ทำเนียบรัฐบาล--23 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจมีภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงค่าเงินกีบตกต่ำมาก เจ้าผู้ครองกำแพงนครเวียงจันทน์จึงกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อกีดกันการนำเข้าสินค้าไทย หรือลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากไทย และหันไปซื้อสินค้าจากจีนและเวียดนามทดแทน ซึ่งจะมีผลกระทบเสียหายต่อการค้าชายแดนของไทยในระยะสั้นและระยะยาวอย่างยิ่ง
2. กระทรวงการคลังจึงได้จัดประชุมหารือแนวทางแก้ไขผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจของ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 20กันยายน 2542 โดยมีผู้แทนกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล) เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า นโยบายและมาตรการควบคุมการค้า การเงิน และการบริหารของ สปป.ลาว สรุปได้ 11 ประการ เช่น ธุรกิจ 15 ประเภทที่เป็นการลงทุนของต่างชาติ หากได้มาตรฐานของกระทรวงการค้าก็ให้ประกอบกิจการต่อ หากไม่ได้มาตรฐานแม้ว่าจะเป็นการลงทุนจากต่างชาติหรือในประเทศ ให้ยุติการประกอบกิจการหรือเสนอให้ประกอบกิจการอื่นแทน ให้หน่วยงานป้องกันความสงบ (ปกส.) กำแพงนครเวียงจันทน์และเมือง ตรวจสอบสินค้าทุกชนิดในเขตกำแพงนครเวียงจันทน์ขึ้นบัญชีสินค้าทุกชนิด กำหนดราคาสินค้า โดยใช้ราคาต้นทุนซื้อบวกกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 10% โดยให้เร่งปฏิบัติต่อสินค้านำเข้าเป็นอันดับแรกและดำเนินคดีต่อผู้ฝ่าฝืน เป็นต้น
2.2 ส่วนปัญหาและอุปสรรคทางการค้าระหว่าง สปป.ลาว กับไทย ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 แจ้งให้ทราบว่า ปัจจุบัน สปป.ลาว กำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ทำให้เป็นอุปสรรคในการค้ากับ สปป.ลาว หลายประการ คือ
1) ระบบการค้าระหว่างประเทศของ สปป.ลาว ยังไม่เปิดเสรีโดยสมบูรณ์
2) การเข้า - ออก ประเทศ สปป.ลาว ยังไม่สะดวกและคล่องตัวเท่าที่ควร
3) การเข้มงวดในการนำเข้า - ส่งออก สินค้าของ สปป.ลาว
กฎระเบียบข้อบังคับของ สปป.ลาว มีความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งไม่มีการเผยแพร่ให้ทราบโดยครบถ้วนและทั่วถึง
4) การขนส่งสินค้ายังไม่สะดวก
5) สปป.ลาว ประสบปัญหาค่าเงินกีบตกต่ำอย่างมาก ทำให้สินค้านำเข้า สปป.ลาว มีราคาสูงขึ้นมาก ทาง สปป.ลาว จึงสั่งสินค้านำเข้าลดลงและไม่มีการสต๊อคสินค้า
6) อัตราภาษีนำเข้าของ สปป.ลาว และของไทยเองบางชนิดมีอัตราสูงเกินไป
7) ระบบการชำระเงินผ่านธนาคารใน สปป.ลาว ยังไม่มีความสะดวก
8) ปัญหาการลักลอบหนีศุลกากรตามแนวชายแดน มีพื้นที่เป็นบริเวณกว้างขวาง และยาวไกลมาก
9) บางพื้นที่ภาคเอกชนไม่ได้รับความสะดวก และเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่
10) การขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปยังเวียดนาม ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 5% และตัวแทนนำเข้า - ส่งออก ของ สปป.ลาว เรียกเก็บค่าบริการอีกประมาณ 2%
11) การขาดแคลนเสถียรภาพของค่าเงินกีบ
12) การขาดแคลนแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
13) การขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่าง ๆ ใน สปป.ลาว และการขนส่งสินค้าผ่านแดนส่วนใหญ่มีลักษณะการผูกขาดของ 5 บริษัท
14) การกีดกันทางการค้าของ สปป.ลาว
15) สินค้าส่งออกจากไทยเข้าไปใน สปป.ลาว มีปริมาณมากแต่ไทยซื้อสินค้าจาก สปป.ลาว เข้ามาน้อย สปป.ลาว จึงมุ่งไปทำการค้ากับเวียดนาม
16) รถบรรทุกสินค้าส่งออกน้ำหนักเกินจากที่ สปป.ลาว กำหนด
17) ปัญหาเรื่องการผ่านแดน เนื่องจากพ่อค้าลาวจะทำการกีดกันการค้าโดยไม่ให้ผู้ส่งออกไทยเข้าไปติดต่อกับพ่อค้าในประเทศที่สามได้โดยตรง
