คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (ข้อมูลถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2548) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอเพิ่มเติม ดังนี้
1. สถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 13 ส.ค. 2548 — 29 ส.ค. 2548
1.1 พื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัด 80 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ 424 ตำบล 1,989 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ลำปาง พะเยา ลำพูน สุโขทัย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
1.2 ความเสียหาย
1) ด้านชีวิต ราษฎรเสียชีวิต 12 คน (จ.แม่ฮ่องสอน 9 คน จ.ลำปาง 2 คน จ.เชียงใหม่ 1 คน) สูญหาย 6 คน (จ.แม่ฮ่องสอน) บาดเจ็บ 85 คน เดือดร้อน 200,810 คน 43,500 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน สะพาน 165 แห่ง ถนน 373 สาย พื้นที่การเกษตร 389,430 ไร่ ฝาย/พนังกั้นน้ำ 176 แห่ง บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,135 หลัง ปศุสัตว์ 34,395 ตัว บ่อปลา 1,480 บ่อ
3) มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
2. สถานการณ์ปัจจุบัน
2.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 8 จังหวัด (จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง พะเยา ลำพูน สุโขทัย และอำนาจเจริญ) ระดับน้ำลดลงและสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่
2.2 พื้นที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี และเชียงราย มีดังนี้ ( ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2548 )
- ลุ่มน้ำโขง
(1) จังหวัดนครพนม ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ณ จุดตรวจบ้านหนองแสง อ.เมือง วัดได้ 11.44 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.10 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.45 เมตร) แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 11 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ โดยในพื้นที่ชุมชนระดับน้ำลดลงสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มที่เป็นพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำลดลง สถานการณ์ไม่รุนแรง
(2) จังหวัดมุกดาหาร ระดับน้ำในแม่น้ำโขงในเขต อ.เมืองฯ วัดได้ 11.81 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.60 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.79 เมตร แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.หว้านใหญ่ อ.นิคมคำสร้อย อ.คำชะอี อ.ดอนตาล อ.ดงหลวง และอ.หนองสูง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ การเกษตรและพื้นที่ราบลุ่มรอบนอก ระดับน้ำลดลง สถานการณ์ไม่รุนแรง สำหรับในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ระดับน้ำโขงลดลง ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขัง 2 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนศรีมงคลเหนือ และชุมชนร่วมพัฒนาศรีมงคล
(3) จังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำที่อำเภอโขงเจียม วัดได้ 13.39 เมตร (ระดับตลิ่ง 16.20 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.31 เมตร ขณะนี้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูล ลำน้ำชีและลำน้ำโขง มีระดับลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพธิ์ไทร โดยท่วมพื้นที่การเกษตรรอบนอก ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ
การให้ความช่วยเหลือ
1. เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2548 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมและเยี่ยมราษฎรที่ประสบภัย ณ โรงเรียนห้วยทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร และชุมชนศรีมงคลเหนือ เทศบาลเมืองมุกดาหาร และที่บ้านปากบัง ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม โดยได้มอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่เดือดร้อน จำนวน 450 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
- และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ให้ทั่วถึง และให้ระดมเรือท้องแบนสนับสนุนเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่ระดับน้ำยังท่วมสูง สำหรับพื้นที่ใดที่ระดับน้ำลดแล้ว ให้แขวงการทาง ทางหลวงชนบท ท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายให้สามารถสัญจรได้โดยด่วน
2. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดส่งถุงยังชีพเพิ่มเติม ให้แก่จังหวัดนครพนม 5,000 ชุด และจังหวัดมุกดาหาร 5,000 ชุด โดยส่งถึงเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2548
3. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตจังหวัดนครพนม (นรข.) ส่งเรือท้องแบน 5 ลำ รถบรรทุกขนาดใหญ่ 1 คัน และตำรวจน้ำ 1 ลำ ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน
4. เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2548 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งเรือท้องแบนจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร 20 ลำ รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 4 คัน ไปช่วยเหลือที่จังหวัดนครพนมและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 ขอนแก่น 20 ลำ ไปช่วยเหลือที่จังหวัดมุกดาหาร
5. จังหวัดมุกดาหาร และนครพนม ได้อนุมัติจัดสรรวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้อำเภอละ 500,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วน และจัดพื้นที่ปลอดภัยรองรับการอพยพ สนับสนุนกระสอบทรายวางปิดกั้นน้ำแล้ว 16,000 ใบ
- ลุ่มน้ำกก
(4) จังหวัดเชียงราย ได้เกิดฝนตกหนักในวันที่ 27 สิงหาคม 2548 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลบ่าจากเทือกเขาดอยนางแลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่จัน รวม 5 ตำบล 31 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 9,180 คน 2,592 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ ขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ชุมชนลดลงสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มทางการเกษตรเป็นบางพื้นที่
การให้ความช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (นายยงยุทธ ติยะไพรัช) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายสุนทร ริ้วเหลือง) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อำนวยการประสานความช่วยเหลือในพื้นที่อำเภอแม่จัน โดยได้แจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 480 ชุด และจัดส่งเรือท้องแบนพร้อมกำลังพลของทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อปพร. ไปสนับสนุนและบริการประชาชนในการบรรทุกประชาชนสัญจรไป-มาในบริเวณที่เกิดน้ำท่วมขัง จำนวน 6 ลำ
3. การตรวจสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยของนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2548 นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดนครราชสีมาและตรวจสถานการณ์อุทกภัยและเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยมีข้อสั่งการ ดังนี้
3.1) การประชุมที่เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
1) การแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะสั้น
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
1.เร่งจ่ายเงินชดเชยภัยแล้งปี 47/48 - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แก่เกษตรกรโดยด่วนจะเข้าที่ประชุม
คณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 30
สิงหาคม 2548
2.น้ำอุปโภค/บริโภค น้ำประปาหมู่บ้าน - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
-ซ่อม/เป่าล้างบ่อบาดาล 1,000 - กรมทรัพยากรธรรมชาติและ ทรัพยากรธรรมชาติและ
หมู่บ้าน ให้แล้วเสร็จภายใน3เดือน สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม
-สร้างประปาหมู่บ้าน600หมู่บ้าน - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้แล้วเสร็จภายใน6-8เดือน
3.โครงการก่อสร้างต่างๆที่มีแบบแล้ว - กระทรวงคมนาคม - สำนักนายกรัฐมนตรี
พร้อมประมูลได้แต่ยังไม่มีงบประมาณ - สำนักนายกรัฐมนตรี - ผู้ว่าราชการจังหวัด
ให้ประสานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อขอโอนงบฯให้ประมูลได้และทัน
ต่อการแก้ไขปัญหา
4.ให้จังหวัดสำรวจพืชที่เพาะปลูกแล้ว - กระทรวงวิทยาศาสตร์และ - รัฐมนตรีว่าการ
จำเป็นที่ต้องแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้ เทคโนโลยี กระทรางเกษตรและ
พืชตายในฤดูการเพาะปลูก โดย - กระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์
ประสานกับกระทรวงเกษตรและ - กระทรวงกลาโหม
สหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สถาบันการศึกษา และฝ่ายทหาร
5.การปฏิบัติการฝนหลวงต้องดำเนินการ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ต่อไป โดยปรับย้ายฐานบินและเพิ่ม เกษตรและสหกรณ์
