คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ประจำเดือนมิถุนายน 2556 ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ
สาระสำคัญของรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ดังนี้
1. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง การดำเนินการในภาพรวมได้มีการดำเนินการ ดังนี้
1.1 ด้านราคาสินค้า ได้มีมาตรการในการดูแลราคาสินค้าและบริการให้มีราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ได้แก่ การกำหนดราคาสินค้าและบริการควบคุม การดูแลราคาต้นทาง และราคาปลายทาง การกำหนดมาตรการในการดูแลราคา การตรึงราคาจำหน่ายสินค้า(สิ้นสุดโครงการแล้ว) การกำกับดูแลราคาจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ ติดตามตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย (สายตรวจ Mobile Unit) นอกจากนี้ ยังมีโครงการกำกับดูแลการชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อเพื่อสร้างความเป็นธรรม โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน และจัดงานจำหน่ายสินค้า ซึ่งได้จัดงานรวมทั้งสิ้น 1,286 ครั้ง สามารถลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน คิดเป็นมูลค่า 553.45 ล้านบาท จัดงานธงฟ้าเคลื่อนที่เพื่อประชาชน (Mobile Unit) รวม 627 จุด ลดค่าครองชีพได้ คิดเป็นมูลค่า 14.67 ล้านบาท (สิ้นสุดโครงการแล้ว) รวมถึงโครงการโชห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างส่งผ่านให้ภาคเอกชนดำเนินการต่อโดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีร้านถูกใจที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5,009 ราย (สิ้นสุดโครงการแล้ว)
1.2 ด้านราคาพลังงาน
(1) น้ำมันดีเซล : ขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันดีเซล เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้ราคา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ 29.99 บาท/ลิตร โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 — เมษายน 2556 สามารถช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจเป็นเงินประมาณ 198,000 ล้านบาท
(2) แก๊สโซฮอล : ส่งเสริมให้มีการใช้แก๊สโซฮอลเพิ่มขึ้น โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีปริมาณการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 ล้านลิตร/วัน
(3) LPG : ราคา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ภาคครัวเรือน ตรึงราคาไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2556 อยู่ที่ 18.13 บาท/กิโลกรัม ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 28.40 บาท/กิโลกรัม ภาคขนส่ง อยู่ที่ 21.38 บาท/กิโลกรัม
(4) NGV : ราคาสำหรับประชาชนอยู่ที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ อยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม
(5) โครงการบัตรเครดิตพลังงาน (NGV) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ตุลาคม 2555 — มิถุนายน 2556 มีจำนวนผู้สมัครบัตรเครดิตพลังงาน จำนวนทั้งสิ้น 70,871 ราย สำหรับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ เพื่อสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล ณ เดือนมิถุนายน 2556 จำนวนผู้มีบัตรทั้งสิ้น 2,974 ราย
2. ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศสร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค ได้มีการดำเนินการ ดังนี้
2.1 พักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณากรอบวงเงินสำหรับโครงการพักหนี้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรหรือเกษตรกร
2.2 ปรับค่าแรงงานเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการตามมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันให้แก่ SMEs โดยที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีจึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ SMEs เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
2.3 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีผู้สูงอายุที่มีสิทธิ จำนวน 6,776,562 คน ได้จัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดแล้ว (ตุลาคม 2555 - กันยายน 2556) เป็นเงิน 52,069 ล้านบาท กทม. มีผู้สูงอายุได้รับเงินแล้ว จำนวน 528,990 คน ใช้เงิน 347.74 ล้านบาท เมืองพัทยา มีผู้สูงอายุได้รับเงินแล้ว จำนวน 5,848 คน ใช้เงินประมาณ 3.78 ล้านบาท