2.3 มาตรการสนับสนุนการค้าไทย - ลาว รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศรายงานที่ประชุมว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของ สปป.ลาว พบว่า สปป.ลาว ขาดดุลการค้ากับไทยสูงมาก ประมาณร้อยละ 95 ทำให้ค่าเงินกีบอ่อนตัวมาก สปป.ลาว ต้องพึ่งสินค้าไทยมากเพราะมีสินค้าส่งออกที่ไม่ผ่านพิธีการศุลการกรอีก 2 เท่าของตัวเลขที่ปรากฏ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอ 4 มาตรการ ช่วยเหลือสนับสนุนการค้าชายแดน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของลาวให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมีมติอนุมัตินโยบายการค้ากับ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 แล้ว คือ
1) มาตรการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากลาว โดยเร่งรัดให้กระทรวงการคลังลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร จำนวน23 รายการ และลดภาษีสินค้านำเข้าสำคัญของลาว จำนวน 39 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งไทยจะต้องขอผ่อนผันต่อองค์การการค้าโลกเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากลาวไม่ได้เป็นสมาชิก WTO และเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
2) มาตรการส่งเสริมการลงทุนโดยให้กระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการส่งเสริมตลาดการค้า และการลงทุนสินค้าอุตสาหกรรมอาเซียนภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งขอความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าให้สนับสนุนสมาชิกที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้า จัดตั้งโรงงานแปรรูปวัตถุดิบ หรือลงทุนผลิตสินค้าสำเร็จรูปในลาว
3) เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนนไทย - ลาว เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
4) ส่งเสริมการค้าด้วยเเงินบาท และเงินกีบ ซึ่งรัฐบาลลาวเชื่อว่าจะทำให้เงินกีบมีเสถียรภาพมากขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤศจิกายน 2542--
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจมีภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงค่าเงินกีบตกต่ำมาก เจ้าผู้ครองกำแพงนครเวียงจันทน์จึงกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อกีดกันการนำเข้าสินค้าไทย หรือลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากไทย และหันไปซื้อสินค้าจากจีนและเวียดนามทดแทน ซึ่งจะมีผลกระทบเสียหายต่อการค้าชายแดนของไทยในระยะสั้นและระยะยาวอย่างยิ่ง
2. กระทรวงการคลังจึงได้จัดประชุมหารือแนวทางแก้ไขผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจของ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 20กันยายน 2542 โดยมีผู้แทนกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล) เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า นโยบายและมาตรการควบคุมการค้า การเงิน และการบริหารของ สปป.ลาว สรุปได้ 11 ประการ เช่น ธุรกิจ 15 ประเภทที่เป็นการลงทุนของต่างชาติ หากได้มาตรฐานของกระทรวงการค้าก็ให้ประกอบกิจการต่อ หากไม่ได้มาตรฐานแม้ว่าจะเป็นการลงทุนจากต่างชาติหรือในประเทศ ให้ยุติการประกอบกิจการหรือเสนอให้ประกอบกิจการอื่นแทน ให้หน่วยงานป้องกันความสงบ (ปกส.) กำแพงนครเวียงจันทน์และเมือง ตรวจสอบสินค้าทุกชนิดในเขตกำแพงนครเวียงจันทน์ขึ้นบัญชีสินค้าทุกชนิด กำหนดราคาสินค้า โดยใช้ราคาต้นทุนซื้อบวกกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 10% โดยให้เร่งปฏิบัติต่อสินค้านำเข้าเป็นอันดับแรกและดำเนินคดีต่อผู้ฝ่าฝืน เป็นต้น
2.2 ส่วนปัญหาและอุปสรรคทางการค้าระหว่าง สปป.ลาว กับไทย ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 แจ้งให้ทราบว่า ปัจจุบัน สปป.ลาว กำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ทำให้เป็นอุปสรรคในการค้ากับ สปป.ลาว หลายประการ คือ
1) ระบบการค้าระหว่างประเทศของ สปป.ลาว ยังไม่เปิดเสรีโดยสมบูรณ์
2) การเข้า - ออก ประเทศ สปป.ลาว ยังไม่สะดวกและคล่องตัวเท่าที่ควร
