ทำเนียบรัฐบาล--8 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมได้รายงานผลการดำเนินการตามนโยบาย ของรัฐบาลด้านความมั่นคงในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2538 สรุปสาระ สำคัญได้ ดังนี้
1. พัฒนาและส่งเสริมให้กองทัพมีขีดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ในรัฐ ธรรมนูญอย่างมีศักดิ์ศรี และสมเกียรติภูมิของทหาร โดยถือการปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติและ ประชาชนเป็นความเร่งด่วนอันดับแรก อาทิเช่น
1.1 จัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อเทิดทูนพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงปกครองประเทศมาด้วยความเจริญก้าวหน้าตลอด 50 ปี
1.2 ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงกำลังปี 2535 - 2539 โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2535 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2538 สามารถลดอัตรากำลังพลประจำการลงได้ประมาณ 45,000 อัตรา และจะกำหนด แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการตามแผนปี 2539 เมื่อได้ทำ การประเมินผลสิ้นเดือนตุลาคม 2538
1.3 พัฒนาระบบกำลังสำรอง ให้สามารถเรียกพลหรือระดมพลเข้าประจำการหน่วยได้ภาย ใน 72 ชั่วโมง และพร้อมรบทันทีในยามฉุกเฉินหรือยามสงคราม ให้มีระบบกำลังพลทดแทนทั้งใน ยามปกติและในยามฉุกเฉิน
1.4 คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลด้วยกำลังทางเรือ โดยเพิ่มการจัดกำ ลังทางเรือ ทางอากาศ และทางบกของกองทัพเรือในการคุ้มครองแหล่งขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและระ บบท่อทาง รวมทั้งพื้นที่อุตสาหกรรมตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนให้ความคุ้มครองเรือประมงจากการกระ ทำอันเป็นโจรสลัด และการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ทางทะเล
1.5 พัฒนากำลังรบของกองทัพอากาศ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลทางตอน ใต้ของประเทศ ให้สามารถคุ้มครองทรัพยากร เส้นทางคมนาคมและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้ง ด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กองทัพอากาศจะได้รับเครื่องบิน F-16 A /B ฝูงที่ 2 ตามโครงการฯจำนวน 18 เครื่องระหว่างเดือนตุลาคม 2538 - กุมภาพันธ์ 2539
2. สนับสนุนให้กองทัพมีกำลังพล หลักนิยม เทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับ สงครามสมัยใหม่ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางทหารให้กองทัพสามารถพึ่งตนเองได้ในอนาคต
3. จัดให้กองทัพร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สุข ของประชาชนโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ภายใต้กรอบของการปกครองในระบอบประชาธิป ไตย และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรับรู้ในกิจการของทหารให้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น
3.1 จัดทำเอกสารยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศฉบับ 2538 (สมุดปกขาว) ของกองบัญชา การทหารสูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบภารกิจ การวางแผนและการดำเนินการต่าง ๆ ของกองทัพ
3.2 ดำเนินโครงการพัฒนาประเทศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยสร้างและซ่อม แซมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส ตาม โครงการพัฒนาเพื่อความหวังใหม่ และก่อสร้างบ้านพักอาศัย ณ ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัด ตราด จัดเตรียมการฝึกอบรมศิลปาชีพให้แก่ราษฎรตามโครงการทับทิมสยาม 01
3.3 ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนให้การสนับสนุนฝ่ายพลเรือนในการ ฟื้นฟูบูรณะสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
3.4 ช่วยเหลือประชาชน บรรเทาสาธารณภัยและขจัดภัยแล้ง โดยมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัยแล้งของกองทัพเรือในพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 20 จังหวัด และสนับสนุนยานพาหนะ ประเภทต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสำรวจภูมิประเทศ ค้นหาผู้ประสบภัย และขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และให้บริการรักษาโรค รวมทั้งแจกจ่ายยาให้ กับประชาชน
4. ส่งเสริมบทบาทของทหารไทยในสหประชาชาติ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ ของประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ โดย
