ทำเนียบรัฐบาล--5 ต.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงศึกษา ธิการ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาที่สำ นักงาน กพ. ได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาการตรวจพิจารณา แล้วดำ เนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. สนับสนุนการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ โดยควรตัดคำว่า "แห่งชาติ" ออกจากท้ายชื่อของสถาบันศิลปกรรมแห่งชาติ เนื่องจากความเป็น แห่งชาติควรมีเพียงหน่วยงานเดียวที่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในเรื่องที่รับผิดชอบได้ ในกรณีของ การสอนศิลปกรรม ซึ่งมีการสอนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หลายแห่ง จึงยังไม่ควรตั้งคำว่าแห่งชาติท้ายชื่อ หน่วยงานดังกล่าว สำหรับการเรียกชื่อสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและโบราณคดี และกำหนดชื่อว่า "สำ นักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ" แทน เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการและขั้นตอนการดำเนิน งานของส่วนราชการ
2. หน่วยงานที่ปรับปรุงและจัดตั้งขึ้นบางหน่วยงาน เช่น หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุ แห่งชาติ มีลักษณะงานที่มีความสำคัญเพราะเป็นแหล่งศึกษาอ้างอิงระดับชาติ ซึ่งในนานาอารยะประเทศ ได้จัดให้องค์การมีรูปแบบการบริหารและการจัดการที่คล่องตัว ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษารูปแบบ การจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว ให้มีลักษณะของการบริหารการจัดการและดำเนินการได้ด้วยตัว เองอย่างคล่องตัว สามารถปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ บาล ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการควรดำเนินการศึกษารูปแบบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 เพื่อจะได้เริ่มดำเนินการบริหารและการจัดการในรูปแบบใหม่ ในแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ต่อไป
3. การจัดสรรอัตรากำลัง ให้นำอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมากำหนดเป็นอัตรากำลังของส่วน ราชการที่ปรับปรุงใหม่ โดยไม่เพิ่มจำนวนตำแหน่ง ซึ่งกรมศิลปากรจะต้องขอความตกลงกับสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 ตุลาคม 2537--
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงศึกษา ธิการ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาที่สำ นักงาน กพ. ได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาการตรวจพิจารณา แล้วดำ เนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. สนับสนุนการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ โดยควรตัดคำว่า "แห่งชาติ" ออกจากท้ายชื่อของสถาบันศิลปกรรมแห่งชาติ เนื่องจากความเป็น แห่งชาติควรมีเพียงหน่วยงานเดียวที่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในเรื่องที่รับผิดชอบได้ ในกรณีของ การสอนศิลปกรรม ซึ่งมีการสอนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หลายแห่ง จึงยังไม่ควรตั้งคำว่าแห่งชาติท้ายชื่อ หน่วยงานดังกล่าว สำหรับการเรียกชื่อสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและโบราณคดี และกำหนดชื่อว่า "สำ นักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ" แทน เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการและขั้นตอนการดำเนิน งานของส่วนราชการ
2. หน่วยงานที่ปรับปรุงและจัดตั้งขึ้นบางหน่วยงาน เช่น หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุ แห่งชาติ มีลักษณะงานที่มีความสำคัญเพราะเป็นแหล่งศึกษาอ้างอิงระดับชาติ ซึ่งในนานาอารยะประเทศ ได้จัดให้องค์การมีรูปแบบการบริหารและการจัดการที่คล่องตัว ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษารูปแบบ การจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว ให้มีลักษณะของการบริหารการจัดการและดำเนินการได้ด้วยตัว เองอย่างคล่องตัว สามารถปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ บาล ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการควรดำเนินการศึกษารูปแบบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 เพื่อจะได้เริ่มดำเนินการบริหารและการจัดการในรูปแบบใหม่ ในแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ต่อไป
3. การจัดสรรอัตรากำลัง ให้นำอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมากำหนดเป็นอัตรากำลังของส่วน ราชการที่ปรับปรุงใหม่ โดยไม่เพิ่มจำนวนตำแหน่ง ซึ่งกรมศิลปากรจะต้องขอความตกลงกับสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 ตุลาคม 2537--