ทำเนียบรัฐบาล--7 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการ เงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และสัญญาเงินกู้และสัญญาณค้ำประกันเงินกู้ตามโครงการเงินกู้รัฐ บาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 19 จากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น (Overseas Economic Cooperation Fund : OECF) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามรัฐบาลไทย และ เอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2537 โดยมีวงเงินให้กู้ผ่านกองทุนฯ จำนวน 82,334 ล้านเยน สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสัง คมต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 6 โครงการ และต่อมาได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ สัญญาค้ำประกันและเอก สารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินภายใต้โครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 19 กับกองทุนฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2537 โดยเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้มอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และรองประธานกองทุนฯ เป็นผู้ลงนามในนามกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
1. สัญญาเงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้ของรัฐบาล จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้
1.1 โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น4 ช่องจราจร ของกรมทางหลวง วงเงิน 16,029 ล้านเยน
1.2 โครงการพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคคลากรในสถานศึกษา สังกัดกรมอาชีว ศึกษาของกรมอาชีวศึกษา วงเงิน 7,806 ล้านเยน
2. สัญญาค้ำประกันเงินกู้ สำหรับโครงการเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 4 ฉบับ ดังนี้
2.1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 1 ถึง 4 ของการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย วงเงิน 18,242 ล้านเยน
2.2 โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ 5 ส่วนที่ 2 ของการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาควงเงิน 21,223 ล้านเยน
2.3 โครงการเปลี่ยนรางในทางประธาน (ระยะที่ 2) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงิน 7,651 ล้านเยน
2.4 โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 6 ของการประปานครหลวง วงเงิน 11,383 ล้านเยน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ธันวาคม 2537--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการ เงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และสัญญาเงินกู้และสัญญาณค้ำประกันเงินกู้ตามโครงการเงินกู้รัฐ บาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 19 จากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น (Overseas Economic Cooperation Fund : OECF) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามรัฐบาลไทย และ เอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2537 โดยมีวงเงินให้กู้ผ่านกองทุนฯ จำนวน 82,334 ล้านเยน สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสัง คมต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 6 โครงการ และต่อมาได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ สัญญาค้ำประกันและเอก สารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินภายใต้โครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 19 กับกองทุนฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2537 โดยเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้มอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และรองประธานกองทุนฯ เป็นผู้ลงนามในนามกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
1. สัญญาเงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้ของรัฐบาล จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้
1.1 โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น4 ช่องจราจร ของกรมทางหลวง วงเงิน 16,029 ล้านเยน
1.2 โครงการพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคคลากรในสถานศึกษา สังกัดกรมอาชีว ศึกษาของกรมอาชีวศึกษา วงเงิน 7,806 ล้านเยน
2. สัญญาค้ำประกันเงินกู้ สำหรับโครงการเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 4 ฉบับ ดังนี้
2.1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ เครื่องที่ 1 ถึง 4 ของการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย วงเงิน 18,242 ล้านเยน
2.2 โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ 5 ส่วนที่ 2 ของการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาควงเงิน 21,223 ล้านเยน
2.3 โครงการเปลี่ยนรางในทางประธาน (ระยะที่ 2) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงิน 7,651 ล้านเยน
2.4 โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 6 ของการประปานครหลวง วงเงิน 11,383 ล้านเยน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ธันวาคม 2537--