4.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) และคณะได้เดินทางไป เยือนพม่าและกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรี และความเข้าใจร่วมกันในกลุ่มประ เทศอาเซียนและมิตรประเทศ ระหว่างวันที่ 1 - 2 กันยายน 2538 และวันที่ 29 - 30 กันยายน 2538 ซึ่งทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทย - พม่า และไทย - กัมพูชา ที่มีปัญหาขัดแย้งทาง ด้านชายแดน และความขัดแย้งกันในด้านอื่น ๆ ได้มีความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และจะได้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยียนในระดับผู้นำทางทหารระหว่างกันอีกต่อไป
4.2 จัดตั้งศูนย์ประสานงานและรักษาความปลอดภัยกระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการใน การรักษาความปลอดภัยแก่บุคคลสำคัญต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 1 รวมทั้งจัดหาข้อมูล ข่าวสารตลอดจนติดตามสถานการณ์การประชุมดังกล่าว ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ
5. เสริมสร้างระบบสวัสดิการ และบำรุงขวัญทหาร และครอบครัวทุกชั้นยศ และส่งเสริมกี ฬาทหารเพื่อช่วยพัฒนากีฬาของชาติให้เป็นเลิศ โดย
5.1 ดำเนินแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการกองทัพบก โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย และ ครอบครัวให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
5.2 ปรับปรุงด้านสวัสดิการของกองทัพเรือ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติงาน ต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จัดที่พักอาศัยของทางราชการ และสนับสนุนให้ข้าราชการ มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง
5.3 ดำเนินโครงการที่ดินจัดสรร และอาคารสงเคราะห์กองทัพอากาศให้กับข้าราชการสำ หรับผู้ที่ใกล้เกษียณอายุราชการ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการถึงโครงการที่ 12 และกองทัพอากาศได้สำรวจพื้น ที่สำหรับโครงการลำดับต่อไปเรียบร้อยแล้ว
6. เชิดชูเกียรติของทหารผ่านศึก โดยเฉพาะทหารผ่านศึกที่พิการและทุพพลภาพให้ได้รับ การดูแลเป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้รับสิทธิและความเอื้ออาทรจากสังคมไทยเป็นพิเศษ โดยดำเนินโครง การสร้างศูนย์พักฟื้นขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ ทหารผ่านศึกที่ชราภาพไม่มีคนดูแลได้ใช้เป็นสถานที่พักอาศัยในยามชรา และใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมด้าน วิชาชีพให้แก่ทหารผ่านศึกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 7 พฤศจิกายน 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมได้รายงานผลการดำเนินการตามนโยบาย ของรัฐบาลด้านความมั่นคงในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2538 สรุปสาระ สำคัญได้ ดังนี้
1. พัฒนาและส่งเสริมให้กองทัพมีขีดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ในรัฐ ธรรมนูญอย่างมีศักดิ์ศรี และสมเกียรติภูมิของทหาร โดยถือการปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติและ ประชาชนเป็นความเร่งด่วนอันดับแรก อาทิเช่น
1.1 จัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อเทิดทูนพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงปกครองประเทศมาด้วยความเจริญก้าวหน้าตลอด 50 ปี
1.2 ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงกำลังปี 2535 - 2539 โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2535 เป็นต้นมา จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2538 สามารถลดอัตรากำลังพลประจำการลงได้ประมาณ 45,000 อัตรา และจะกำหนด แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการตามแผนปี 2539 เมื่อได้ทำ การประเมินผลสิ้นเดือนตุลาคม 2538
1.3 พัฒนาระบบกำลังสำรอง ให้สามารถเรียกพลหรือระดมพลเข้าประจำการหน่วยได้ภาย ใน 72 ชั่วโมง และพร้อมรบทันทีในยามฉุกเฉินหรือยามสงคราม ให้มีระบบกำลังพลทดแทนทั้งใน ยามปกติและในยามฉุกเฉิน
1.4 คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลด้วยกำลังทางเรือ โดยเพิ่มการจัดกำ ลังทางเรือ ทางอากาศ และทางบกของกองทัพเรือในการคุ้มครองแหล่งขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและระ บบท่อทาง รวมทั้งพื้นที่อุตสาหกรรมตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนให้ความคุ้มครองเรือประมงจากการกระ ทำอันเป็นโจรสลัด และการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ทางทะเล
1.5 พัฒนากำลังรบของกองทัพอากาศ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลทางตอน ใต้ของประเทศ ให้สามารถคุ้มครองทรัพยากร เส้นทางคมนาคมและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้ง ด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กองทัพอากาศจะได้รับเครื่องบิน F-16 A /B ฝูงที่ 2 ตามโครงการฯจำนวน 18 เครื่องระหว่างเดือนตุลาคม 2538 - กุมภาพันธ์ 2539
