ทำเนียบรัฐบาล--1 เม.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ร่างประกาศกระทรวง และร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวม 5 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
2. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ให้เป็นธุรกิจหลักทรัพย์
3. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง การขายหลักทรัพย์โดยที่บริษัทหลักทรัพย์ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครอง
4. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง การยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
5. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เนื่องจาก
1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีนโยบายที่จะอนุญาตให้มีการทำธุรกรรมกาารขายชอร์ต (การขายหลักทรัพย์ในขณะที่ผู้ขายไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครอง และต้องยืมหลักทรัพย์มาเพื่อการส่งมอบ) และการให้ยืมหลักทรัพย์ ตามนัยมาตรา 98 (5) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อ
1.1 ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดหลักทรัพย์ และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์
1.2 เพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในสภาวะที่ตลาดกำลังอยู่ในทิศทางขึ้นและทิศทางลง
1.3 ในกรณีที่มีการจัดตั้งตลาดอนุพันธ์ขึ้นในอนาคตจะช่วยให้ระดับราคาในตลาดหลักทรัพย์สัมพันธ์กับตลาดอนุพันธ์
1.4 เป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของตลาดทุนของประเทศ
2. โดยที่การขายชอร์ตจะก่อให้เกิดธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการให้บริการในการจัดให้เกิดการยืมหรือการให้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลการให้บริกาารดังกล่าวให้อยู่ในระบบ และมีการดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์และป้องกันความเสี่ยงของเจ้าของหลักทรัพย์ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง กำหนดให้กาารประกอบกิจการการจัดให้เกิดการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตาม (7) ของนิยามคำว่า "ธุรกิจหลักทรัพย์" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นการกำหนดให้ผู้ที่จะประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต.
3. เพื่อป้องกันมิให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการซ้ำเติมตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสภาวะที่ระดับราคาหลักทรัพย์กำลังอยู่ในทิศทางลง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมมาตรการกำกับดูแลไว้ ดังนี้
3.1 หลักทรัพย์ที่จะประกาศกำหนดให้ขายชอร์ตได้จะเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 50 index ซึ่งคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาด (market capitalization) สูง และมีสภาพคล่องสูงพอที่จะไม่ถูกทำราคาได้ง่าย และตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถถอนหลักทรัพย์ใด ๆ ออกจากรายชื่อดังกล่าวได้หากมีเหตุอันสมควร
3.2 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดปริมาณสูงสุดไว้ล่วงหน้าสำหรับการขายชอร์ตในแต่ละหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้มีการซื้อกลับ เพื่อไม่ให้มีการขายชอร์ตในหลักทรัพย์ใดเป็นปริมาณมากกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
3.3 ระดับราคาที่ขายชอร์ตจะต้องสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้า (up - tick rule) เพื่อไม่ให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการกดระดับราคาหลักทรัพย์ให้ลดต่ำลง
3.4 คำสั่งขายชอร์ตต้องระบุชัดเจนว่าเป็นการขายชอร์ต และตลาดหลักทรัพย์ จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับปริมาณการขายชอร์ตของแต่ละหลักทรัพย์เป็นระยะ
ร่างกฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง และร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวม 5 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ผู้มีสิทธิยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์จะต้องเป็นสถาบันการเงินประเภท ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ (ยกเว้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม) และสถาบันการเงินที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะประกาศกำหนด
2. ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ต้องมีความสามารถในการประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยพิจารณาจากความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจนั้น ระบบการบริหารงานและความพร้อมในการให้บริการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
3. กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ปีละ 100,000 บาท
การอนุญาตให้มีการขายชอร์ตและการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นมาตรการสำคัญเร่งด่วนประการหนึ่งของแผนปฏิบัติการเงินการคลังและมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจบางด้านตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ในส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนที่กำหนดโดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ คณะกรรมการ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการซ้ำเติมตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้สภาวะที่ระดับราคาหลักทรัพย์กำลังอยู่ในทิศทางลง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมมาตรการกำกับดูแลไว้ ดังนี้
1. หลักทรัพย์ที่จะประกาศกำหนดให้ขายชอร์ตได้จะเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 50 index ซึ่งคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาด (market capitalization) สูง และมีสภาพคล่องสูง และตลาดหลักทรัพย์ สามารถถอนหลักทรัพย์ใด ๆ ออกจากรายชื่อดังกล่าวได้หากมีเหตุอันสมควร
2. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดปริมาณสูงสุดไว้ล่วงหน้าสำหรับการขายชอร์ตในแต่ละหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้มีการซื้อกลับ เพื่อไม่ให้มีการขายชอร์ตในหลักทรัพย์ใดเป็นปริมาณมากกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
3. ระดับราคาที่ขายชอร์ตจะต้องสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้า (up - tick rule) เพื่อไม่ให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการกดระดับราคาหลักทรัพย์ให้ลดต่ำลง
