ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว รวม 3 ฉบับดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรุบปรุงหลักเกณฑ์ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินอยู่อาศัย)
2. ร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และอัตราส่วนการถือกรรมสิทธิ์ในอาคารชุด)
3. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขกำหนดระยะเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์)
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (14 มกราคม 2540) เห็นชอบหลักการมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนปรนเรื่องคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการขยายสิทธิในกรรมสิทธิอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าวไปเพื่อดำเนินการด้วยและต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (29 เมษายน 2540) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... นั้น ให้ปรับปรุงแก้ไขให้มีกรณีที่คนต่างด้าวและหรือนิติบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19 สามารถถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ในอัตราร้อยละร้อยของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้นภายใต้หลักเกณฑ์ที่เหมาะสม แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ในหลักการควรให้คนต่างด้าวหรือนิติบุคคลที่กฎหมายถือว่าเป็นคนต่างด้าวสามารถถือกรรมสิทธิ์ในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือในเชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนเหมือนส่งเสริมการตั้งโรงงานประกอบการ แต่มิใช่การซื้อที่ดินว่างเปล่ามาพัฒนา จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และยกร่างปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ตามหลักการดังกล่าวร่วมกับกระทรวงมหาดไทย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกำหนดเวลาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ยาวกว่า 30 ปี โดยให้พิจารณาด้วยว่าจะขยายเวลาเท่าใดจึงจะเหมาะสม นั้น
บัดนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีข้างต้นเสร็จแล้ว ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญคือ
1.1 แก้ไขวันใช้บังคับกฎหมายเป็นตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเห็นว่าอาจใช้บังคับกฎหมายไปก่อนได้ ส่วนการออกกฎกระทรวงอาจเร่งรัดให้ออกใช้บังคับโดยใช้เวลาดำเนินการไม่ถึง 60 วันก็ได้ 1.2 มาตรา 96 ทวิ (2) แก้ไขให้กำหนดจำนวนเงินที่จะนำมาลงทุนโดยกฎกระทรวง และคงอัตราขั้นต่ำ 25ล้านบาทไว้ตามเดิม เพื่อทำให้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มจำนวนเงินได้ตามความเหมาะสม
1.3 ได้เพิ่มเติมมาตรา 69 ตรี วรรคสี่ เรื่อง การจำหน่ายที่ดินที่ไม่ได้ใช้อยู่อาศัยภายในเวลาสองปี เพื่อป้องกันการซื้อที่ดินมาเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร
2. ร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้แก้ไขเพิ่มเติม รวม 2 ประการ ดังนี้คือ กำหนดเขตท้องที่ที่ตั้งอาคารชุดที่จะให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ได้เกินร้อยละ 49 จะต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเทศบาล หรือเขตราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้อาคารชุดประเภทนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเท่านั้น และกำหนดจำนวนเนื้อที่สูงสุดไม่เกิน 5 ไร่ เพื่อป้องกันการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินมากเกินจำเป็น เมื่อได้กำหนดเช่นนี้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องกำหนดสัดส่วนที่ดินที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ให้เกินที่ดินที่เป็นที่ตั้งอาคารชุดอีก
3. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้แก้ไขกำหนดเวลาการเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ยาวกว่า 30 ปี นั้น ที่ประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเห็นว่า โดยที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงสมควรขยายเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี และน่าจะเป็นระยะเวลาพอเพียงที่จะให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้
สำหรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่ให้กำหนดหลักเกณฑ์การถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าวในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจหรือในเชิงพาณิชย์ แต่ไม่ใช่เป็นการซื้อที่ดินว่างเปล่ามาพัฒนานั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าอาจไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายในขณะนี้ เพราะสามารถดำเนินการในทางบริหารได้ โดยให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดให้การประกอบการประเภทนี้สามารถรับการส่งเสริมการลงทุนได้แล้วให้คนต่างด้าวไปขอรับการส่งเสริมการลงทุน ก็จะได้รับการยกเว้นเรื่องการถือกรรมสิทธ์ที่ดินตามมาตรา 27 แห่งพระราช-บัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ และเรื่องการทำงานของคนต่างด้าวด้วย ซึ่งจะมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตรวจสอบคุณสมบัติอีกชั้นหนึ่ง และสามารถกำหนดเงื่อนไขในการประกอบการได้โดยละเอียดตามที่เหมาะสม โดยเห็นควรส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 กรกฎาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว รวม 3 ฉบับดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรุบปรุงหลักเกณฑ์ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินอยู่อาศัย)
