โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 20, 2013 16:38 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2556 โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณจำนวน 494,906,221.50 บาท เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2556

2. ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายสำรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล ตามข้อ 1 และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) + 1% ในปีงบประมาณถัดไป

3. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดยกรมส่งเสริมการเกษตรประสานงานกับ ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบการรับประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนความชัดเจนในการประกาศภัยของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบภัย ทั้งนี้ เพื่อความถูกต้องและรวดเร็วในขั้นตอนการขอเอาประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่เกษตรกร

ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชดเชยค่าเบี้ยประกันภัยที่ได้สำรองจ่ายตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการคลัง (กค.) โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธ.ก.ส. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้หารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อปรับปรุงโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2556 โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้รับประกันภัย และแบ่งพื้นที่รับประกันภัยออกเป็น 5 พื้นที่ ตามระดับความเสี่ยง ทั้งนี้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1. หลักการและแนวทางการรับประกันภัย

(1) เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้เอาประกันภัย ได้รับความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย รวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด

(2) แบ่งพื้นที่การรับประกันภัยออกเป็น 5 พื้นที่ตามระดับความเสี่ยง โดยเกณฑ์ความเสียหายเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548 -2555 เพื่อจัดเก็บเบี้ยประกันภัยในอัตราที่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยง

(3) ภาคเอกชนเป็นผู้รับประกันภัยในส่วนที่เพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยของรัฐ เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554

(4) เกณฑ์การประเมินความเสียหายเพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนใช้แนวทางเดียวกันกับที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554 และ 2555

(5) ธ.ก.ส. เป็นผู้บริหารโครงการฯ และเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปี 2554 และ 2555

2. รายละเอียดการรับประกันภัย

(1) อัตราเบี้ยประกันภัยที่เสนอโดยบริษัทรับประกันภัยแบ่งออกเป็น 5 อัตรา ตามระดับความเสี่ยงภัยของพื้นที่ โดยมีวงเงินความคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่ ตลอดช่วงการเพาะปลูกสำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 6 ภัยดังกล่าวข้างต้น และวงเงินความคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่อัตราเบี้ยประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2554 และ 2555 เนื่องจากการปรับเพิ่มความเสี่ยงระดับมหันตภัยของประเทศไทย

(2) กำหนดจำนวนพื้นที่เป้าหมายการเอาประกันภัยทั่วประเทศเป็นจำนวน 1.5 ล้านไร่ และกำหนดพื้นที่เข้าร่วมโครงการรับประกันภัยในแต่ละระดับความเสี่ยง เพื่อให้มีการกระจายตัวของความเสี่ยงตามหลักการประกันภัย

(3) รัฐยังมีความจำเป็นต้องอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย โดยเห็นควรให้เกษตรกรรับภาระค่าเบี้ยประกันภัยตามระดับความเสี่ยงของพื้นที่ ตั้งแต่ 60 -100 บาทต่อไร่ และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เกินกว่าจำนวนดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินโครงการรับประกันภัยข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 ปี เกษตรกรได้ตระหนักถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยระบบการประกันภัยเพิ่มขึ้น

(4) ธ.ก.ส. อาจพิจารณามาตรการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าเพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการในปี 2554 และ 2555 ได้แก่ การอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. และการขยายวงเงินสินเชื่อสำหรับเกษตรกรให้ครอบคลุมค่าเบี้ยประกันภัย อนึ่ง เพื่อให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตามเป้าหมาย ธ.ก.ส. อาจต้องดำเนินงานเชิงรุกร่วมกับ สศค. กรมส่งเสริมการเกษตรและสำนักงาน คปภ. เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรในแต่ละเขตพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง

3. หากกำหนดให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ปีการผลิต 2556 รับภาระอัตราเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60 - 100 บาทต่อไร่ และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับเกษตรกรในส่วนที่เหลือ 69.97 - 410.39 บาทต่อไร่ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) โดยกำหนดจำนวนพื้นที่เป้าหมายเอาประกันภัย 1.5 ล้านไร่ และครอบคลุมพื้นที่แต่ละระดับความเสี่ยงในสัดส่วนที่เท่ากัน รัฐบาลจะมีภาระงบประมาณสูงสุดไม่เกิน 494,906,221.50 บาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 สิงหาคม 2556--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