3) การเข้มงวดในการนำเข้า - ส่งออก สินค้าของ สปป.ลาว
กฎระเบียบข้อบังคับของ สปป.ลาว มีความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งไม่มีการเผยแพร่ให้ทราบโดยครบถ้วนและทั่วถึง
4) การขนส่งสินค้ายังไม่สะดวก
5) สปป.ลาว ประสบปัญหาค่าเงินกีบตกต่ำอย่างมาก ทำให้สินค้านำเข้า สปป.ลาว มีราคาสูงขึ้นมาก ทาง สปป.ลาว จึงสั่งสินค้านำเข้าลดลงและไม่มีการสต๊อคสินค้า
6) อัตราภาษีนำเข้าของ สปป.ลาว และของไทยเองบางชนิดมีอัตราสูงเกินไป
7) ระบบการชำระเงินผ่านธนาคารใน สปป.ลาว ยังไม่มีความสะดวก
8) ปัญหาการลักลอบหนีศุลกากรตามแนวชายแดน มีพื้นที่เป็นบริเวณกว้างขวาง และยาวไกลมาก
9) บางพื้นที่ภาคเอกชนไม่ได้รับความสะดวก และเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่
10) การขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปยังเวียดนาม ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 5% และตัวแทนนำเข้า - ส่งออก ของ สปป.ลาว เรียกเก็บค่าบริการอีกประมาณ 2%
11) การขาดแคลนเสถียรภาพของค่าเงินกีบ
12) การขาดแคลนแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
13) การขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่าง ๆ ใน สปป.ลาว และการขนส่งสินค้าผ่านแดนส่วนใหญ่มีลักษณะการผูกขาดของ 5 บริษัท
14) การกีดกันทางการค้าของ สปป.ลาว
15) สินค้าส่งออกจากไทยเข้าไปใน สปป.ลาว มีปริมาณมากแต่ไทยซื้อสินค้าจาก สปป.ลาว เข้ามาน้อย สปป.ลาว จึงมุ่งไปทำการค้ากับเวียดนาม
16) รถบรรทุกสินค้าส่งออกน้ำหนักเกินจากที่ สปป.ลาว กำหนด
17) ปัญหาเรื่องการผ่านแดน เนื่องจากพ่อค้าลาวจะทำการกีดกันการค้าโดยไม่ให้ผู้ส่งออกไทยเข้าไปติดต่อกับพ่อค้าในประเทศที่สามได้โดยตรง
2.3 มาตรการสนับสนุนการค้าไทย - ลาว รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศรายงานที่ประชุมว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของ สปป.ลาว พบว่า สปป.ลาว ขาดดุลการค้ากับไทยสูงมาก ประมาณร้อยละ 95 ทำให้ค่าเงินกีบอ่อนตัวมาก สปป.ลาว ต้องพึ่งสินค้าไทยมากเพราะมีสินค้าส่งออกที่ไม่ผ่านพิธีการศุลการกรอีก 2 เท่าของตัวเลขที่ปรากฏ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอ 4 มาตรการ ช่วยเหลือสนับสนุนการค้าชายแดน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของลาวให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมีมติอนุมัตินโยบายการค้ากับ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 แล้ว คือ
1) มาตรการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากลาว โดยเร่งรัดให้กระทรวงการคลังลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร จำนวน23 รายการ และลดภาษีสินค้านำเข้าสำคัญของลาว จำนวน 39 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งไทยจะต้องขอผ่อนผันต่อองค์การการค้าโลกเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากลาวไม่ได้เป็นสมาชิก WTO และเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
2) มาตรการส่งเสริมการลงทุนโดยให้กระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการส่งเสริมตลาดการค้า และการลงทุนสินค้าอุตสาหกรรมอาเซียนภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งขอความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าให้สนับสนุนสมาชิกที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้า จัดตั้งโรงงานแปรรูปวัตถุดิบ หรือลงทุนผลิตสินค้าสำเร็จรูปในลาว
3) เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมบังคับใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนนไทย - ลาว เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
4) ส่งเสริมการค้าด้วยเเงินบาท และเงินกีบ ซึ่งรัฐบาลลาวเชื่อว่าจะทำให้เงินกีบมีเสถียรภาพมากขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤศจิกายน 2542--