ทำเนียบรัฐบาล--8 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังพ.ศ. ... ที่สำนักงาน ก.พ.พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณากำหนดชื่อหน่วยงานราชการบริการส่วนภูมิภาคให้สอดคล้องกันด้วย ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ขอปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานเลขานุการกรมใหม่ โดยแยกงานด้านการเจ้าหน้าที่ งานด้านฝึกอบรม งานด้านวินัยและสวัสดิการออกไป และจัดตั้งเป็นกองการเจ้าหน้าที่
2. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองคลังใหม่ โดยแยกงานด้านพัสดุออกไป และจัดตั้งเป็นกองพัสดุ
3. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองแผนงานใหม่ โดยแยกงานด้านคอมพิวเตอร์ออกไป และจัดตั้งเป็นศูนย์สารสนเทศ
4. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองกษาปณ์ใหม่ โดยยกฐานะขึ้นเป็นสำนักกษาปณ์
5. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองคลังกลางและกองเครื่องราชอิสริยยศและเหรียญกษาปณ์ใหม่ โดยนำงานมารวมกันแล้วยกฐานะขึ้นเป็นสำนักบริหารเงินตรา
6. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองที่ราชพัสดุ กองจัดประโยชน์ และกองสำรวจใหม่ โดยนำงานมารวมกัน แล้วยกฐานะขึ้นเป็นสำนักบริหารที่ราชพัสดุ 1-3
ทั้งนี้ เนื่องจากภาระหนี้าที่ บทบาท คุณภาพ และปริมาณงานของกรมธนารักษ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นในด้านการบริหารการผลิตเหรียญกษาปณ์ การบริหารที่ราชพัสดุและการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎฺบัติงาน ดังนั้น เพื่อให้โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมธนารักษ์เหมาะสมสอดคล้องกับภาระหน้าที่และบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมีความสมบูรณ์ ทันสมัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงาน จึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมธนารักษ์ใหม่ จากเดิมที่แบ่งเป็นราชการบริหารส่วนกลาง จำนวน 11 กอง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานราชพัสดุจังหวัด เป็นราชการบริหารส่วนกลางจำนวน 8 กอง และหน่วยงานระดับสูงกว่ากอง จำนวน 5 สำนัก ราชการบริหารส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานราชพัสดุจังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังพ.ศ. ... ที่สำนักงาน ก.พ.พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณากำหนดชื่อหน่วยงานราชการบริการส่วนภูมิภาคให้สอดคล้องกันด้วย ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ขอปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานเลขานุการกรมใหม่ โดยแยกงานด้านการเจ้าหน้าที่ งานด้านฝึกอบรม งานด้านวินัยและสวัสดิการออกไป และจัดตั้งเป็นกองการเจ้าหน้าที่
2. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองคลังใหม่ โดยแยกงานด้านพัสดุออกไป และจัดตั้งเป็นกองพัสดุ
3. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองแผนงานใหม่ โดยแยกงานด้านคอมพิวเตอร์ออกไป และจัดตั้งเป็นศูนย์สารสนเทศ
4. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองกษาปณ์ใหม่ โดยยกฐานะขึ้นเป็นสำนักกษาปณ์
5. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองคลังกลางและกองเครื่องราชอิสริยยศและเหรียญกษาปณ์ใหม่ โดยนำงานมารวมกันแล้วยกฐานะขึ้นเป็นสำนักบริหารเงินตรา
6. ขอปรับปรุงโครงสร้างของกองที่ราชพัสดุ กองจัดประโยชน์ และกองสำรวจใหม่ โดยนำงานมารวมกัน แล้วยกฐานะขึ้นเป็นสำนักบริหารที่ราชพัสดุ 1-3
ทั้งนี้ เนื่องจากภาระหนี้าที่ บทบาท คุณภาพ และปริมาณงานของกรมธนารักษ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นในด้านการบริหารการผลิตเหรียญกษาปณ์ การบริหารที่ราชพัสดุและการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎฺบัติงาน ดังนั้น เพื่อให้โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมธนารักษ์เหมาะสมสอดคล้องกับภาระหน้าที่และบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมีความสมบูรณ์ ทันสมัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงาน จึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมธนารักษ์ใหม่ จากเดิมที่แบ่งเป็นราชการบริหารส่วนกลาง จำนวน 11 กอง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานราชพัสดุจังหวัด เป็นราชการบริหารส่วนกลางจำนวน 8 กอง และหน่วยงานระดับสูงกว่ากอง จำนวน 5 สำนัก ราชการบริหารส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานราชพัสดุจังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--