ทำเนียบรัฐบาล--14 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายใน
ขนส่งสินค้าทางเรือ สรุปได้ดังนี้
1. สภาพปัญหา
1.1 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทางเรือจำแนกเป็น 2 ส่วนหลัก และมีแนวโน้มของการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดมาเป็น
การเพิ่มภาระต้นทุนสินค้าส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนี้
1) ค่าระวางเรือและค่าภาระเสริม ชมรมเรือสายยุโรปและสายอเมริกาได้ประกาศขึ้นค่าระวางเรือในปี 2542 ซึ่งจะ
เป็นผลให้ค่าระวางเมื่อเทียบกับปี 2540 สูงขึ้นกว่าร้อยละ 100 ดังนี้
มูลค่า : เหรียญสหรัฐ/ตู้ 20 ฟุต
ค่าระวางชมรมเรือสายยุโรป ค่าระวางชมรมเรือสายอเมริกา
ปี 2540 750 - 900 ปี 2540 900 - 1,100
1 ตุลาคม 2541 1,375 - 1,525 1 พฤษภาคม 2542 1,860 - 2,010
1 เมษายน 2541 1,725 - 1,875
นอกจากนั้น ชมรมสายเดินเรือยังเรียกเก็บค่าระวางเรือจากไทย (สินค้าส่งออก) ไปยุโรปและสหรัฐอเมริกาสูงกว่าจากประเทศ
เหล่านั้นมาไทยมาก (สินค้านำเข้า) กล่าวคือเรียกเก็บเพียง 450 เหรียญสหรัฐ/ตู้ 20 ฟุต ทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันด้านราคาสินค้า
ส่งออกและนำเข้าเมื่อบวกภาระค่าระวางเรือเข้าด้วยแล้ว
2) ค่าภาระหน้าท่า (Terminal Handling Charge : THC) และค่าธรรมเนียมออกเอกสาร B/L และ D/O เริ่มมี
การเรียกเก็บในปี 2534 และได้มีการปรับอัตราค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2535 ดังนี้
มูลค่า : บาท
ค่า THC/ตู้ 20 ฟุต ค่าออกเอกสาร B/L, D/O /1 ชุดเอกสาร
ปี 2534 - 35 1,000 ปี 2535 100
พ.ศ. 2535 1,500 เมษายน 2536 200
พ.ศ. 2537 2,000 เมษายน 2538 300
พ.ศ. 2538 2,600 เมษายน 2541 500
1.2 การขึ้นค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางเรือที่ผ่านมา เป็นการประกาศขึ้นอัตราฝ่ายเดียวของผู้ประกอบการเดินเรือโดยฝ่ายไทย
ไม่มีอำนาจต่อรองพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพาณิชยนาวี พ.ศ. .... ซึ่งให้อำนาจในการเจรจาต่อรองยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ร่างของกระทรวงการคลัง
1.3 การส่งออกของไทยประมาณร้อยละ 80 เป็นการส่งออกในราคา FOB นั่นคือ ผู้รับภาระค่าระวางเรือคือผู้นำเข้าในต่าง
ประเทศ ดังนั้นผู้ส่งออกส่วนใหญ่จึงไม่อาจรวมพลังเพื่อสร้างอำนาจต่อรองค่าระวางเรือได้
2. การดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงพาณิชย์ได้นำปัญหาเรื่องนี้ขึ้นหารือในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและเร่งรัดการส่งออก ครั้งที่10/2541 เมื่อ
วันที่ 28 ตุลาคม 2541 และได้มีมติให้จัดให้มีการเจรจากับผู้ประกอบการเดินเรือ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์(นายประวิช รัตน
เพียร) เป็นประธาน ทั้งนี้ให้จัดหารือเป็นการภายในก่อน โดยให้เชิญผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อ-การส่งออกและนำเข้า
แห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ร่วมด้วย
คณะเตรียมการเจรจาได้จัดประชุมแล้ว 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2541 และ 11 ธันวาคม 2541 โดยมีปลัดกระทรวง
พาณิชย์เป็นประธาน สรุปเรื่องที่ได้ดำเนินการ ดังนี้
1) ทำการศึกษารายละเอียดและส่วนประกอบของ THC เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจา
2) ศึกษาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า
พ.ศ. .... เพื่อใช้เป็นฐานและอำนาจในการเจรจาต่อรอง
3) ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ (นางบุญทิพา สิมะสกุล) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี และ
สรท. ไปศึกษาข้อมูลและการแก้ไขปัญหาของศรีลังกา ณ กรุงโคลัมโบ ในวันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน 2541
4) ประสานการดำเนินการกับกลุ่มผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งส่งออกสินค้าราคา CIF เพื่อรวมพลังสร้างอำนาจเจรจาต่อ
