ทำเนียบรัฐบาล--29 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. . ... เพื่อยกเลิกการผูกขาดกิจการโทรคมนาคมของรัฐ และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้อย่างเป็น ธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรม การการสื่อสารแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อให้มีองค์กรกลางในการกำกับควบคุมดูแล และส่งเสริมกิจ การโทรคมนาคมของประเทศ โดยกำหนดและแยกอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อ ให้สอดคล้องกับนโยบายการแยกบทบาทขององค์กรกำกับดูแล และองค์กรระดับบริหาร ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายโทรคมนาคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนากิจการ โทรคมนาคม โดยให้สอดคล้องกับนโยบายหลักที่สำคัญของแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม เกี่ยว กับการยกเลิกการผูกขาดกิจการโทรคมนาคมของรัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม และโปร่งใส ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ (กสช.) และสำนักงานคณะกรรมการ การสื่อสารแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายรองรับ โดยกำหนดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรโทรคมนาคมให้ชัดเจน เพื่อให้การบริหารกิจการ โทรคมนาคมของประเทศมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ร่างพระราชบัญญัติโทรเลขโทรศัพท์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มคำนิยาม โทรคมนาคม และ คณะกรรมการ เพื่อให้ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีที่ก้าว หน้า และกำหนดความหมายของคณะกรรมการ
2. เพิ่มความหมายคำว่า โทรเลข โทรศัพท์ ตามพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พุทธศักราช 2477 ให้มีความหมายรวมถึงโทรคมนาคมด้วย
3. ให้อำนาจในการอนุญาตให้บุคคล ตั้ง บำรุง หรือทำการโทรเลข โทรศัพท์ หรือ โทรคมนาคมอื่นใดได้ โดยมอบอำนาจให้คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคณะ กรรมการการสื่อสารแห่งชาติ
4. ให้อำนาจคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติกำหนดเงื่อนไขในการที่ผู้รับอนุญาตมีความจำ เป็นต้องเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อดำเนินกิจการที่ได้รับอนุญาต
5. กำหนดบทลงโทษผู้ตั้ง ทำ หรือบำรุงการโทรเลข โทรศัพท์ หรือโทรคมนาคมอื่นใดที่มิ ได้รับอนุญาต โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนการอนุญาตได้
6. แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พุทธศักราช 2477 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
7. กำหนดให้คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายสามารถร้องขอให้ฟ้องร้องผู้กระ ทำผิดตามกฎหมายนี้ได้ และให้คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบ เทียบปรับได้
8. ให้ยกเลิกอำนาจหน้าที่และสิทธิของกรมไปรษณีย์โทรเลข อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข พร้อมทั้งพนักงานโทรเลขและพนักงานโทรศัพท์ เมื่อได้ยกเลิกพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประ เทศไทย พ.ศ. 2497 และพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 แล้ว
ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดคำนิยาม โทรคมนาคม บริการโทรคมนาคม คณะกรรมการ สำนักงาน เลขาธิการ พนักงานเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรี
2. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ คุณสมบัติของคณะกรรมการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง องค์ประชุมของกรรมการ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
3. กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ในการอนุญาตให้บริการโทรคมนาคม และให้คณะกรรมการมีอำนาจอนุญาตให้บุคคลดำเนินการให้บริการโทรคมนาคมประเภทอื่นที่มิใช่อำ นาจอนุญาตของคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี
4. กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติขึ้น มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำ นาจหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระ ราชบัญญัตินี้ หรือที่คณะกรรมการมอบหมาย รวมทั้งจัดทำรายงานผลการดำเนินการประจำปีเสนอต่อคณะ รัฐมนตรีด้วย
5. กำหนดให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานฯ ซึ่งคณะรัฐ มนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ไม่สามารถจะอยู่ใน ตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระได้การกำหนดคุณสมบัติของเลขาธิการ และการพ้นจากตำแหน่งฯ
6. กำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมให้สำนักงานฯ รวมทั้งให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำ รองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
7. กำหนดให้ค่าธรรมเนียมในการอนุญาตให้บริการโทรคมนาคม และค่าธรรมเนียมอื่นที่สำ นักงานได้รับ รวมทั้งรายได้อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานของคณะกรรมการและสำนักงานให้ตกเป็น ของสำนักงาน และเมื่อได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรองแล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ ของรัฐ
