ทำเนียบรัฐบาล--30 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2538 - 2542) ออกไปอีก 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2544) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้นภายในวงเงิน 1,960.3 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ธนาคารโลก 1,506.8 ล้านบาท เงินบาทสมทบ 400.6 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย 52.9 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ให้ดำเนินการได้ภายในวงเงินทั้งสิ้น 1,008.6 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ธนาคารโลก 767.4 ล้านบาท เงินบาทสมทบ210.8 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย 30.4 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะได้พิจารณาจัดสรรให้ในปีต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า
1. กรมที่ดินได้ดำเนินการตามโครงการพัฒนากรมที่ดินฯ ระยะที่ 3 ถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของระยะที่ 3 แล้ว จะมีเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายเหลืออยู่ประมาณ 39.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจำนวนทั้งสิ้น 118.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯเนื่องจากกรมที่ดินสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบินถ่ายภาพทางอากาศ การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและการเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นระบบลอยตัว ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่จากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติและธนาคารโลก (FAO/CP) ด้วยความร่วมมือกับธนาคารโลกได้พิจารณาให้กรมที่ดินขอขยายการดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 โดยใช้เงินกู้ที่เหลืออยู่ดังกล่าวได้
2. คณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาที่ดินและเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 เห็นชอบให้กรมที่ดินขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 ออกไปอีก 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2544) โดยใช้เงินกู้ที่เหลืออยู่จำนวน 39.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,506.8 ล้านบาท) และเงินบาทสมทบ 400.6 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือทางวิชาการ 52.9 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเช่นเดียวกับระยะที่ 3 คือ
1) การเร่งรัดการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งจะต้องดำเนินการสำรวจออกโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดไว้ว่าจะดำเนินการในโครงการฯ ระยะที่ 4 รวม 22 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี นครปฐมสิงห์บุรี นครนายก ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา และมุกดาหาร และภาคใต้11 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี พังงา พัทลุง นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง สตูล และจังหวัดภูเก็ต
2) ปรับปรุงการบริหารงานที่ดิน
3) พัฒนาการประเมินราคาทรัพย์สิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 มีนาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2538 - 2542) ออกไปอีก 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2544) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้นภายในวงเงิน 1,960.3 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ธนาคารโลก 1,506.8 ล้านบาท เงินบาทสมทบ 400.6 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย 52.9 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ให้ดำเนินการได้ภายในวงเงินทั้งสิ้น 1,008.6 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ธนาคารโลก 767.4 ล้านบาท เงินบาทสมทบ210.8 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย 30.4 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะได้พิจารณาจัดสรรให้ในปีต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า
1. กรมที่ดินได้ดำเนินการตามโครงการพัฒนากรมที่ดินฯ ระยะที่ 3 ถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของระยะที่ 3 แล้ว จะมีเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายเหลืออยู่ประมาณ 39.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจำนวนทั้งสิ้น 118.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯเนื่องจากกรมที่ดินสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบินถ่ายภาพทางอากาศ การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและการเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นระบบลอยตัว ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่จากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติและธนาคารโลก (FAO/CP) ด้วยความร่วมมือกับธนาคารโลกได้พิจารณาให้กรมที่ดินขอขยายการดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 โดยใช้เงินกู้ที่เหลืออยู่ดังกล่าวได้
2. คณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาที่ดินและเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 เห็นชอบให้กรมที่ดินขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ ระยะที่ 3 ออกไปอีก 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - 2544) โดยใช้เงินกู้ที่เหลืออยู่จำนวน 39.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,506.8 ล้านบาท) และเงินบาทสมทบ 400.6 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือทางวิชาการ 52.9 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเช่นเดียวกับระยะที่ 3 คือ
1) การเร่งรัดการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งจะต้องดำเนินการสำรวจออกโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดไว้ว่าจะดำเนินการในโครงการฯ ระยะที่ 4 รวม 22 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี นครปฐมสิงห์บุรี นครนายก ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา และมุกดาหาร และภาคใต้11 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี พังงา พัทลุง นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง สตูล และจังหวัดภูเก็ต
2) ปรับปรุงการบริหารงานที่ดิน
3) พัฒนาการประเมินราคาทรัพย์สิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 มีนาคม 2542--