4. คำสั่งขายชอร์ตต้องระบุชัดเจนว่าเป็นการขายชอร์ต และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับปริมาณการขายชอร์ตของแต่ละหลักทรัพย์เป็นระยะ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 เมษายน 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ร่างประกาศกระทรวง และร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวม 5 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
2. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ให้เป็นธุรกิจหลักทรัพย์
3. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง การขายหลักทรัพย์โดยที่บริษัทหลักทรัพย์ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครอง
4. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง การยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
5. ร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เนื่องจาก
1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีนโยบายที่จะอนุญาตให้มีการทำธุรกรรมกาารขายชอร์ต (การขายหลักทรัพย์ในขณะที่ผู้ขายไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครอง และต้องยืมหลักทรัพย์มาเพื่อการส่งมอบ) และการให้ยืมหลักทรัพย์ ตามนัยมาตรา 98 (5) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อ
1.1 ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดหลักทรัพย์ และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์
1.2 เพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในสภาวะที่ตลาดกำลังอยู่ในทิศทางขึ้นและทิศทางลง
1.3 ในกรณีที่มีการจัดตั้งตลาดอนุพันธ์ขึ้นในอนาคตจะช่วยให้ระดับราคาในตลาดหลักทรัพย์สัมพันธ์กับตลาดอนุพันธ์
1.4 เป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของตลาดทุนของประเทศ
2. โดยที่การขายชอร์ตจะก่อให้เกิดธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการให้บริการในการจัดให้เกิดการยืมหรือการให้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลการให้บริกาารดังกล่าวให้อยู่ในระบบ และมีการดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์และป้องกันความเสี่ยงของเจ้าของหลักทรัพย์ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง กำหนดให้กาารประกอบกิจการการจัดให้เกิดการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตาม (7) ของนิยามคำว่า "ธุรกิจหลักทรัพย์" ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นการกำหนดให้ผู้ที่จะประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต.
3. เพื่อป้องกันมิให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการซ้ำเติมตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสภาวะที่ระดับราคาหลักทรัพย์กำลังอยู่ในทิศทางลง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมมาตรการกำกับดูแลไว้ ดังนี้
3.1 หลักทรัพย์ที่จะประกาศกำหนดให้ขายชอร์ตได้จะเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 50 index ซึ่งคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาด (market capitalization) สูง และมีสภาพคล่องสูงพอที่จะไม่ถูกทำราคาได้ง่าย และตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถถอนหลักทรัพย์ใด ๆ ออกจากรายชื่อดังกล่าวได้หากมีเหตุอันสมควร
3.2 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดปริมาณสูงสุดไว้ล่วงหน้าสำหรับการขายชอร์ตในแต่ละหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้มีการซื้อกลับ เพื่อไม่ให้มีการขายชอร์ตในหลักทรัพย์ใดเป็นปริมาณมากกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
3.3 ระดับราคาที่ขายชอร์ตจะต้องสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้า (up - tick rule) เพื่อไม่ให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการกดระดับราคาหลักทรัพย์ให้ลดต่ำลง
3.4 คำสั่งขายชอร์ตต้องระบุชัดเจนว่าเป็นการขายชอร์ต และตลาดหลักทรัพย์ จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับปริมาณการขายชอร์ตของแต่ละหลักทรัพย์เป็นระยะ
ร่างกฎกระทรวง ประกาศกระทรวงการคลัง และร่างประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวม 5 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ผู้มีสิทธิยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์จะต้องเป็นสถาบันการเงินประเภท ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ (ยกเว้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม) และสถาบันการเงินที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะประกาศกำหนด
2. ผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ต้องมีความสามารถในการประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยพิจารณาจากความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจนั้น ระบบการบริหารงานและความพร้อมในการให้บริการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
3. กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ปีละ 100,000 บาท
การอนุญาตให้มีการขายชอร์ตและการประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นมาตรการสำคัญเร่งด่วนประการหนึ่งของแผนปฏิบัติการเงินการคลังและมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจบางด้านตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ในส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนที่กำหนดโดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ คณะกรรมการ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการซ้ำเติมตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้สภาวะที่ระดับราคาหลักทรัพย์กำลังอยู่ในทิศทางลง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมมาตรการกำกับดูแลไว้ ดังนี้
1. หลักทรัพย์ที่จะประกาศกำหนดให้ขายชอร์ตได้จะเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET 50 index ซึ่งคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาด (market capitalization) สูง และมีสภาพคล่องสูง และตลาดหลักทรัพย์ สามารถถอนหลักทรัพย์ใด ๆ ออกจากรายชื่อดังกล่าวได้หากมีเหตุอันสมควร
2. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดปริมาณสูงสุดไว้ล่วงหน้าสำหรับการขายชอร์ตในแต่ละหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้มีการซื้อกลับ เพื่อไม่ให้มีการขายชอร์ตในหลักทรัพย์ใดเป็นปริมาณมากกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
3. ระดับราคาที่ขายชอร์ตจะต้องสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้า (up - tick rule) เพื่อไม่ให้การขายชอร์ตมีผลเป็นการกดระดับราคาหลักทรัพย์ให้ลดต่ำลง
4. คำสั่งขายชอร์ตต้องระบุชัดเจนว่าเป็นการขายชอร์ต และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเกี่ยวกับปริมาณการขายชอร์ตของแต่ละหลักทรัพย์เป็นระยะ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 1 เมษายน 2540--