2. ร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้คนต่างด้าวได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และอัตราส่วนการถือกรรมสิทธิ์ในอาคารชุด)
3. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขกำหนดระยะเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์)
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (14 มกราคม 2540) เห็นชอบหลักการมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผ่อนปรนเรื่องคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการขยายสิทธิในกรรมสิทธิอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าวไปเพื่อดำเนินการด้วยและต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (29 เมษายน 2540) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้ง 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... นั้น ให้ปรับปรุงแก้ไขให้มีกรณีที่คนต่างด้าวและหรือนิติบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 19 สามารถถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ในอัตราร้อยละร้อยของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้นภายใต้หลักเกณฑ์ที่เหมาะสม แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ในหลักการควรให้คนต่างด้าวหรือนิติบุคคลที่กฎหมายถือว่าเป็นคนต่างด้าวสามารถถือกรรมสิทธิ์ในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือในเชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนเหมือนส่งเสริมการตั้งโรงงานประกอบการ แต่มิใช่การซื้อที่ดินว่างเปล่ามาพัฒนา จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และยกร่างปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ตามหลักการดังกล่าวร่วมกับกระทรวงมหาดไทย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกำหนดเวลาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ยาวกว่า 30 ปี โดยให้พิจารณาด้วยว่าจะขยายเวลาเท่าใดจึงจะเหมาะสม นั้น
บัดนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีข้างต้นเสร็จแล้ว ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญคือ
1.1 แก้ไขวันใช้บังคับกฎหมายเป็นตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเห็นว่าอาจใช้บังคับกฎหมายไปก่อนได้ ส่วนการออกกฎกระทรวงอาจเร่งรัดให้ออกใช้บังคับโดยใช้เวลาดำเนินการไม่ถึง 60 วันก็ได้ 1.2 มาตรา 96 ทวิ (2) แก้ไขให้กำหนดจำนวนเงินที่จะนำมาลงทุนโดยกฎกระทรวง และคงอัตราขั้นต่ำ 25ล้านบาทไว้ตามเดิม เพื่อทำให้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มจำนวนเงินได้ตามความเหมาะสม
1.3 ได้เพิ่มเติมมาตรา 69 ตรี วรรคสี่ เรื่อง การจำหน่ายที่ดินที่ไม่ได้ใช้อยู่อาศัยภายในเวลาสองปี เพื่อป้องกันการซื้อที่ดินมาเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร
2. ร่างพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้แก้ไขเพิ่มเติม รวม 2 ประการ ดังนี้คือ กำหนดเขตท้องที่ที่ตั้งอาคารชุดที่จะให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ได้เกินร้อยละ 49 จะต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเทศบาล หรือเขตราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อให้อาคารชุดประเภทนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเท่านั้น และกำหนดจำนวนเนื้อที่สูงสุดไม่เกิน 5 ไร่ เพื่อป้องกันการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินมากเกินจำเป็น เมื่อได้กำหนดเช่นนี้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องกำหนดสัดส่วนที่ดินที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ให้เกินที่ดินที่เป็นที่ตั้งอาคารชุดอีก
3. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้แก้ไขกำหนดเวลาการเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ยาวกว่า 30 ปี นั้น ที่ประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเห็นว่า โดยที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงสมควรขยายเวลาการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี และน่าจะเป็นระยะเวลาพอเพียงที่จะให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้
สำหรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่ให้กำหนดหลักเกณฑ์การถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าวในโครงการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจหรือในเชิงพาณิชย์ แต่ไม่ใช่เป็นการซื้อที่ดินว่างเปล่ามาพัฒนานั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าอาจไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายในขณะนี้ เพราะสามารถดำเนินการในทางบริหารได้ โดยให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดให้การประกอบการประเภทนี้สามารถรับการส่งเสริมการลงทุนได้แล้วให้คนต่างด้าวไปขอรับการส่งเสริมการลงทุน ก็จะได้รับการยกเว้นเรื่องการถือกรรมสิทธ์ที่ดินตามมาตรา 27 แห่งพระราช-บัญญัติส่งเสริมการลงทุนฯ และเรื่องการทำงานของคนต่างด้าวด้วย ซึ่งจะมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตรวจสอบคุณสมบัติอีกชั้นหนึ่ง และสามารถกำหนดเงื่อนไขในการประกอบการได้โดยละเอียดตามที่เหมาะสม โดยเห็นควรส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 กรกฎาคม 2540--