เครื่องบินปฏิบัติการ
6.ฝายแม้ว ต้องจัดทำให้มีจำนวนมาก - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เพียงพอกับพื้นที่ประสบภัยแล้ว เกษตรและสหกรณ์
2)การแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะกลาง
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
โครงการที่มีแบบแล้วแต่ไม่มีงบประมาณ - สำนักนายกรัฐมนตรี - สำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ประสานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - ผู้ว่าราชการจังหวัด
ขอโอนงบประมาณให้ประมูลได้เลย เพื่อ - กระทรวงวิทยาศาสตร์และ
จะได้ทันแก้ปัญหาในระยะสั้นและระยะกลาง เทคโนโลยี
- กระทรวงศึกษาธิการ
- กระทรวงกลาโหม
3)การแก้ไขปัยหาภัยแล้งระยะยาว
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
1.สำรวจพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้าง - กระทรวงเกษตรและ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อ่างเก็บน้ำ/แก้มลิงและการใช้ สหกรณ์ โดย กรมชลประทาน เกษตรและสหกรณ์
2.ให้จัดทำเขื่อนยางในลำน้ำพร้อม - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ประตูปิด-เปิดน้ำทั้งระบบ เกษตรและสหกรณ์
3.การขุดลอกแหล่งน้ำ หากจำเป็นต้อง - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ขุดลอก ให้กรมชลประทาน กรมขนส่ง โดยกรมชลประทาน เกษตรและสหกรณ์
ทางน้ำและพานิชยนาวี ประสานกับ - กระทรวงคมนาคม - ผู้ว่าราชการจังหวัด
กระทรวงมหาดไทย สำรวจความ - กระทรวงมหาดไทย
เหมาะสมเพื่อขุดดินทรายเป็นเขตเฉพาะ
โดยเชิญชวนเอกชนผู้สนใจเข้าร่วม
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ
จารุสมบัติ) เป็นประธาน รองนายก
รัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เป็น
ที่ปรึกษาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา
ปรึกษาและดำเนินการ
3.2) การตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดนครพนม
นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้บินตรวจลำน้ำโขงและลำน้ำสาขาในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม อ.ท่าอุเทน และ อ.เมืองฯ และพบปะประชาชนผู้ประสบภัยที่โรงเรียนสหราษฎร์ เทศบาลตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม พร้อมกับแจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย จำนวน 1,000 ชุด และได้เดินทางกลับมายังสนามบินจังหวัดนครพนมแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัย 1,000 ชุด จากนั้นได้ประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำโขงกับผู้เกี่ยวข้อง สรุปผลการประชุม ได้ดังนี้
ความต้องการของจังหวัด/ส่วนราชการ งบประมาณ ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี หน่วยงานรับผิดชอบ
1.การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว -การออกแบบควรจะทำลึก กรมชลประทาน
ต้องทำประตูน้ำเพื่อปิด-เปิด ในลำน้ำ จากปากน้ำเข้าไปในพื้นที่ กระทรวงเกษตรและ
สาขาของลำน้ำโขง 15 สาย ตั้งแต่ จะช่วยป้องกันระบบนิเวศน์ สหกรณ์
จังหวัดเลยจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี และลดงบประมาณในการ
ดำเนินการแล้ว 3 แห่ง อยู่ระหว่าง ก่อสร้างเนื่องจากความ
ดำเนินการ ดังนี้ กว้างของแม่น้ำแคบลง
- ลุ่มน้ำก่ำตอนล่างได้รับงบประมาณ -การออกแบบและการ
ดำเนินการในปี 2549 ประมูลเป็น Unit Course
- มีความพร้อมสามารถดำเนินการ แล้วทำดีไซน์บิวด์
ได้ 3 แห่ง แต่ยังไม่ได้รับ (Desingn build) จะทำ
งบประมาณดำเนินการ ให้เร็วขึ้น
-ต้องออกแบบเป็นช่วงๆ
และฝายยางควบคู่กันหรือ
ทำต่อเนื่องกันไป
2.การสำรวจฝายยางลำน้ำสาขาเป็น กรมชลประทาน
ขั้นบันไดขึ้นไปจำนวน63แห่ง และ
ปั๊มน้ำ 15 จุด
3.การสำรวจฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็ก 23,000,000 กรมชลประทาน
เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้หลังน้ำลด
จำนวน 145 แห่ง แก้มลิง จำนวน
15 แห่ง
4.เรื่องระบบประปาหมู่บ้าน ให้กระทรวงทรัพยากร กระทรวงทรัพยากร
(1)จังหวัดนครพนมมีหมู่บ้านทั้งหมด 247,000,000 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติและ
1,105 หมู่บ้าน มีระบบประปาแล้ว ประสานผู้ว่าราชการ สิ่งแวดล้อม/จังหวัด
1,069 หมู่บ้าน ชำรุด 95 หมู่บ้าน จังหวัดดำเนินการในพื้นที่
และยังไม่มีระบบประปา หมู่บ้าน
36 หมู่บ้าน
(2)จังหวัดมุกดาหาร มีหมู่บ้าน 80,000,000
519 หมู่บ้าน มีระบบประปาแล้ว
504 หมู่บ้าน ชำรุด 178 หมู่บ้าน
