ทำเนียบรัฐบาล--7 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระ ราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม-การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เพื่อใช้แทนกฎ ก.พ. เดิม โดยมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้ สอดคล้องกับหลักกระจายอำนาจและมอบอำนาจ และให้การดำเนินการทางวินัย รวมทั้งการให้ข้าราช การออกจากราชการเป็นไปโดยรวดเร็วขึ้น แต่ยังยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมอยู่ โดยมี สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. รวมหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนพิจารณา 2 มาตราในกฎฉบับเดียวกัน โดยได้ รวมหลักเกณฑ์และ วิธีการสอบสวนพิจารณาเรื่องกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 102 และ เรื่องหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติ หน้าที่ราชการหรือบกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 115 ไว้ในกฎเดียวกัน เนื่องจากพระราชบัญญัติระ เบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 บัญญัติเกี่ยวกับกรณีการสอบสวนตามมาตรา 102 และมาตรา 115 ให้ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่จะชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน และการพิจารณามาตรา 102 และมาตรา 115 ก็ให้ดำเนินการตามมาตรา 104 เช่นเดียวกันด้วย
2. คุณสมบัติและองค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวนได้เปลี่ยนหลักการจากเดิมที่ให้ แต่งตั้งกรรมการสอบสวนจากข้าราชการประจำ เป็นให้แต่งตั้งกรรมการสอบสวนจากข้าราชการฝ่ายพล เรือนเพื่อให้ข้าราชการฝ่ายพลเรือน สอบสวนข้าราชการฝ่ายพลเรือนด้วยกัน ส่วนจำนวนและคุณสมบัติ ของกรรมการสอบสวนยังคงเหมือนเดิม
3. มติของคณะกรรมการสอบสวน ได้ยกเลิกหลักการเรื่องมติพิเศษตามกฎ ก.พ. เดิม โดยกำหนดให้การลงมติตามร่างกฎ ก.พ. ในเรื่องนี้ให้ถือเสียงข้างมากทุกเรื่อง เพื่อให้การดำเนิน การของกรรมการสอบสวนดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น และสอดคล้องกับเรื่องมติของ ก.พ. ตามหลักการของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ในการพิจารณาเรื่อง วินัยและการออกราชการซึ่งใช้มติธรรมดา
4. เรื่องกำหนดเวลาสอบสวน กำหนดเวลาสอบสวนแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนเพื่อสะดวกแก่ การปฏิบัติรวมเวลาสอบสวนในกรณีปกติเป็นเวลา 180 วัน
5. การแจ้งข้อกล่าวหา ได้เปลี่ยนหลักการจากเดิมที่ให้ระบุฐานและมาตราความผิดในการ แจ้งข้อกล่าวหาเป็นให้ระบุเฉพาะพฤติการณ์ตามเรื่องที่กล่าวหาและตามพยานหลักฐาน โดยมิต้องแจ้งว่า ข้อกล่าวหานั้นเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตราใด
6. การสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้แจ้งพยานหลักฐานฝ่ายกล่าวหาเท่าที่มี ตามที่ปรากฏในสำนวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยมิได้จำกัดเฉพาะกรณีที่พยานหลักฐานมีน้ำหนักพอสนับ สนุนข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงเท่านั้น แม้พยานหลักฐานจะฟังได้เพียงว่าเป็นการกระทำ ผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงก็ให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้สอดคล้องกับมาตรา 102 ที่บัญญัติให้มีการสอบสวนในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงด้วย
7. การสอบสวน กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนจะยุติการสอบสวนกลางคันไม่ได้ และใน การแจ้งสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาจะต้องแจ้งด้วยว่า ข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามพยานหลัก ฐานเท่าที่มีในสำนวนเป็นความผิดวินัยกรณีใดตามมาตราใด หรือหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้า ที่ราชการหรือบกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม มาตรา 115 อย่างไร
