ทำเนียบรัฐบาล--17 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการบอกเลิกสัญญาโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์กับกลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการเจรจาบอกเลิกสัญญาโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์กับกลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูง และใช้เวลาในการดำเนินการนานแล้วยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2533 ในการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั่วราชอาณาจักรได้ กลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ มีมูลค่าโครงการฯ ทั้งสิ้น 1,814,460,000 บาท เป็นเงินงบประมาณ 1,009,740,000 บาท และเงินกู้ธนาคารโลก 804,720,000 บาท โดยงานจะแล้วเสร็จในวันที่ 1 ธันวาคม 2539 เมื่อสิ้นเวลาดังกล่าว กลุ่มบริษัทไอบีเอ็มฯ พยายามที่จะติดตั้งระบบงานเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรให้แก่กรมสรรพากร โดยขอขยายเวลาออกไปเป็น 60 วันทำการ และต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ได้ส่งหนังสือเพื่อขอเลิกสัญญาตามเงื่อนไขสัญญา
2. อนุมัติให้กรมสรรพากรดำเนินโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ต่อไป โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ และให้ใช้เงินที่มีอยู่แล้ว จำนวน 425,771,929.47 บาท ไปใช้ดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 1
3. อนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณปี 2542 จำนวน 306 ล้านบาท แทนเงินกู้จากธนาคารโลกที่ถูกยกเลิกไปจากสำนักงบประมาณ เพื่อใช้ดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 2
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2541--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการบอกเลิกสัญญาโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์กับกลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการเจรจาบอกเลิกสัญญาโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์กับกลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูง และใช้เวลาในการดำเนินการนานแล้วยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2533 ในการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั่วราชอาณาจักรได้ กลุ่มบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ มีมูลค่าโครงการฯ ทั้งสิ้น 1,814,460,000 บาท เป็นเงินงบประมาณ 1,009,740,000 บาท และเงินกู้ธนาคารโลก 804,720,000 บาท โดยงานจะแล้วเสร็จในวันที่ 1 ธันวาคม 2539 เมื่อสิ้นเวลาดังกล่าว กลุ่มบริษัทไอบีเอ็มฯ พยายามที่จะติดตั้งระบบงานเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรให้แก่กรมสรรพากร โดยขอขยายเวลาออกไปเป็น 60 วันทำการ และต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ได้ส่งหนังสือเพื่อขอเลิกสัญญาตามเงื่อนไขสัญญา
2. อนุมัติให้กรมสรรพากรดำเนินโครงการปรับปรุงระบบงานกรรมวิธีภาษีสรรพากรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ต่อไป โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ และให้ใช้เงินที่มีอยู่แล้ว จำนวน 425,771,929.47 บาท ไปใช้ดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 1
3. อนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณปี 2542 จำนวน 306 ล้านบาท แทนเงินกู้จากธนาคารโลกที่ถูกยกเลิกไปจากสำนักงบประมาณ เพื่อใช้ดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 2
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2541--