ.ย. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. 1/
อัตราเพิ่มเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (%) 13.7 11.8 15.9 16.5 18.9 16.7 16.0 18.7
ยอดคงค้างเงินฝากที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 81.3 91.1 170.9 30.5 78.6 11.4 69.2 72.0
(พันล้านบาท)
1/ ตัวเลขเบื้องต้น
3. ความคืบหน้ามาตรการสินเชื่อส่งออก
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้มีการผ่อนคลายการคิดน้ำหนักความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อส่ง
ออกตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอไป ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศและหนังสือเวียนแจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ทราบ
แล้วในวันเดียวกัน ดังนี้
3.1 สินเชื่อส่งออกประเภทที่มี L/C ที่ยังมิได้มีการส่งสินค้าออก (pre-shipment) ให้ปรับลดน้ำหนักความเสี่ยงลง
จากเดิมร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 20 (แต่เดิมให้เฉพาะหลังส่งสินค้าลงเรือหรือ post-shipment)
3.2 สินเชื่อส่งออกที่ไม่มี L/C แต่มีเอกสารอื่น รวมทั้ง Document against Payment (D/P) และ Document
against Acceptance (D/C) ที่มีธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศรับประกันในการชำระเงินไม่ว่าจะส่งออกแล้ว หรือยังไม่ได้ส่งออก
ให้มีน้ำหนักความเสี่ยงร้อยละ 20
4. การพิจารณาเพิ่มบทบาทของกิจการวิเทศธนกิจเพื่อเพิ่มสภาพคล่องผู้ส่งออก
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันพุธที่ 4 มีนาคม 2541 ได้มีมติอนุมัติ
ในหลักการให้เพิ่มบทบาทของ BIBF ในการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ส่งออก ดังนี้
4.1 ปรับลดวงเงินการเบิกถอนขั้นต่ำของเงินกู้ BIBF จาก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับผู้ส่งออกที่มีรายได้ส่งออกเกินกว่าครึ่ง หรือผู้ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้ส่งออกเกินกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้ง
สิ้นในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ตามปกติ
4.2 อนุญาตให้ BIBF รับซื้อลดตั๋วที่เกี่ยวกับการส่งออก (export bills) ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ในกรณีที่ผู้ซื้อ
หรือผู้ขายสินค้าดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย โดยไม่จำกัดวงเงิน (จากเดิมที่อนุญาตให้เฉพาะการรับซื้อลด L/C ที่ผู้ซื้อ และผู้ขายอยู่นอก
ประเทศ และไม่ใช่สินค้าที่ส่งออกหรือนำเข้ามาในประเทศไทย) โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตรารัอยละ 30 เท่ากับธนาคารพาณิชย์
4.3 ให้ BIBF ค้ำประกันหนี้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้กับลูกค้าในประเทศที่กู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ไทย หรือจาก
สถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยมีวงเงินค้ำประกันขั้นต่ำเท่ากับการให้กู้ตรง (คือ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ส่งออก)
โดยให้ BIBF เสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 เท่ากับธนาคารพาณิชย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 มีนาคม 2541--