2. สนับสนุนให้กองทัพมีกำลังพล หลักนิยม เทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับ สงครามสมัยใหม่ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางทหารให้กองทัพสามารถพึ่งตนเองได้ในอนาคต
3. จัดให้กองทัพร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สุข ของประชาชนโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ภายใต้กรอบของการปกครองในระบอบประชาธิป ไตย และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรับรู้ในกิจการของทหารให้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น
3.1 จัดทำเอกสารยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศฉบับ 2538 (สมุดปกขาว) ของกองบัญชา การทหารสูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบภารกิจ การวางแผนและการดำเนินการต่าง ๆ ของกองทัพ
3.2 ดำเนินโครงการพัฒนาประเทศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยสร้างและซ่อม แซมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส ตาม โครงการพัฒนาเพื่อความหวังใหม่ และก่อสร้างบ้านพักอาศัย ณ ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัด ตราด จัดเตรียมการฝึกอบรมศิลปาชีพให้แก่ราษฎรตามโครงการทับทิมสยาม 01
3.3 ตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนให้การสนับสนุนฝ่ายพลเรือนในการ ฟื้นฟูบูรณะสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
3.4 ช่วยเหลือประชาชน บรรเทาสาธารณภัยและขจัดภัยแล้ง โดยมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัยแล้งของกองทัพเรือในพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 20 จังหวัด และสนับสนุนยานพาหนะ ประเภทต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสำรวจภูมิประเทศ ค้นหาผู้ประสบภัย และขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และให้บริการรักษาโรค รวมทั้งแจกจ่ายยาให้ กับประชาชน
4. ส่งเสริมบทบาทของทหารไทยในสหประชาชาติ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ ของประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ โดย
4.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) และคณะได้เดินทางไป เยือนพม่าและกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรี และความเข้าใจร่วมกันในกลุ่มประ เทศอาเซียนและมิตรประเทศ ระหว่างวันที่ 1 - 2 กันยายน 2538 และวันที่ 29 - 30 กันยายน 2538 ซึ่งทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทย - พม่า และไทย - กัมพูชา ที่มีปัญหาขัดแย้งทาง ด้านชายแดน และความขัดแย้งกันในด้านอื่น ๆ ได้มีความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และจะได้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยียนในระดับผู้นำทางทหารระหว่างกันอีกต่อไป
4.2 จัดตั้งศูนย์ประสานงานและรักษาความปลอดภัยกระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการใน การรักษาความปลอดภัยแก่บุคคลสำคัญต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 1 รวมทั้งจัดหาข้อมูล ข่าวสารตลอดจนติดตามสถานการณ์การประชุมดังกล่าว ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ
5. เสริมสร้างระบบสวัสดิการ และบำรุงขวัญทหาร และครอบครัวทุกชั้นยศ และส่งเสริมกี ฬาทหารเพื่อช่วยพัฒนากีฬาของชาติให้เป็นเลิศ โดย
5.1 ดำเนินแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการกองทัพบก โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย และ ครอบครัวให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
5.2 ปรับปรุงด้านสวัสดิการของกองทัพเรือ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติงาน ต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จัดที่พักอาศัยของทางราชการ และสนับสนุนให้ข้าราชการ มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง
5.3 ดำเนินโครงการที่ดินจัดสรร และอาคารสงเคราะห์กองทัพอากาศให้กับข้าราชการสำ หรับผู้ที่ใกล้เกษียณอายุราชการ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการถึงโครงการที่ 12 และกองทัพอากาศได้สำรวจพื้น ที่สำหรับโครงการลำดับต่อไปเรียบร้อยแล้ว
6. เชิดชูเกียรติของทหารผ่านศึก โดยเฉพาะทหารผ่านศึกที่พิการและทุพพลภาพให้ได้รับ การดูแลเป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้รับสิทธิและความเอื้ออาทรจากสังคมไทยเป็นพิเศษ โดยดำเนินโครง การสร้างศูนย์พักฟื้นขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ ทหารผ่านศึกที่ชราภาพไม่มีคนดูแลได้ใช้เป็นสถานที่พักอาศัยในยามชรา และใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมด้าน วิชาชีพให้แก่ทหารผ่านศึกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 7 พฤศจิกายน 2538--