ยังไม่มีระบบประปา 15 หมู่บ้าน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--
1. สถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 13 ส.ค. 2548 — 29 ส.ค. 2548
1.1 พื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัด 80 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ 424 ตำบล 1,989 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ลำปาง พะเยา ลำพูน สุโขทัย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
1.2 ความเสียหาย
1) ด้านชีวิต ราษฎรเสียชีวิต 12 คน (จ.แม่ฮ่องสอน 9 คน จ.ลำปาง 2 คน จ.เชียงใหม่ 1 คน) สูญหาย 6 คน (จ.แม่ฮ่องสอน) บาดเจ็บ 85 คน เดือดร้อน 200,810 คน 43,500 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน สะพาน 165 แห่ง ถนน 373 สาย พื้นที่การเกษตร 389,430 ไร่ ฝาย/พนังกั้นน้ำ 176 แห่ง บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,135 หลัง ปศุสัตว์ 34,395 ตัว บ่อปลา 1,480 บ่อ
3) มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
2. สถานการณ์ปัจจุบัน
2.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 8 จังหวัด (จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง พะเยา ลำพูน สุโขทัย และอำนาจเจริญ) ระดับน้ำลดลงและสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่
2.2 พื้นที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี และเชียงราย มีดังนี้ ( ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2548 )
- ลุ่มน้ำโขง
(1) จังหวัดนครพนม ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ณ จุดตรวจบ้านหนองแสง อ.เมือง วัดได้ 11.44 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.10 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.45 เมตร) แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 11 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ โดยในพื้นที่ชุมชนระดับน้ำลดลงสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มที่เป็นพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำลดลง สถานการณ์ไม่รุนแรง
(2) จังหวัดมุกดาหาร ระดับน้ำในแม่น้ำโขงในเขต อ.เมืองฯ วัดได้ 11.81 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.60 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.79 เมตร แนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.หว้านใหญ่ อ.นิคมคำสร้อย อ.คำชะอี อ.ดอนตาล อ.ดงหลวง และอ.หนองสูง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ การเกษตรและพื้นที่ราบลุ่มรอบนอก ระดับน้ำลดลง สถานการณ์ไม่รุนแรง สำหรับในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ระดับน้ำโขงลดลง ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขัง 2 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนศรีมงคลเหนือ และชุมชนร่วมพัฒนาศรีมงคล
(3) จังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำที่อำเภอโขงเจียม วัดได้ 13.39 เมตร (ระดับตลิ่ง 16.20 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.31 เมตร ขณะนี้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูล ลำน้ำชีและลำน้ำโขง มีระดับลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพธิ์ไทร โดยท่วมพื้นที่การเกษตรรอบนอก ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ
การให้ความช่วยเหลือ
1. เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2548 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมและเยี่ยมราษฎรที่ประสบภัย ณ โรงเรียนห้วยทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร และชุมชนศรีมงคลเหนือ เทศบาลเมืองมุกดาหาร และที่บ้านปากบัง ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม โดยได้มอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่เดือดร้อน จำนวน 450 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
- และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม ให้ทั่วถึง และให้ระดมเรือท้องแบนสนับสนุนเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่ระดับน้ำยังท่วมสูง สำหรับพื้นที่ใดที่ระดับน้ำลดแล้ว ให้แขวงการทาง ทางหลวงชนบท ท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายให้สามารถสัญจรได้โดยด่วน
2. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดส่งถุงยังชีพเพิ่มเติม ให้แก่จังหวัดนครพนม 5,000 ชุด และจังหวัดมุกดาหาร 5,000 ชุด โดยส่งถึงเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2548
3. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงเขตจังหวัดนครพนม (นรข.) ส่งเรือท้องแบน 5 ลำ รถบรรทุกขนาดใหญ่ 1 คัน และตำรวจน้ำ 1 ลำ ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน
4. เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2548 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งเรือท้องแบนจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร 20 ลำ รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 4 คัน ไปช่วยเหลือที่จังหวัดนครพนมและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 ขอนแก่น 20 ลำ ไปช่วยเหลือที่จังหวัดมุกดาหาร
5. จังหวัดมุกดาหาร และนครพนม ได้อนุมัติจัดสรรวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้อำเภอละ 500,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วน และจัดพื้นที่ปลอดภัยรองรับการอพยพ สนับสนุนกระสอบทรายวางปิดกั้นน้ำแล้ว 16,000 ใบ
- ลุ่มน้ำกก
(4) จังหวัดเชียงราย ได้เกิดฝนตกหนักในวันที่ 27 สิงหาคม 2548 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลบ่าจากเทือกเขาดอยนางแลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่จัน รวม 5 ตำบล 31 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 9,180 คน 2,592 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ ขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ชุมชนลดลงสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มทางการเกษตรเป็นบางพื้นที่
การให้ความช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (นายยงยุทธ ติยะไพรัช) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายสุนทร ริ้วเหลือง) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อำนวยการประสานความช่วยเหลือในพื้นที่อำเภอแม่จัน โดยได้แจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 480 ชุด และจัดส่งเรือท้องแบนพร้อมกำลังพลของทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อปพร. ไปสนับสนุนและบริการประชาชนในการบรรทุกประชาชนสัญจรไป-มาในบริเวณที่เกิดน้ำท่วมขัง จำนวน 6 ลำ
3. การตรวจสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยของนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2548 นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดนครราชสีมาและตรวจสถานการณ์อุทกภัยและเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยมีข้อสั่งการ ดังนี้
3.1) การประชุมที่เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
1) การแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะสั้น
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
1.เร่งจ่ายเงินชดเชยภัยแล้งปี 47/48 - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
แก่เกษตรกรโดยด่วนจะเข้าที่ประชุม
คณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 30
สิงหาคม 2548
2.น้ำอุปโภค/บริโภค น้ำประปาหมู่บ้าน - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
-ซ่อม/เป่าล้างบ่อบาดาล 1,000 - กรมทรัพยากรธรรมชาติและ ทรัพยากรธรรมชาติและ
หมู่บ้าน ให้แล้วเสร็จภายใน3เดือน สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม
-สร้างประปาหมู่บ้าน600หมู่บ้าน - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้แล้วเสร็จภายใน6-8เดือน
3.โครงการก่อสร้างต่างๆที่มีแบบแล้ว - กระทรวงคมนาคม - สำนักนายกรัฐมนตรี
พร้อมประมูลได้แต่ยังไม่มีงบประมาณ - สำนักนายกรัฐมนตรี - ผู้ว่าราชการจังหวัด
ให้ประสานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อขอโอนงบฯให้ประมูลได้และทัน
ต่อการแก้ไขปัญหา
4.ให้จังหวัดสำรวจพืชที่เพาะปลูกแล้ว - กระทรวงวิทยาศาสตร์และ - รัฐมนตรีว่าการ
จำเป็นที่ต้องแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้ เทคโนโลยี กระทรางเกษตรและ
พืชตายในฤดูการเพาะปลูก โดย - กระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์
ประสานกับกระทรวงเกษตรและ - กระทรวงกลาโหม
สหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สถาบันการศึกษา และฝ่ายทหาร
5.การปฏิบัติการฝนหลวงต้องดำเนินการ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ต่อไป โดยปรับย้ายฐานบินและเพิ่ม เกษตรและสหกรณ์
เครื่องบินปฏิบัติการ
