ทำเนียบรัฐบาล--4 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ ในท้องที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2528 และยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ดังกล่าวฉบับใหม่ โดยปรับปรุงแนวเขตให้ถูกต้องและอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งนิคมสหกรณ์
เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2528 มีพื้นที่ประมาณ 110,300 ไร่ ต่อมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการสำรวจการถือครองตามมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2530 โดยพิจารณากันเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์เป็นย่านการค้า อุตสาหกรรม สถานที่ราชการหรือประโยชน์อื่นใดที่มิใช่เชิงเกษตรกรรมอันอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ออกจากเขตจัดนิคมสหกรณ์ จำนวน 4 จุด เนื้อที่ประมาณ 4,061 - 0 - 21 ไร่ ซึ่งได้รับการตรวจสอบรับรองแนวเขตจัดนิคมสหกรณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมป่าไม้และจังหวัดจันทบุรี แล้วว่าเป็นพื้นที่นอกเขตป่าที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และถูกต้องตามแนวเขตการปกครองท้องถิ่นในปัจจุบัน ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะนำไปจัดนิคมสหกรณ์ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 4 มีนาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ ในท้องที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2528 และยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ดังกล่าวฉบับใหม่ โดยปรับปรุงแนวเขตให้ถูกต้องและอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งนิคมสหกรณ์
เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2528 มีพื้นที่ประมาณ 110,300 ไร่ ต่อมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการสำรวจการถือครองตามมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2530 โดยพิจารณากันเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์เป็นย่านการค้า อุตสาหกรรม สถานที่ราชการหรือประโยชน์อื่นใดที่มิใช่เชิงเกษตรกรรมอันอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ออกจากเขตจัดนิคมสหกรณ์ จำนวน 4 จุด เนื้อที่ประมาณ 4,061 - 0 - 21 ไร่ ซึ่งได้รับการตรวจสอบรับรองแนวเขตจัดนิคมสหกรณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมป่าไม้และจังหวัดจันทบุรี แล้วว่าเป็นพื้นที่นอกเขตป่าที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และถูกต้องตามแนวเขตการปกครองท้องถิ่นในปัจจุบัน ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะนำไปจัดนิคมสหกรณ์ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 4 มีนาคม 2540--