2.4 มาตรการบ้าน 5 ล้านบาท สิ้นสุดโครงการแล้ว
2.5 โครงการบ้าน ธ.อ.ส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก ซึ่งได้ขยายระยะเวลาออกไปให้สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2556 มีผู้ได้รับการอนุมัติคิดเป็นเงิน 10,189.03 ล้านบาท โครงการนี้มีปัญหาการปล่อยสินเชื่อค่อนข้างต่ำ เนื่องจากโครงการไม่ครอบคลุมบ้านมือสอง และราคาบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีจำนวนจำกัด
2.6 โครงการบ้าน ธ.อ.ส. - ธปท. เพื่อผู้ประสบภัย วงเงิน 14,000 ล้านบาท มีผู้ได้รับการอนุมัติคิดเป็น 29,877.84 ล้านบาท ปัญหาอุปสรรคของโครงการนี้ คือ จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อมากกว่าเงินที่ ธปท. ให้การสนับสนุน
2.7 มาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก คืนภาษีแล้ว 320,111 คัน เป็นเงิน 21,972 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.91
3. ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อให้การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลมีผลถาวรกรมสรรพากรได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ฉบับที่ .. พ.ศ. .... (มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล) ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
4. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน (กองทุนหมู่บ้าน SML) มีผลดำเนินการ ดังนี้
4.1 โครงการพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชน (SML) โอนเงินไปแล้วจำนวน 76,407 หมู่บ้าน/ชุมชน จำแนกเป็นหมู่บ้าน/ชุมชนใน 76 จังหวัด จำนวน 75,565 แห่ง ชุมชน ใน กทม. จำนวน 842 แห่ง ทั้งนี้ สทบ. ได้เร่งรัดการดำเนินการในส่วนของชุมชนใน กทม. ด้วยแล้ว
4.2 โครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านฯ ระยะที่ 3 ได้โอนเงินไปแล้ว 44,730 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 56.44
5. ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ได้มีการดำเนินการ ดังนี้
5.1 โครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ได้อนุมัติแล้ว 4,234,556 บัตร ส่งมอบบัตรแล้ว 4,125,967 ราย วงเงินอนุมัติ 57,070 ล้านบาท
5.2 ขึ้นทะเบียนเกษตรกรในพืชสำคัญ 3 ชนิด ดังนี้
(1) ข้าวนาปี 55/56 (วันที่ 1 มิถุนายน 2555 — วันที่ 31 พฤษภาคม 2556) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ครั้งที่ 1 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 3.48 ล้านครัวเรือน ครั้งที่ 2 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 584,236 ครัวเรือน
(2) มันสำปะหลัง ปี 55/56 (วันที่ 1 มิถุนายน 2555 — วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556)ซึ่งมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 473,852 ครัวเรือน
(3) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 55/56 (วันที่ 1 มิถุนายน 2555 — วันที่ 31 ตุลาคม 2555) ซึ่งมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 220,216 ครัวเรือน
5.3 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 โดย
(1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี รวม 226 สหกรณ์ ซึ่งได้ให้บริการรับจำนำ/บริการรวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิก 349,654 ราย ปริมาณข้าวเปลือก รวม 1,726,533.165 ตัน และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร รับจำนำแล้ว 3.469 ล้านตัน มูลค่า 54,934.180 ล้านบาท จำนวนเกษตรกร 472,971 ราย จำนวนโรงสี 270 แห่ง
(2) กระทรวงพาณิชย์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ผลการดำเนินการ
2.1 รอบที่ 1 (1 ตุลาคม 2555 - 15 กันยายน 2556) มีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 894 โรง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2,199,906 ราย ปริมาณรับจำนำ รวมทั้งสิ้น 14,434,296 ตัน ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว เป็นเงิน 232,870.709 ล้านบาท
2.2 รอบที่ 2 (14 มีนาคม - 15 กันยายน 2556) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 645 โรง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 640,529 ราย ปริมาณรับจำนำรวมทั้งสิ้น 5,365,846 ตัน