6.ฝายแม้ว ต้องจัดทำให้มีจำนวนมาก - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เพียงพอกับพื้นที่ประสบภัยแล้ว เกษตรและสหกรณ์
2)การแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะกลาง
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
โครงการที่มีแบบแล้วแต่ไม่มีงบประมาณ - สำนักนายกรัฐมนตรี - สำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ประสานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - ผู้ว่าราชการจังหวัด
ขอโอนงบประมาณให้ประมูลได้เลย เพื่อ - กระทรวงวิทยาศาสตร์และ
จะได้ทันแก้ปัญหาในระยะสั้นและระยะกลาง เทคโนโลยี
- กระทรวงศึกษาธิการ
- กระทรวงกลาโหม
3)การแก้ไขปัยหาภัยแล้งระยะยาว
ข้อสั่งการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบ
1.สำรวจพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้าง - กระทรวงเกษตรและ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อ่างเก็บน้ำ/แก้มลิงและการใช้ สหกรณ์ โดย กรมชลประทาน เกษตรและสหกรณ์
2.ให้จัดทำเขื่อนยางในลำน้ำพร้อม - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ประตูปิด-เปิดน้ำทั้งระบบ เกษตรและสหกรณ์
3.การขุดลอกแหล่งน้ำ หากจำเป็นต้อง - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ขุดลอก ให้กรมชลประทาน กรมขนส่ง โดยกรมชลประทาน เกษตรและสหกรณ์
ทางน้ำและพานิชยนาวี ประสานกับ - กระทรวงคมนาคม - ผู้ว่าราชการจังหวัด
กระทรวงมหาดไทย สำรวจความ - กระทรวงมหาดไทย
เหมาะสมเพื่อขุดดินทรายเป็นเขตเฉพาะ
โดยเชิญชวนเอกชนผู้สนใจเข้าร่วม
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ
จารุสมบัติ) เป็นประธาน รองนายก
รัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เป็น
ที่ปรึกษาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา
ปรึกษาและดำเนินการ
3.2) การตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดนครพนม
นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้บินตรวจลำน้ำโขงและลำน้ำสาขาในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม อ.ท่าอุเทน และ อ.เมืองฯ และพบปะประชาชนผู้ประสบภัยที่โรงเรียนสหราษฎร์ เทศบาลตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม พร้อมกับแจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย จำนวน 1,000 ชุด และได้เดินทางกลับมายังสนามบินจังหวัดนครพนมแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัย 1,000 ชุด จากนั้นได้ประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำโขงกับผู้เกี่ยวข้อง สรุปผลการประชุม ได้ดังนี้
ความต้องการของจังหวัด/ส่วนราชการ งบประมาณ ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี หน่วยงานรับผิดชอบ
1.การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว -การออกแบบควรจะทำลึก กรมชลประทาน
ต้องทำประตูน้ำเพื่อปิด-เปิด ในลำน้ำ จากปากน้ำเข้าไปในพื้นที่ กระทรวงเกษตรและ
สาขาของลำน้ำโขง 15 สาย ตั้งแต่ จะช่วยป้องกันระบบนิเวศน์ สหกรณ์
จังหวัดเลยจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี และลดงบประมาณในการ
ดำเนินการแล้ว 3 แห่ง อยู่ระหว่าง ก่อสร้างเนื่องจากความ
ดำเนินการ ดังนี้ กว้างของแม่น้ำแคบลง
- ลุ่มน้ำก่ำตอนล่างได้รับงบประมาณ -การออกแบบและการ
ดำเนินการในปี 2549 ประมูลเป็น Unit Course
- มีความพร้อมสามารถดำเนินการ แล้วทำดีไซน์บิวด์
ได้ 3 แห่ง แต่ยังไม่ได้รับ (Desingn build) จะทำ
งบประมาณดำเนินการ ให้เร็วขึ้น
-ต้องออกแบบเป็นช่วงๆ
และฝายยางควบคู่กันหรือ
ทำต่อเนื่องกันไป
2.การสำรวจฝายยางลำน้ำสาขาเป็น กรมชลประทาน
ขั้นบันไดขึ้นไปจำนวน63แห่ง และ
ปั๊มน้ำ 15 จุด
3.การสำรวจฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็ก 23,000,000 กรมชลประทาน
เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้หลังน้ำลด
จำนวน 145 แห่ง แก้มลิง จำนวน
15 แห่ง
4.เรื่องระบบประปาหมู่บ้าน ให้กระทรวงทรัพยากร กระทรวงทรัพยากร
(1)จังหวัดนครพนมมีหมู่บ้านทั้งหมด 247,000,000 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติและ
1,105 หมู่บ้าน มีระบบประปาแล้ว ประสานผู้ว่าราชการ สิ่งแวดล้อม/จังหวัด
1,069 หมู่บ้าน ชำรุด 95 หมู่บ้าน จังหวัดดำเนินการในพื้นที่
และยังไม่มีระบบประปา หมู่บ้าน
36 หมู่บ้าน
(2)จังหวัดมุกดาหาร มีหมู่บ้าน 80,000,000
519 หมู่บ้าน มีระบบประปาแล้ว
504 หมู่บ้าน ชำรุด 178 หมู่บ้าน
ยังไม่มีระบบประปา 15 หมู่บ้าน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--