รองค่าระวางเรือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 ธันวาคม 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายใน
ขนส่งสินค้าทางเรือ สรุปได้ดังนี้
1. สภาพปัญหา
1.1 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทางเรือจำแนกเป็น 2 ส่วนหลัก และมีแนวโน้มของการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดมาเป็น
การเพิ่มภาระต้นทุนสินค้าส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนี้
1) ค่าระวางเรือและค่าภาระเสริม ชมรมเรือสายยุโรปและสายอเมริกาได้ประกาศขึ้นค่าระวางเรือในปี 2542 ซึ่งจะ
เป็นผลให้ค่าระวางเมื่อเทียบกับปี 2540 สูงขึ้นกว่าร้อยละ 100 ดังนี้
มูลค่า : เหรียญสหรัฐ/ตู้ 20 ฟุต
ค่าระวางชมรมเรือสายยุโรป ค่าระวางชมรมเรือสายอเมริกา
ปี 2540 750 - 900 ปี 2540 900 - 1,100
1 ตุลาคม 2541 1,375 - 1,525 1 พฤษภาคม 2542 1,860 - 2,010
1 เมษายน 2541 1,725 - 1,875
นอกจากนั้น ชมรมสายเดินเรือยังเรียกเก็บค่าระวางเรือจากไทย (สินค้าส่งออก) ไปยุโรปและสหรัฐอเมริกาสูงกว่าจากประเทศ
เหล่านั้นมาไทยมาก (สินค้านำเข้า) กล่าวคือเรียกเก็บเพียง 450 เหรียญสหรัฐ/ตู้ 20 ฟุต ทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันด้านราคาสินค้า
ส่งออกและนำเข้าเมื่อบวกภาระค่าระวางเรือเข้าด้วยแล้ว
2) ค่าภาระหน้าท่า (Terminal Handling Charge : THC) และค่าธรรมเนียมออกเอกสาร B/L และ D/O เริ่มมี
การเรียกเก็บในปี 2534 และได้มีการปรับอัตราค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2535 ดังนี้
มูลค่า : บาท
ค่า THC/ตู้ 20 ฟุต ค่าออกเอกสาร B/L, D/O /1 ชุดเอกสาร
ปี 2534 - 35 1,000 ปี 2535 100
พ.ศ. 2535 1,500 เมษายน 2536 200
พ.ศ. 2537 2,000 เมษายน 2538 300
พ.ศ. 2538 2,600 เมษายน 2541 500
1.2 การขึ้นค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางเรือที่ผ่านมา เป็นการประกาศขึ้นอัตราฝ่ายเดียวของผู้ประกอบการเดินเรือโดยฝ่ายไทย
ไม่มีอำนาจต่อรองพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพาณิชยนาวี พ.ศ. .... ซึ่งให้อำนาจในการเจรจาต่อรองยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ร่างของกระทรวงการคลัง
1.3 การส่งออกของไทยประมาณร้อยละ 80 เป็นการส่งออกในราคา FOB นั่นคือ ผู้รับภาระค่าระวางเรือคือผู้นำเข้าในต่าง
ประเทศ ดังนั้นผู้ส่งออกส่วนใหญ่จึงไม่อาจรวมพลังเพื่อสร้างอำนาจต่อรองค่าระวางเรือได้
2. การดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงพาณิชย์ได้นำปัญหาเรื่องนี้ขึ้นหารือในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและเร่งรัดการส่งออก ครั้งที่10/2541 เมื่อ
วันที่ 28 ตุลาคม 2541 และได้มีมติให้จัดให้มีการเจรจากับผู้ประกอบการเดินเรือ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์(นายประวิช รัตน
เพียร) เป็นประธาน ทั้งนี้ให้จัดหารือเป็นการภายในก่อน โดยให้เชิญผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อ-การส่งออกและนำเข้า
แห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ร่วมด้วย
คณะเตรียมการเจรจาได้จัดประชุมแล้ว 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2541 และ 11 ธันวาคม 2541 โดยมีปลัดกระทรวง
พาณิชย์เป็นประธาน สรุปเรื่องที่ได้ดำเนินการ ดังนี้
1) ทำการศึกษารายละเอียดและส่วนประกอบของ THC เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจา
2) ศึกษาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า
พ.ศ. .... เพื่อใช้เป็นฐานและอำนาจในการเจรจาต่อรอง
3) ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ (นางบุญทิพา สิมะสกุล) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี และ
สรท. ไปศึกษาข้อมูลและการแก้ไขปัญหาของศรีลังกา ณ กรุงโคลัมโบ ในวันที่ 23 - 25 พฤศจิกายน 2541
4) ประสานการดำเนินการกับกลุ่มผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งส่งออกสินค้าราคา CIF เพื่อรวมพลังสร้างอำนาจเจรจาต่อ
รองค่าระวางเรือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 ธันวาคม 2541--