แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่างพระราชบัญญัติ
กระทรวงการคลัง
สภาผู้แทนราษฎร
ประมวลรัษฎากร
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--8 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... (การให้เครดิตในการคำนวณภาษีของผู้มีเงินได้บางประเภท) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และได้เคยนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนพิจารณาแล้วแต่ต้องตกไปเพราะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมการให้เครดิตในการคำนวณภาษีของผู้มีเงินได้จากเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร ซึ่งได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อให้สอดคล้องกับการเสียภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีหลายอัตรา และเพื่อความเป็นธรรมในการรจัดเก็บภาษี (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 47 ทวิ วรรคหนึ่ง)
2. กำหนดความรับผิดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้ ซึ่งแสดงข้อความที่กำหนดให้ต้องระบุเพื่อการเครดิตภาษีในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ถูกต้อง (เพิ่มมาตรา 47 ทวิ วรรคสี่)
ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังเสนอว่า
1. ในอดีตรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการจัดตั้งกิจการวิเทศธนกิจของธนาคาร (BIBF) กระทรวงการคลังจึงได้ใช้มาตรการภาษีเป็นสิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมกิจการ BIBF ให้เกิดขึ้นในประเทศ ด้วยการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการ BIBF จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็นมาตรการที่สามารถดำเนินการได้ทันทีด้วยการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาลดอัตราภาษีลง
2. ในระยะต่อมามีการใช้บริการของ BIBF สูงขึ้นโดยเร็ว และมีวงเงินที่ BIBF ของธนาคารพาณิชย์ไทยให้กู้ในประเทศ (Out-in) สูงถึง 315.3 พันล้านบาท (ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2539)ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนที่มาจากกิจการ BIBF เพิ่มสูงรวดเร็วตามไปด้วย
3. การให้เครดิตภาษีเงินปันผลกรณีกิจการ BIBF ของเงินปันผลเช่นเดียวกับกรณีทั่วๆ ไปจึงเป็นการให้เครดิตที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นและมีผลทำให้รัฐคืนเงินภาษีให้เกินไปประมาณ 700 ล้านบาท โดยคิดเฉลี่ยจากเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรของธนาคารพาณิชย์ไทยประจำปี 2539
4. เนื่องจากกิจการ BIBF ได้ขยายตัวรวดเร็วเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการให้เครดิตภาษีเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าภาระภาษีกำไรที่ได้เสียไว้จริงซึ่งเป็นการอุดหนุนกิจการดังกล่าวโดยอ้อม ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้เครดิตภาษีเงินปันผล เพื่อแก้ไขการบิดเบือนของโครงสร้างภาษีอากรและหยุดยั้งการสูญเสียรายได้ของรัฐโดยเร็วโดยให้บทบัญญัติของกฎหมายมีผลใช้บังคับสำหรับเงินปันผลที่ได้รับในปี พ.ศ.2540 เป็นต้นไปและเพื่อให้มีการออกพระราชบัญญัติดังกล่าวได้โดยรวดเร็ว จึงเห็นสมควรให้คณะรัฐมนตรีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยกรรมาธิการเต็มสภาสามวารโดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... (การให้เครดิตในการคำนวณภาษีของผู้มีเงินได้บางประเภท) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และได้เคยนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนพิจารณาแล้วแต่ต้องตกไปเพราะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมการให้เครดิตในการคำนวณภาษีของผู้มีเงินได้จากเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร ซึ่งได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อให้สอดคล้องกับการเสียภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีหลายอัตรา และเพื่อความเป็นธรรมในการรจัดเก็บภาษี (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 47 ทวิ วรรคหนึ่ง)
2. กำหนดความรับผิดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้ ซึ่งแสดงข้อความที่กำหนดให้ต้องระบุเพื่อการเครดิตภาษีในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ถูกต้อง (เพิ่มมาตรา 47 ทวิ วรรคสี่)
ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังเสนอว่า
1. ในอดีตรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการจัดตั้งกิจการวิเทศธนกิจของธนาคาร (BIBF) กระทรวงการคลังจึงได้ใช้มาตรการภาษีเป็นสิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมกิจการ BIBF ให้เกิดขึ้นในประเทศ ด้วยการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการ BIBF จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็นมาตรการที่สามารถดำเนินการได้ทันทีด้วยการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาลดอัตราภาษีลง
2. ในระยะต่อมามีการใช้บริการของ BIBF สูงขึ้นโดยเร็ว และมีวงเงินที่ BIBF ของธนาคารพาณิชย์ไทยให้กู้ในประเทศ (Out-in) สูงถึง 315.3 พันล้านบาท (ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2539)ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนที่มาจากกิจการ BIBF เพิ่มสูงรวดเร็วตามไปด้วย
3. การให้เครดิตภาษีเงินปันผลกรณีกิจการ BIBF ของเงินปันผลเช่นเดียวกับกรณีทั่วๆ ไปจึงเป็นการให้เครดิตที่สูงกว่าที่ควรจะเป็นและมีผลทำให้รัฐคืนเงินภาษีให้เกินไปประมาณ 700 ล้านบาท โดยคิดเฉลี่ยจากเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรของธนาคารพาณิชย์ไทยประจำปี 2539
4. เนื่องจากกิจการ BIBF ได้ขยายตัวรวดเร็วเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการให้เครดิตภาษีเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าภาระภาษีกำไรที่ได้เสียไว้จริงซึ่งเป็นการอุดหนุนกิจการดังกล่าวโดยอ้อม ดังนั้น จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้เครดิตภาษีเงินปันผล เพื่อแก้ไขการบิดเบือนของโครงสร้างภาษีอากรและหยุดยั้งการสูญเสียรายได้ของรัฐโดยเร็วโดยให้บทบัญญัติของกฎหมายมีผลใช้บังคับสำหรับเงินปันผลที่ได้รับในปี พ.ศ.2540 เป็นต้นไปและเพื่อให้มีการออกพระราชบัญญัติดังกล่าวได้โดยรวดเร็ว จึงเห็นสมควรให้คณะรัฐมนตรีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยกรรมาธิการเต็มสภาสามวารโดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--