ปัญหาอุปสรรค : งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าคลังสินค้า ค่ากรรมกร ค่าตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร ค่าดูแลรักษาข้าวสาร และค่าเบี้ยประกันภัย ทำให้ อ.ต.ก. ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการตามสัญญาได้
(3) นอกจากนี้ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ทราบเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2554/55 ปี 2555/56 โดยสรุป ดังนี้
3.1 ผลการดำเนินโครงการ (ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2556)
- โครงการปี 2554/55 นาปี 2554/55 นาปี 54/55 มีผลผลิตจำนวน 25.932 ล้านตัน จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 1,089,101 ราย ปริมาณรับจำนำ 6.950 ล้านตัน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงิน 118,656 ล้านบาท นาปรัง 55 มีผลผลิตจำนวน 12.224 ล้านตัน จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 1,021,027 ราย ปริมาณรับจำนำ 14.864 ล้านตัน ธ.ก.ส. จ่ายเงิน 218,670 ล้านบาท
- โครงการปี 2555/56 รอบที่ 1 มีผลผลิตจำนวน 26.950 ล้านตัน จำนวนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 1,434,702 ราย ปริมาณรับจำนำ 14.440 ล้านตัน ธ.ก.ส. จ่ายเงิน 232,870 ล้านบาท รอบที่ 2 มีผลผลิตจำนวน 9.904 ล้านตัน จำนวนเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการ 436,503 ราย ปริมาณรับจำนำ 5.508 ล้านตัน ธ.ก.ส. จ่ายเงิน 73,938 ล้านบาท
3.2 ประโยชน์ที่ชาวนาได้รับโดยตรงจากราคาตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น โดย
- เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ได้รับผลประโยชน์โดยราคาข้าวเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4,000 บาท/ตัน
- เกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ได้รับผลประโยชน์โดยราคาข้าวเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2,500 บาท/ตัน (ราคาตลาดก่อนรับจำนำหักด้วยราคาตลาดหลังรับจำนำ)
3.3 ผลประโยชน์ทางอ้อมกลับคืนสู่รัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเกษตรกรมีการใช้จ่ายมากขึ้นทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รัฐได้รับภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น รัฐได้ภาษีจากภาคธุรกิจ เกิดการขยายธุรกิจใหม่รองรับกำลังซื้อ และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 83,238 ล้านบาท
5.4 โครงการรักษาเสถียรภาพราคามะพร้าว ปี 2555 ดำเนินการรับซื้อ เนื้อมะพร้าวแห้งจากเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร ใน 8 จังหวัด จำนวน 9,000 ตัน โดยชดเชยราคากิโลกรัมละ 6 บาท และช่วยค่าขนส่ง เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่คุ้มต่อการผลิต ตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2556 ขณะนี้ได้รับซื้อแล้ว 8,605.38 ตัน คิดเป็นร้อยละ 95.62 ขณะนี้มี 7 จังหวัดแจ้งปิดโครงการแล้ว และจังหวัดนครศรีธรรมราชยังปิดโครงการไม่ได้เนื่องจากปัญหาการร้องเรียน จึงขอขยายระยะเวลาโครงการออกไปจนถึง 20 กรกฎาคม 2556
5.5 การรักษาเสถียรภาพราคายางพารา (ข้อมูล ณ มิถุนายน 2556) โดยได้รับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร จำนวน 211,388.604 ตัน มูลค่า 20,934.064 ล้านบาท นำเข้าสู่กระบวน การผลิตและผลิตเสร็จ และจัดเก็บเข้าโกดัง จำนวน 189,101.20 ตัน มีการทำประกันวินาศภัยโกดัง/โรงงาน จำนวน 54 จุด วงเงินทุนประกัน 18,803.280 ล้านบาท มีเงินสดคงเหลือในบัญชีของโครงการฯ จำนวน 225.504 ล้านบาท
5.6 การเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร จากภัยพิบัติด้านการเกษตร ในกรณีฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้ง อุทกภัย วาตภัย และศัตรูพืชระบาด
(1) ฝนทิ้งช่วง/ภัยแล้ง ด้านพืช มีพื้นที่เสียหาย 4.697 ล้านไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 624,886 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 2,870.932 ล้านบาท ด้านประมง พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเสียหาย 1,121 ไร่ กระชัง 648 ตารางเมตร เกษตรกรได้รับผลกระทบ 63 ราย ช่วยเหลือเสร็จแล้ว เป็นเงิน 3.939 ล้านบาท