8. มิให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชย และ การจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิ สาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับแก่เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบ การพิจารณาด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 27 สิงหาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. . ... เพื่อยกเลิกการผูกขาดกิจการโทรคมนาคมของรัฐ และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้อย่างเป็น ธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรม การการสื่อสารแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อให้มีองค์กรกลางในการกำกับควบคุมดูแล และส่งเสริมกิจ การโทรคมนาคมของประเทศ โดยกำหนดและแยกอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อ ให้สอดคล้องกับนโยบายการแยกบทบาทขององค์กรกำกับดูแล และองค์กรระดับบริหาร ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายโทรคมนาคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนากิจการ โทรคมนาคม โดยให้สอดคล้องกับนโยบายหลักที่สำคัญของแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม เกี่ยว กับการยกเลิกการผูกขาดกิจการโทรคมนาคมของรัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม และโปร่งใส ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ (กสช.) และสำนักงานคณะกรรมการ การสื่อสารแห่งชาติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายรองรับ โดยกำหนดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรโทรคมนาคมให้ชัดเจน เพื่อให้การบริหารกิจการ โทรคมนาคมของประเทศมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ร่างพระราชบัญญัติโทรเลขโทรศัพท์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มคำนิยาม โทรคมนาคม และ คณะกรรมการ เพื่อให้ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีที่ก้าว หน้า และกำหนดความหมายของคณะกรรมการ
2. เพิ่มความหมายคำว่า โทรเลข โทรศัพท์ ตามพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พุทธศักราช 2477 ให้มีความหมายรวมถึงโทรคมนาคมด้วย
3. ให้อำนาจในการอนุญาตให้บุคคล ตั้ง บำรุง หรือทำการโทรเลข โทรศัพท์ หรือ โทรคมนาคมอื่นใดได้ โดยมอบอำนาจให้คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคณะ กรรมการการสื่อสารแห่งชาติ
4. ให้อำนาจคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติกำหนดเงื่อนไขในการที่ผู้รับอนุญาตมีความจำ เป็นต้องเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อดำเนินกิจการที่ได้รับอนุญาต
5. กำหนดบทลงโทษผู้ตั้ง ทำ หรือบำรุงการโทรเลข โทรศัพท์ หรือโทรคมนาคมอื่นใดที่มิ ได้รับอนุญาต โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนการอนุญาตได้
6. แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติโทรเลขและโทรศัพท์ พุทธศักราช 2477 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
7. กำหนดให้คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายสามารถร้องขอให้ฟ้องร้องผู้กระ ทำผิดตามกฎหมายนี้ได้ และให้คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบ เทียบปรับได้
8. ให้ยกเลิกอำนาจหน้าที่และสิทธิของกรมไปรษณีย์โทรเลข อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข พร้อมทั้งพนักงานโทรเลขและพนักงานโทรศัพท์ เมื่อได้ยกเลิกพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประ เทศไทย พ.ศ. 2497 และพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 แล้ว
ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดคำนิยาม โทรคมนาคม บริการโทรคมนาคม คณะกรรมการ สำนักงาน เลขาธิการ พนักงานเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรี
2. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ คุณสมบัติของคณะกรรมการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง องค์ประชุมของกรรมการ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
3. กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ในการอนุญาตให้บริการโทรคมนาคม และให้คณะกรรมการมีอำนาจอนุญาตให้บุคคลดำเนินการให้บริการโทรคมนาคมประเภทอื่นที่มิใช่อำ นาจอนุญาตของคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี
4. กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติขึ้น มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำ นาจหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระ ราชบัญญัตินี้ หรือที่คณะกรรมการมอบหมาย รวมทั้งจัดทำรายงานผลการดำเนินการประจำปีเสนอต่อคณะ รัฐมนตรีด้วย
5. กำหนดให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานฯ ซึ่งคณะรัฐ มนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี โดยมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ไม่สามารถจะอยู่ใน ตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระได้การกำหนดคุณสมบัติของเลขาธิการ และการพ้นจากตำแหน่งฯ
6. กำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมให้สำนักงานฯ รวมทั้งให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำ รองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
7. กำหนดให้ค่าธรรมเนียมในการอนุญาตให้บริการโทรคมนาคม และค่าธรรมเนียมอื่นที่สำ นักงานได้รับ รวมทั้งรายได้อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานของคณะกรรมการและสำนักงานให้ตกเป็น ของสำนักงาน และเมื่อได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรองแล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ ของรัฐ
8. มิให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชย และ การจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิ สาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับแก่เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบ การพิจารณาด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 27 สิงหาคม 2539--