ทำเนียบรัฐบาล--21 มิ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดยปฏิบัติตามแนวทางที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกามีความเห็น และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกำ จัดขยะมูลฝอย การป้องกันน้ำเสีย อันจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ถือปฏิบัติตามแนวทางของสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ว่าเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไม่ประสงค์จะให้จังหวัดที่มีหน้าที่จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่ง แวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมาตรา 37 ไปจัดทำแผนการจัดการหรือโครงการใด ๆ แยกต่างหากจาก แผนปฏิบัติการฯ ที่ต้องจัดทำตามพระราชบัญญัติฯ นี้ ซึ่งจะมีผลเป็นเพียงการจัดทำแผนงานและการจัดตั้ง งบประมาณเท่านั้น แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการอาจเป็นหน่วยงานปฏิบัติการตามปกติและสำหรับจัง หวัดใดที่ไม่อยู่ในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือเขตควบคุมมลพิษ และมิได้มีแผนปฏิบัติการฯ การจัดตั้ง งบประมาณต่าง ๆ ในเรื่องสิ่งแวดล้อมในจังหวัดนั้นก็ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องจัดตั้งงบประมาณไว้ที่สำนัก งานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2538 เรื่อง การจัดตั้งงบประมาณในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอยชุมชน ตามที่กระ ทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. การจัดตั้งงบประมาณเพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำเสียรวมหรือของเสียรวม
1.1 ให้เป็นไปตามมาตรา 37 มาตรา 38 หรือมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติส่ง เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 โดยให้จังหวัด/ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องจัดทำแผนและประมาณการงบประมาณสำหรับดำเนินการไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่ง แวดล้อมในระดับจังหวัด เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมห่งชาติ โดยให้ตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงาน นโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบ
1.2 ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 เรื่อง การตั้งงบประมาณสำหรับแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมใน ระดับจังหวัด โดยให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณด้านการบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียสำหรับแต่ละ จังหวัดไว้ที่สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2538 เป็นต้นไป สำหรับการดำ เนินงานเรื่องการบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียชุมชน ซึ่งกรมโยธาธิการและหน่วยงานอื่นเคยจัดตั้ง งบประมาณไว้ที่หน่วยงานนั้นๆ ให้ตั้งงบประมาณและดำเนินการต่อไปได้เฉพาะลักษณะงานที่เป็นงานต่อ เนื่องจนเสร็จตามเป้าหมายเดิมที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับพื้นที่ ที่ยังไม่มีส่วนราชการใดเข้าไปดำเนินการ ก็ให้จังหวัด/ท้องถิ่นเสนอขอตั้งงบประมาณดำเนินการไว้ที่สำนัก งานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม
2. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระ ทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติในรายละเอียด เพื่อ ให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 โดยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการ คือ
2.1 ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาพื้นฐานที่หน่วยงานของรัฐจะต้องร่วมกันแก้ไข
2.2 เจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นให้มีการดำเนินงานด้านสิ่ง แวดล้อมอย่างมีเอกภาพ
2.3 รัฐมีงบประมาณจำกัด ดังนั้น การดำเนินการจะต้องมีประสิทธิภาพและเหมาะ สมกับสภาพปัญหา
2.4 การแก้ไขปัญหาแม่น้ำเจ้าพระยาเน่าเสีย จะต้องมีการพิจารณาปัญหาในภาพรวม อย่างเป็นระบบรวมทั้งการจัดสรรงบประมาณจะต้องเป็นไปตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนของปัญหา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 มิถุนายน 2539--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดยปฏิบัติตามแนวทางที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกามีความเห็น และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกำ จัดขยะมูลฝอย การป้องกันน้ำเสีย อันจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ถือปฏิบัติตามแนวทางของสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ว่าเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไม่ประสงค์จะให้จังหวัดที่มีหน้าที่จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่ง แวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมาตรา 37 ไปจัดทำแผนการจัดการหรือโครงการใด ๆ แยกต่างหากจาก แผนปฏิบัติการฯ ที่ต้องจัดทำตามพระราชบัญญัติฯ นี้ ซึ่งจะมีผลเป็นเพียงการจัดทำแผนงานและการจัดตั้ง งบประมาณเท่านั้น แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการอาจเป็นหน่วยงานปฏิบัติการตามปกติและสำหรับจัง หวัดใดที่ไม่อยู่ในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือเขตควบคุมมลพิษ และมิได้มีแผนปฏิบัติการฯ การจัดตั้ง งบประมาณต่าง ๆ ในเรื่องสิ่งแวดล้อมในจังหวัดนั้นก็ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องจัดตั้งงบประมาณไว้ที่สำนัก งานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2538 เรื่อง การจัดตั้งงบประมาณในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอยชุมชน ตามที่กระ ทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. การจัดตั้งงบประมาณเพื่อการแก้ไขปัญหาน้ำเสียรวมหรือของเสียรวม
1.1 ให้เป็นไปตามมาตรา 37 มาตรา 38 หรือมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติส่ง เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 โดยให้จังหวัด/ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องจัดทำแผนและประมาณการงบประมาณสำหรับดำเนินการไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่ง แวดล้อมในระดับจังหวัด เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมห่งชาติ โดยให้ตั้งงบประมาณไว้ที่สำนักงาน นโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบ
1.2 ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 เรื่อง การตั้งงบประมาณสำหรับแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมใน ระดับจังหวัด โดยให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณด้านการบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียสำหรับแต่ละ จังหวัดไว้ที่สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2538 เป็นต้นไป สำหรับการดำ เนินงานเรื่องการบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียชุมชน ซึ่งกรมโยธาธิการและหน่วยงานอื่นเคยจัดตั้ง งบประมาณไว้ที่หน่วยงานนั้นๆ ให้ตั้งงบประมาณและดำเนินการต่อไปได้เฉพาะลักษณะงานที่เป็นงานต่อ เนื่องจนเสร็จตามเป้าหมายเดิมที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับพื้นที่ ที่ยังไม่มีส่วนราชการใดเข้าไปดำเนินการ ก็ให้จังหวัด/ท้องถิ่นเสนอขอตั้งงบประมาณดำเนินการไว้ที่สำนัก งานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม
2. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระ ทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติในรายละเอียด เพื่อ ให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 โดยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการ คือ
2.1 ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาพื้นฐานที่หน่วยงานของรัฐจะต้องร่วมกันแก้ไข
2.2 เจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นให้มีการดำเนินงานด้านสิ่ง แวดล้อมอย่างมีเอกภาพ
2.3 รัฐมีงบประมาณจำกัด ดังนั้น การดำเนินการจะต้องมีประสิทธิภาพและเหมาะ สมกับสภาพปัญหา
2.4 การแก้ไขปัญหาแม่น้ำเจ้าพระยาเน่าเสีย จะต้องมีการพิจารณาปัญหาในภาพรวม อย่างเป็นระบบรวมทั้งการจัดสรรงบประมาณจะต้องเป็นไปตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนของปัญหา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 มิถุนายน 2539--