ทำเนียบรัฐบาล--9 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่..) พ.ศ. ....ตามที่กระ ทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ซึ่ง ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เปลี่ยนชื่อกระทรวงเศรษฐการ เป็นกระทรวงพาณิชย์ และชื่อจังหวัดพระนครและ จังหวัดธนบุรีเป็นกรุงเทพมหานคร
2. ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมแนบท้ายพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 เพื่อให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สามารถกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
3. กำหนดให้หอการค้าจังหวัดสามารถจัดตั้งสาขาตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อดูแลและให้ บริการแก่สมาชิกได้อย่างทั่วถึง
4. กำหนดให้การเปลี่ยนชื่อหอการค้าต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อประโยชน์ใน การกำกับดูแลและป้องกันการหลีกเลี่ยงการขออนุญาตตามกฎหมาย
5. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการในการเปลี่ยนชื่อหอการค้า
6.พัฒนาการจัดตั้งหอการค้าต่างประเทศให้กระจายไปสู่ภูมิภาค โดยต้องได้รับอนุญาต จากนายทะเบียนกลางหอการค้าด้วย
7.กำหนดให้มีการจัดตั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยขึ้น รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ วัตถุประสงค์ และรายได้ของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
8. ปรับปรุงประเภทองค์ประกอบของสมาชิก และเงื่อนไขในการเป็นสมาชิกสภาหอการค้า แห่งประเทศไทยให้เหมาะสมขึ้น
9. ปรับปรุงคณะกรรมการของหอการค้าต่าง ๆ และกำหนดวาระของกรรมการวิธีการ ดำรงตำแหน่งและการประชุม
10. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับหอการค้า
11. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตั้งกรรมการหรือเปลี่ยนตัวกรรมการหอการค้า
12.เพิ่มอำนาจนายทะเบียนในการสั่งเพิกถอนการเรียกประชุมที่ไม่ชอบ และกำหนดวิธี การเรียกประชุมและองค์ประชุมหอการค้า
13. กำหนดให้นายทะเบียนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับสำหรับความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว
เนื่องจากพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมต่อการ เปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสาระสำคัญบางส่วนมี ขั้นตอนที่ซับซ้อนทำให้เกิดความไม่สะดวกและเข้าใจยาก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 พฤศจิกายน 2537--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่..) พ.ศ. ....ตามที่กระ ทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ซึ่ง ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เปลี่ยนชื่อกระทรวงเศรษฐการ เป็นกระทรวงพาณิชย์ และชื่อจังหวัดพระนครและ จังหวัดธนบุรีเป็นกรุงเทพมหานคร
2. ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมแนบท้ายพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 เพื่อให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สามารถกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
3. กำหนดให้หอการค้าจังหวัดสามารถจัดตั้งสาขาตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อดูแลและให้ บริการแก่สมาชิกได้อย่างทั่วถึง
4. กำหนดให้การเปลี่ยนชื่อหอการค้าต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อประโยชน์ใน การกำกับดูแลและป้องกันการหลีกเลี่ยงการขออนุญาตตามกฎหมาย
5. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการในการเปลี่ยนชื่อหอการค้า
6.พัฒนาการจัดตั้งหอการค้าต่างประเทศให้กระจายไปสู่ภูมิภาค โดยต้องได้รับอนุญาต จากนายทะเบียนกลางหอการค้าด้วย
7.กำหนดให้มีการจัดตั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยขึ้น รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ วัตถุประสงค์ และรายได้ของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
8. ปรับปรุงประเภทองค์ประกอบของสมาชิก และเงื่อนไขในการเป็นสมาชิกสภาหอการค้า แห่งประเทศไทยให้เหมาะสมขึ้น
9. ปรับปรุงคณะกรรมการของหอการค้าต่าง ๆ และกำหนดวาระของกรรมการวิธีการ ดำรงตำแหน่งและการประชุม
10. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับหอการค้า
11. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตั้งกรรมการหรือเปลี่ยนตัวกรรมการหอการค้า
12.เพิ่มอำนาจนายทะเบียนในการสั่งเพิกถอนการเรียกประชุมที่ไม่ชอบ และกำหนดวิธี การเรียกประชุมและองค์ประชุมหอการค้า
13. กำหนดให้นายทะเบียนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับสำหรับความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว
เนื่องจากพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. 2509 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมต่อการ เปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสาระสำคัญบางส่วนมี ขั้นตอนที่ซับซ้อนทำให้เกิดความไม่สะดวกและเข้าใจยาก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 พฤศจิกายน 2537--