ทำเนียบรัฐบาล--10 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานผลการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ
ผู้มีปัญหาในการชำระหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์เสนอ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ที่ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี2540 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความสามารถใน
การชำระหนี้ของประชาชนทั่วไปและก่อให้เกิดปัP หาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสถาบันการเงินทุกสถาบันรวมทั้ง
ธนาคารฯ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารฯ เท่ากับร้อยละ 28.22
เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2541 ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 23.45 โดยลูกหนี้ธนาคารฯ ซึ่งมีวงเงินกู้เกินกว่า 3 ล้านบาท เป็นกลุ่ม
ลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้ค้างชำระสูงสุด โดยมีอัตราส่วน NPL สูงถึงร้อยละ 54.54 ส่งผลกระทบต่อ Spread ของธนาคารฯ
ที่มีการหยุดรับรู้รายได้ดอกเบี้ยค้างรับในส่วที่เป็น NPL ให้มีผลติดลบเท่ากับ -0.17% ถึงแม้ลูกหนี้กลุ่มนี้ธนาคารฯ จะคิด
อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าลูกหนี้กลุ่มอื่นก็ตาม ทั้งนี้ สถิติหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งมีผลกระทบต่อ Actual spread
ของธนาคารฯ แยกตาม
วงเงินกู้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 แสดงได้ดังนี้
จำนวนเงิน : ล้านบาท
วงเงินกู้ จำนวนเงิน ดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยรับ Actual
รวม NPL %NPL ก่อน NPL หลัง NPL Spread2/
ไม่เกิน 100,000 บาท 1,821.10 414.12 22.74% 11.35% 8.57% 2.01%
ไม่เกิน 200,000 บาท 15,237.67 3,910.79 25.67% 11.25% 8.17% 1.61%
ไม่เกิน 750,000 บาท 156,432.77 35,127.55 24.46% 11.26% 8.53% 1.97%
ไม่เกิน 1,000,000 บาท 29,870.64 7,534.28 25.22% 11.61% 8.48% 1.92%
ไม่เกิน 3,000,000 บาท 60,028.40 21,254.04 35.41% 12.63% 7.99% 1.43%
เกิน 3,000,000 บาท 23,126.04 12,612.91 54.54% 14.32% 6.39% -0.17%
รวมทั้งสิ้น 286,516.62 80,853.69 28.22% 11.92% 1/ 8.22% 1.66%
หมายเหตุ 1/ ดอกเบี้ยรับก่อน NPL เป็นดอกเบี้ยรับที่ได้มีการคิดเบี้ยปรับกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระหรือถูกดำเนินคดีแล้ว
2/ Actual Spread เป็นผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยรับธนาคารฯ หลัง NPL และต้นทุนเงินทุนธนาคารฯ
ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.56 ต่อปี
สำหรับผลการดำเนินงานฯ มีดังต่อไปนี้
1. ธนาคารฯ ได้มีแผนงานและมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินอัน
เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำดังกล่าว ให้สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไปตามความสามารถ รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหา
หนี้ค้างชำระของธนาคารฯ ให้ลดต่ำลง โดยธนาคารฯ มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาชำระหนี้รวม 12 แนว
ทาง ให้ลูกหนี้เลือกใช้ได้ตามความสามารถชำระหนี้และความรุนแรงของปัญหา ตั้งแต่การขอผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย การ
ลดเงินงวดผ่อนชำระจนถึงการโอนหลักประกันชำระหนี้ให้ธนาคารฯ โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2540
เป็นต้นมา และได้รวบรวมมาตรการต่าง ๆ จัดทำเป็นคู่มือการขอผ่อนผันและการประนอมหนี้ จัดส่งให้ลูกหนี้ทุกรายที่มีหนี้ค้าง
ชำระ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอรับบริการยิ่งขึ้น
2. ผลการดำเนินงานจนถึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 มีลูกหนี้มาทำข้อตกลงผ่อนผันชำระหนี้ตามมาตรการ
ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 130,473 ราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 45,898 ล้านบาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้
จำนวนเงิน : ล้านบาท
มาตรการ ยอดสะสมตั้งแต่ดำเนินการ - มิ.ย. 42
จำนวนราย จำนวนเงิน
1. การลดเงินงวดตามเงินต้นคงเหลือ 1,939 782.02
2. การทำข้อตกลงขอชำระหนี้ค้างตามความสามารถ 39,058 11,608.00
3. การอนุโลมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ลูกหนี้ชำระเงิน 36,510 10,288.90
4. การขอผ่อนชำระตามเงินงวดเดิม 2,204 652.99
5. การผ่อนชำระต่ำกว่าเงินงวดปกติแต่ไม่ต่ำกว่าครึ่งงวด 24,256 7,989.34
6. การให้ลูกหนี้ชำระแต่ดอกเบี้ยประจำเดือน 2,381 821.83
7. การกู้เพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยค้างชำระ 3,143 727.64
8. การขยายระยะเวลากู้ลดเงินงวด 12,318 4,313.14
9. การขอกู้ใหม่ไถ่ถอนหนี้เดิม 883 284.48
10. การโอนเปลี่ยนตัวลูกหนี้ 872 443.12
11. การโอนทรัพย์ชำระหนี้ 6,804 7,854.86
12. การขายทรัพย์ตามโครงการตลาดนัดซื้อขายบ้าน 105 131.43
รวมทั้งสิ้น 130,473 45,898.35
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 จำนวนลูกหนี้ที่มาทำข้อตกลงผ่อนผันชำระหนี้ตามมาตรการดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ
19.71ของจำนวนรายลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารฯ ที่มีอยู่จำนวน 662,124 บัญชี และคิดเป็นร้อยละ 16.02 ของจำนวนเงิน
สินเชื่อรวมของธนาคารฯ ที่มีอยู่จำนวนเงิน 286,516.62 ล้านบาท หรือเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มลูกหนี้ NPL ของธนาคารฯ
ซึ่งมีจำนวน 143,522 บัญชีคิดเป็นจำนวนเงิน 80,853.69 ล้านบาท ลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีปัญหา
ในการชำระหนี้ของธนาคารฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.91 และร้อยละ 56.77 ของจำนวนรายและจำนวนเงินรวมของ
ลูกหนี้ NPL ของธนาคารฯ ตามลำดับ
3. ปัจจุบันคณะทำงานร่างนโยบายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของธนาคารฯ ได้จัดทำรายงานนโยบายและวิธีปฏิบัติ
เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของธนาคารฯ โดยรวบรวมมาตรการผ่อนผันและประนอมหนี้ที่ถือปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน และนำ
เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 23 กรกฎาคม 2542 ทั้งนี้ หากลูกหนี้รายใดที่สามารถ
ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ จะสามารถเปลี่ยนสถานะลูกหนี้ดังกล่าวให้หลุดจาก NPL เป็นลูกหนี้ปกติได้
อันส่งผลให้อัตราส่วน NPL ของธนาคารฯ โดยรวมลดลงได้ ทั้งนี้ หากนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติดังกล่าวได้รับความเห็น
ชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีลูกหนี้ภายใต้มาตรการผ่อนปรนของธนาคารฯ จำนวน 11,824.49 ล้านบาท ที่
สามารถปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ติดต่อกันเกิน 3 เดือน ซึ่งจะสามารถลดอัตราส่วน NPLs ของ
ธนาคารฯ ได้ประมาณร้อยละ 4
4. นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานเร่งรัดและประนอมหนี้ เพื่อดำเนินการติดตามเร่งรัดหนี้ให้มีผลใน
ทางปฏิบัติยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพิ่มมากขึ้นนอกเหนือจากการติดตามหนี้ปกติของธนาคารฯ และธนาคารฯ จะ
จัดส่งพนักงานไปพบลูกหนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาการชำระหนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยลด NPLs ของธนาคารฯ ลงได้อีกระดับหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 สิงหาคม 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานผลการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ
ผู้มีปัญหาในการชำระหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์เสนอ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ที่ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี2540 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความสามารถใน
การชำระหนี้ของประชาชนทั่วไปและก่อให้เกิดปัP หาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสถาบันการเงินทุกสถาบันรวมทั้ง
ธนาคารฯ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารฯ เท่ากับร้อยละ 28.22
เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2541 ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 23.45 โดยลูกหนี้ธนาคารฯ ซึ่งมีวงเงินกู้เกินกว่า 3 ล้านบาท เป็นกลุ่ม
ลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้ค้างชำระสูงสุด โดยมีอัตราส่วน NPL สูงถึงร้อยละ 54.54 ส่งผลกระทบต่อ Spread ของธนาคารฯ
ที่มีการหยุดรับรู้รายได้ดอกเบี้ยค้างรับในส่วที่เป็น NPL ให้มีผลติดลบเท่ากับ -0.17% ถึงแม้ลูกหนี้กลุ่มนี้ธนาคารฯ จะคิด
อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าลูกหนี้กลุ่มอื่นก็ตาม ทั้งนี้ สถิติหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งมีผลกระทบต่อ Actual spread
ของธนาคารฯ แยกตาม
วงเงินกู้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 แสดงได้ดังนี้
จำนวนเงิน : ล้านบาท
วงเงินกู้ จำนวนเงิน ดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยรับ Actual
รวม NPL %NPL ก่อน NPL หลัง NPL Spread2/
ไม่เกิน 100,000 บาท 1,821.10 414.12 22.74% 11.35% 8.57% 2.01%
ไม่เกิน 200,000 บาท 15,237.67 3,910.79 25.67% 11.25% 8.17% 1.61%
ไม่เกิน 750,000 บาท 156,432.77 35,127.55 24.46% 11.26% 8.53% 1.97%
ไม่เกิน 1,000,000 บาท 29,870.64 7,534.28 25.22% 11.61% 8.48% 1.92%
ไม่เกิน 3,000,000 บาท 60,028.40 21,254.04 35.41% 12.63% 7.99% 1.43%
เกิน 3,000,000 บาท 23,126.04 12,612.91 54.54% 14.32% 6.39% -0.17%
รวมทั้งสิ้น 286,516.62 80,853.69 28.22% 11.92% 1/ 8.22% 1.66%
หมายเหตุ 1/ ดอกเบี้ยรับก่อน NPL เป็นดอกเบี้ยรับที่ได้มีการคิดเบี้ยปรับกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระหรือถูกดำเนินคดีแล้ว
2/ Actual Spread เป็นผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยรับธนาคารฯ หลัง NPL และต้นทุนเงินทุนธนาคารฯ
ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 6.56 ต่อปี
สำหรับผลการดำเนินงานฯ มีดังต่อไปนี้
1. ธนาคารฯ ได้มีแผนงานและมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินอัน
เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำดังกล่าว ให้สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไปตามความสามารถ รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหา
หนี้ค้างชำระของธนาคารฯ ให้ลดต่ำลง โดยธนาคารฯ มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาชำระหนี้รวม 12 แนว
ทาง ให้ลูกหนี้เลือกใช้ได้ตามความสามารถชำระหนี้และความรุนแรงของปัญหา ตั้งแต่การขอผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย การ
ลดเงินงวดผ่อนชำระจนถึงการโอนหลักประกันชำระหนี้ให้ธนาคารฯ โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2540
เป็นต้นมา และได้รวบรวมมาตรการต่าง ๆ จัดทำเป็นคู่มือการขอผ่อนผันและการประนอมหนี้ จัดส่งให้ลูกหนี้ทุกรายที่มีหนี้ค้าง
ชำระ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอรับบริการยิ่งขึ้น
2. ผลการดำเนินงานจนถึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 มีลูกหนี้มาทำข้อตกลงผ่อนผันชำระหนี้ตามมาตรการ
ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 130,473 ราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 45,898 ล้านบาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้
จำนวนเงิน : ล้านบาท
มาตรการ ยอดสะสมตั้งแต่ดำเนินการ - มิ.ย. 42
จำนวนราย จำนวนเงิน
1. การลดเงินงวดตามเงินต้นคงเหลือ 1,939 782.02
2. การทำข้อตกลงขอชำระหนี้ค้างตามความสามารถ 39,058 11,608.00
3. การอนุโลมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ลูกหนี้ชำระเงิน 36,510 10,288.90
4. การขอผ่อนชำระตามเงินงวดเดิม 2,204 652.99
5. การผ่อนชำระต่ำกว่าเงินงวดปกติแต่ไม่ต่ำกว่าครึ่งงวด 24,256 7,989.34
6. การให้ลูกหนี้ชำระแต่ดอกเบี้ยประจำเดือน 2,381 821.83
7. การกู้เพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยค้างชำระ 3,143 727.64
8. การขยายระยะเวลากู้ลดเงินงวด 12,318 4,313.14
9. การขอกู้ใหม่ไถ่ถอนหนี้เดิม 883 284.48
10. การโอนเปลี่ยนตัวลูกหนี้ 872 443.12
11. การโอนทรัพย์ชำระหนี้ 6,804 7,854.86
12. การขายทรัพย์ตามโครงการตลาดนัดซื้อขายบ้าน 105 131.43
รวมทั้งสิ้น 130,473 45,898.35
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 จำนวนลูกหนี้ที่มาทำข้อตกลงผ่อนผันชำระหนี้ตามมาตรการดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ
19.71ของจำนวนรายลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารฯ ที่มีอยู่จำนวน 662,124 บัญชี และคิดเป็นร้อยละ 16.02 ของจำนวนเงิน
สินเชื่อรวมของธนาคารฯ ที่มีอยู่จำนวนเงิน 286,516.62 ล้านบาท หรือเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มลูกหนี้ NPL ของธนาคารฯ
ซึ่งมีจำนวน 143,522 บัญชีคิดเป็นจำนวนเงิน 80,853.69 ล้านบาท ลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีปัญหา
ในการชำระหนี้ของธนาคารฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.91 และร้อยละ 56.77 ของจำนวนรายและจำนวนเงินรวมของ
ลูกหนี้ NPL ของธนาคารฯ ตามลำดับ
3. ปัจจุบันคณะทำงานร่างนโยบายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของธนาคารฯ ได้จัดทำรายงานนโยบายและวิธีปฏิบัติ
เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของธนาคารฯ โดยรวบรวมมาตรการผ่อนผันและประนอมหนี้ที่ถือปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน และนำ
เสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 23 กรกฎาคม 2542 ทั้งนี้ หากลูกหนี้รายใดที่สามารถ
ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ จะสามารถเปลี่ยนสถานะลูกหนี้ดังกล่าวให้หลุดจาก NPL เป็นลูกหนี้ปกติได้
อันส่งผลให้อัตราส่วน NPL ของธนาคารฯ โดยรวมลดลงได้ ทั้งนี้ หากนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติดังกล่าวได้รับความเห็น
ชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีลูกหนี้ภายใต้มาตรการผ่อนปรนของธนาคารฯ จำนวน 11,824.49 ล้านบาท ที่
สามารถปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ติดต่อกันเกิน 3 เดือน ซึ่งจะสามารถลดอัตราส่วน NPLs ของ
ธนาคารฯ ได้ประมาณร้อยละ 4
4. นอกจากนี้ธนาคารฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานเร่งรัดและประนอมหนี้ เพื่อดำเนินการติดตามเร่งรัดหนี้ให้มีผลใน
ทางปฏิบัติยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพิ่มมากขึ้นนอกเหนือจากการติดตามหนี้ปกติของธนาคารฯ และธนาคารฯ จะ
จัดส่งพนักงานไปพบลูกหนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาการชำระหนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยลด NPLs ของธนาคารฯ ลงได้อีกระดับหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 สิงหาคม 2542--