(2) อุทกภัย ด้านพืช มีพื้นที่เสียหาย 78,569 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 9,691 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 34.614 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 12.126 ล้านบาท ด้านประมง พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเสียหาย 881 ไร่ กระชัง 11,393 ตารางเมตร คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 6.284 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 2.307 ล้านบาท ด้านปศุสัตว์ มีสัตว์สูญหาย/ตาย 1,867 ตัว เกษตรกรได้รับผลกระทบจำนวน 60 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 83,800 บาท ช่วยเหลือแล้ว 49,700 บาท
(3) วาตภัย (ระหว่างวันที่ 30 มกราคม — 1 มีนาคม 2556) พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 76,579 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 34,587 ราย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 15.582 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 0.619 ล้านบาท
(4) ศัตรูพืชระบาด ได้มีการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด และควบคุมการระบาดไม่ให้ขยายพื้นที่
5.7 การจัดทำระบบทะเบียนครัวเรือนเกษตรกร ขณะนี้มีการปรับปรุงการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรเป็นรายแปลง ซึ่งมีเป้าหมาย 7,230,043 แปลง ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2556 โดยดำเนินการไปแล้ว 3.922 ล้านครัวเรือน
5.8 การช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนที่เป็นลูกหนี้กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรและผู้ยากจนที่มีปัญหาด้านหนี้สินและที่ดิน ให้สามารถไถ่ถอนหรือซื้อที่ดินคืน โดยมีเกษตรกรที่ได้รับอนุมัติจากกองทุนฯ จำนวน 584 ราย วงเงิน 81 ล้านบาท
5.9 โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2555/26 ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 719 ราย เปิดจุดรับฝากแล้ว 678 จุด ปริมาณ รับจำนำรวมทั้งสิ้น 9,955,637 ตัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว เป็นเงิน 26,877.092 ล้านบาท
5.10 พณ. ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบการรับจำนำสินค้าเกษตร ให้ถูกต้อง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำ โดยสุ่มตรวจสอบโรงสี ตลาดกลาง โกดังกลาง และเกษตรกร พบการกระทำความผิด จำนวน 2,042 ราย ได้แก่ (1) การขนข้าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) การสวมสิทธิเกษตรกร (3) ข้าวขาดบัญชี
5.11 การแก้ไขราคาสินค้าเกษตร
(1) ผักและผลไม้ ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) รวม 6 ครั้ง เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยรับซื้อผักและผลไม้ เพื่อนำไปจำหน่ายในสาขาทั่วประเทศ และได้จัดงานเพื่อให้กลุ่มเกษตรกรมาจำหน่ายผลผลิตให้ผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงได้ดำเนินการเชื่อมโยงการกระจายผลไม้ภาคตะวันออก ไปจำหน่ายที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) ที่จังหวัดกาญจนบุรี
(2) สุกร ได้มีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่เกษตรกรเพิ่มจากช่องทางปกติ แยกเป็นเนื้อสุกรจำนวน 181,095 กิโลกรัม
(3) ไข่ไก่ สามารถระบายไข่ไก่ได้ จำนวน 7,000,000 ฟอง และได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลราคาไข่ไก่ รวมถึงขอความร่วมมือผู้เลี้ยงไก่ไข่ให้ตรึงราคาไม่เกินฟองละ 3.30 บาท
(4) หอมแดง (ฤดูแล้ง) จังหวัดเชียงใหม่ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ จำนวน 22.66 ล้านบาท จากโครงการช่วยเหลือสินค้าเกษตรที่มีปัญหาเร่งด่วน ปี 2554 — 2556 ให้จังหวัดเชียงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาราคาหอมแดงตกต่ำ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องซื้อหอมแดงจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดเชียงใหม่ ในราคา กิโลกรัม ละ 17.00 บาท ปริมาณเป้าหมาย 11,000 ตัน ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่เดือนมีนาคม — กันยายน 2556 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่สามารถระบายหอมแดงได้ตามภาวะปกติ โดยไม่ต้องใช้เงินที่ได้รับการสนับสนุน โดย ณ เดือนพฤษภาคม 2556 ราคาหอมแดงแห้งปรับราคาสูงขึ้นเป็น กิโลกรัม ละ 23 — 26 บาท
