ร่างอนุสัญญามินามาตะฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสารปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์สู่อากาศ แหล่งน้ำ และดิน โดยมีสาระสำคัญมุ่งเน้นการควบคุม ลดและเลิก การผลิตการนำเข้าและส่งออก การใช้ การปลดปล่อย และการบำบัดหรือกำจัดสารปรอทในแหล่งกำเนิดที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญระดับโลก ซึ่งประกอบด้วย 36 ข้อบท และ 5 ภาคผนวก ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
1. ข้อบทที่ 1-16 เป็นมาตรการควบคุม ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ และเนื้อหาของพันธกรณีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแหล่งอุปทานสารปรอทและการค้า ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบ กระบวนการผลิตที่มีการใช้สารปรอท กิจการเหมืองทองคำขนาดเล็กที่มีการใช้สารปรอท การปลดปล่อยสารปรอทสู่อากาศแหล่งน้ำ และดิน การเก็บกักสารปรอท กากของเสียปรอท และพื้นที่ที่ปนเปื้อนสารปรอท แหล่งเงินทุนและกลไกต่าง ๆ และการเสริมสร้างศักยภาพ การให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
2. ข้อบทที่ 17-36 เป็นมาตรการสนับสนุน เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการในประเด็น ต่าง ๆ ของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาเพื่อรองรับการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ต่อไป อาทิ การเผยแพร่ข้อมูล ความตระหนัก และการศึกษา การวิจัยพัฒนาและการติดตามผล ประเด็นด้านสุขภาพ แผนการนำไปปฏิบัติ การจัดทำรายงาน การประเมินความมีประสิทธิผล การประชุมรัฐภาคี สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ การระงับข้อพิพาท การพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของอนุสัญญาฯ สิทธิ์ในการลงคะแนน เสียงการลงนาม การให้สัตยาบัน การรับรอง การให้ความเห็นชอบ หรือการภาคยานุวัติ การมีผลบังคับใช้การสงวนสิทธิ และการถอนตัว
3. ภาคผนวก (Annex) เป็นการแสดงรายการแหล่งที่มีการใช้หรือการปลดปล่อยสารปรอทที่จะมีผลบังคับใช้ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบ กระบวนการผลิตที่มีการใช้สารปรอท และแผนจัดการระดับชาติในกิจการเหมืองแร่ทองคำขนาดเล็กที่มีการใช้สารปรอท แหล่งที่มีการปลดปล่อยสารปรอทสู่อากาศและกระบวนการอนุญาโตตุลาการและกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
4. อนุสัญญาฯ จะมีผลบังคับใช้ใน 90 วัน หลังจากมีประเทศครบ 50 ประเทศ มอบสัตยาบันสาร (ratification) การยอมรับ (acceptance) หรือการให้ความเห็นชอบ (approval) หรือการภาคยานุวัติ (accession)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 ตุลาคม 2556--จบ--