ทำเนียบรัฐบาล--8 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการเปิดเผยสัญญาที่รัฐทำกับเอกชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีปรารภว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ประชาชน มีสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจการของรัฐและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่าที่จะพึงเปิดเผยได้ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเปิดเผยสัญญาต่าง ๆที่รัฐทำกับเอกชนนั้น ในเรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. 2537 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเคยเสนอเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) แล้ว และจากการเชิญผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ มาหารือ ปรากฎว่าส่วนราชการหลายแห่งไม่เห็นชอบที่จะให้เปิดเผยสัญญาดังกล่าว เพราะเกรงว่าคู่สัญญาฝ่ายเอกชนอาจไม่ประสงค์จะให้ล่วงรู้ไปถึงบุคคลภายนอก นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพิจารณาแล้วเห็นควรระงับเรื่องนี้ก่อน โดยให้รอกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการยกร่าง คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 เห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยที่เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่แถลงต่อรัฐสภาแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2539 และรัฐบาลก็ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ...ต่อสภาผู้แทนราษฎรจนรับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ดังนั้นหากคณะรัฐมนตรีจะอาศัยมติคณะรัฐมนตรีผ่อนคลายไปก่อนโดยเปิดเผยสัญญาสัมปทานสัญญาร่วมทุนหรือสัญญาต่างๆ ที่รัฐทำกับเอกชนได้ก็จะเป็นการสนองนโยบายรัฐบาล และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่เน้นเรื่องความโปร่งใสและการเปิดให้สาธารณชนตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้โดยไม่ต้องรอขั้นตอนตามกฎหมาย
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเห็นว่า การเปิดเผยสัญญาดังกล่าวน่าจะเหมาะสมและเป็นไปได้ จึงควรเสนอข้อปรารภของนายกรัฐมนตรีที่ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเปิดเผยข้อความในเอกสารสัญญาสัมปทานสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ สัญญาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุและสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจทำกับเอกชนตลอดจนเเอกสารแนบท้ายทุกชนิดเฉพาะที่ได้รับการลงนามแล้วต่อผู้ร้องขอได้ ทั้งอาจอนุญาตให้คัดลอกหรือถ่ายเอกสารได้โดยผู้ร้องขอเสียค่าใช้จ่ายเองตามที่เป็นจริง เว้นแต่หัวหน้าหน่วยงานนั้น ๆ จะเห็นว่าเป็นเรื่องยังไม่ควรเปิดเผยในขณะนั้น โดยแจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการเปิดเผยสัญญาที่รัฐทำกับเอกชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีปรารภว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ประชาชน มีสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจการของรัฐและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่าที่จะพึงเปิดเผยได้ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเปิดเผยสัญญาต่าง ๆที่รัฐทำกับเอกชนนั้น ในเรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. 2537 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเคยเสนอเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) แล้ว และจากการเชิญผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ มาหารือ ปรากฎว่าส่วนราชการหลายแห่งไม่เห็นชอบที่จะให้เปิดเผยสัญญาดังกล่าว เพราะเกรงว่าคู่สัญญาฝ่ายเอกชนอาจไม่ประสงค์จะให้ล่วงรู้ไปถึงบุคคลภายนอก นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพิจารณาแล้วเห็นควรระงับเรื่องนี้ก่อน โดยให้รอกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการยกร่าง คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 เห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยที่เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่แถลงต่อรัฐสภาแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2539 และรัฐบาลก็ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ...ต่อสภาผู้แทนราษฎรจนรับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ดังนั้นหากคณะรัฐมนตรีจะอาศัยมติคณะรัฐมนตรีผ่อนคลายไปก่อนโดยเปิดเผยสัญญาสัมปทานสัญญาร่วมทุนหรือสัญญาต่างๆ ที่รัฐทำกับเอกชนได้ก็จะเป็นการสนองนโยบายรัฐบาล และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่เน้นเรื่องความโปร่งใสและการเปิดให้สาธารณชนตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้โดยไม่ต้องรอขั้นตอนตามกฎหมาย
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเห็นว่า การเปิดเผยสัญญาดังกล่าวน่าจะเหมาะสมและเป็นไปได้ จึงควรเสนอข้อปรารภของนายกรัฐมนตรีที่ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเปิดเผยข้อความในเอกสารสัญญาสัมปทานสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ สัญญาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุและสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจทำกับเอกชนตลอดจนเเอกสารแนบท้ายทุกชนิดเฉพาะที่ได้รับการลงนามแล้วต่อผู้ร้องขอได้ ทั้งอาจอนุญาตให้คัดลอกหรือถ่ายเอกสารได้โดยผู้ร้องขอเสียค่าใช้จ่ายเองตามที่เป็นจริง เว้นแต่หัวหน้าหน่วยงานนั้น ๆ จะเห็นว่าเป็นเรื่องยังไม่ควรเปิดเผยในขณะนั้น โดยแจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 7 มกราคม 2540--