(5) พริก จัดประชุมหารือผู้ประกอบการแปรรูปซอสพริกและน้ำพริก เพื่อขอความร่วมมือในการรับซื้อพริกในราคาที่เหมาะสม ให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพริก และการวางระบบการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงงานและผู้บริโภ
(6) ปาล์มน้ำมัน รอบที่ 1 ได้จัดสรรเงินให้องค์การคลังสินค้า รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ เป้าหมาย 100,000 ตัน ในราคา กิโลกรัมละ 25 บาท จากผลการดำเนินงานในรอบที่ 1 ทำให้ระดับราคาผลปาล์มสูงขึ้นจากช่วงก่อนเริ่มโครงการเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.53 บาท เป็น กก.ละ 4 — 4.20 บาท รอบที่ 2 ดำเนินการขยายระยะเวลารับซื้อเป็นสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2556 โดย ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนจำนวน 56,801 ราย 99,848 แปลง โดยรับรองแล้ว 71,923 แปลง แต่เนื่องจากปัญหามีปริมาณการรับซื้อปาล์มน้ำมันไม่ได้ตามเป้าหมาย จึงจะต้องขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปอีก
6. ปฏิรูปการจัดการที่ดิน (นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ซึ่งได้ดำเนินการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกร การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดการที่ดินป่าไม้ และการดำเนินการของคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ (กบช.) ซึ่งภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนการดำเนินงานและงบประมาณเพื่อการดำเนินการของ กบช. แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งสำนักงาน และจัดสรรเงินงบประมาณให้จังหวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติการที่ดินจังหวัด
ปัญหาอุปสรรค : ในการดำเนินงานของ กบช. คือ ขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 แล้ว ระยะเวลาที่เหลืออยู่อาจทำให้การปฏิบัติงานตามแผนงานไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และเมื่อไม่สามารถดำเนินการได้ เงินงบประมาณที่ได้รับจะตกไป จึงเห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้ กรมที่ดินสามารถเกลี่ยเงินที่ได้รับไปใช้ต่อเนื่องในปีงบประมาณหน้าได้เป็นกรณีพิเศษ
7. จากรายงานผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในเดือนมิถุนายน 2556 มีความเห็น ดังนี้
7.1 โครงการกำกับดูแลการชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายพลังงานเชื้อเพลิง ผลผลิตทางการเกษตร และสินค้าทั่วไปต่าง ๆ ซึ่งมีการตรวจพบการกระทำความผิดเพิ่มขึ้นนั้น พณ. ควรมีการพิจารณาหามาตรการในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การกระทำความผิดมีจำนวนลดลง
7.2 การตรวจสอบโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ยังพบการกระทำความผิดอยู่มาก ควรให้ พณ. เพิ่มมาตรการป้องกัน ตรวจสอบ และลงโทษผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด
7.3 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์อย่างเร่งด่วน เพื่อชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์ที่ชาวนาได้รับโดยตรงจากราคาตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการและเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับผลประโยชน์ โดยราคาข้าวเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2,500 บาท/ตัน และ 4,000 บาท/ตัน รวมทั้งผลประโยชน์ทางอ้อมต่อรัฐบาล โดยเกษตรกรจะมีการใช้จ่ายมากขึ้นทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจมีกำไรและรัฐเก็บภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น เกิดการขยายตัวของธุรกิจเพื่อรองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นมูลค่ารวม 83,238 ล้านบาท
7.4 โครงการพัฒนาศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชน (SML) และการดำเนินการตามโครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ 3 ยังดำเนินการได้ค่อนข้างล่าช้า เห็นควรให้ สทบ. ได้จัดทำกรอบระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายและชัดเจน
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านรับไปพิจารณาดดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 สิงหาคม 2556--จบ--