8. เรื่องบทบาทของ ก.พ. ในการติดตามเร่งรัดการสอบสวนและการพิจารณา กำหนดให้ อ.ก.พ. กระทรวงเป็นผู้ติดตามเร่งรัดการสอบสวนแทน ก.พ. เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำ นาจและมอบอำนาจ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 6 สิงหาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระ ราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม-การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เพื่อใช้แทนกฎ ก.พ. เดิม โดยมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้ สอดคล้องกับหลักกระจายอำนาจและมอบอำนาจ และให้การดำเนินการทางวินัย รวมทั้งการให้ข้าราช การออกจากราชการเป็นไปโดยรวดเร็วขึ้น แต่ยังยึดหลักความยุติธรรมและความเป็นธรรมอยู่ โดยมี สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. รวมหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนพิจารณา 2 มาตราในกฎฉบับเดียวกัน โดยได้ รวมหลักเกณฑ์และ วิธีการสอบสวนพิจารณาเรื่องกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 102 และ เรื่องหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติ หน้าที่ราชการหรือบกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 115 ไว้ในกฎเดียวกัน เนื่องจากพระราชบัญญัติระ เบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 บัญญัติเกี่ยวกับกรณีการสอบสวนตามมาตรา 102 และมาตรา 115 ให้ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่จะชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน และการพิจารณามาตรา 102 และมาตรา 115 ก็ให้ดำเนินการตามมาตรา 104 เช่นเดียวกันด้วย
2. คุณสมบัติและองค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวนได้เปลี่ยนหลักการจากเดิมที่ให้ แต่งตั้งกรรมการสอบสวนจากข้าราชการประจำ เป็นให้แต่งตั้งกรรมการสอบสวนจากข้าราชการฝ่ายพล เรือนเพื่อให้ข้าราชการฝ่ายพลเรือน สอบสวนข้าราชการฝ่ายพลเรือนด้วยกัน ส่วนจำนวนและคุณสมบัติ ของกรรมการสอบสวนยังคงเหมือนเดิม
3. มติของคณะกรรมการสอบสวน ได้ยกเลิกหลักการเรื่องมติพิเศษตามกฎ ก.พ. เดิม โดยกำหนดให้การลงมติตามร่างกฎ ก.พ. ในเรื่องนี้ให้ถือเสียงข้างมากทุกเรื่อง เพื่อให้การดำเนิน การของกรรมการสอบสวนดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น และสอดคล้องกับเรื่องมติของ ก.พ. ตามหลักการของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ในการพิจารณาเรื่อง วินัยและการออกราชการซึ่งใช้มติธรรมดา
4. เรื่องกำหนดเวลาสอบสวน กำหนดเวลาสอบสวนแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนเพื่อสะดวกแก่ การปฏิบัติรวมเวลาสอบสวนในกรณีปกติเป็นเวลา 180 วัน
5. การแจ้งข้อกล่าวหา ได้เปลี่ยนหลักการจากเดิมที่ให้ระบุฐานและมาตราความผิดในการ แจ้งข้อกล่าวหาเป็นให้ระบุเฉพาะพฤติการณ์ตามเรื่องที่กล่าวหาและตามพยานหลักฐาน โดยมิต้องแจ้งว่า ข้อกล่าวหานั้นเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตราใด
6. การสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้แจ้งพยานหลักฐานฝ่ายกล่าวหาเท่าที่มี ตามที่ปรากฏในสำนวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยมิได้จำกัดเฉพาะกรณีที่พยานหลักฐานมีน้ำหนักพอสนับ สนุนข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงเท่านั้น แม้พยานหลักฐานจะฟังได้เพียงว่าเป็นการกระทำ ผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงก็ให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้สอดคล้องกับมาตรา 102 ที่บัญญัติให้มีการสอบสวนในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงด้วย
7. การสอบสวน กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนจะยุติการสอบสวนกลางคันไม่ได้ และใน การแจ้งสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาจะต้องแจ้งด้วยว่า ข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามพยานหลัก ฐานเท่าที่มีในสำนวนเป็นความผิดวินัยกรณีใดตามมาตราใด หรือหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้า ที่ราชการหรือบกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม มาตรา 115 อย่างไร
8. เรื่องบทบาทของ ก.พ. ในการติดตามเร่งรัดการสอบสวนและการพิจารณา กำหนดให้ อ.ก.พ. กระทรวงเป็นผู้ติดตามเร่งรัดการสอบสวนแทน ก.พ. เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำ นาจและมอบอำนาจ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 6 สิงหาคม 2539--