ทำเนียบรัฐบาล--13 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่อง อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการพิจารณาดำเนินการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ดังนี้
1. การได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ทุกประเภท จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมความรู้ความสามารถหลายด้านตามหลักสูตรอย่างครบถ้วน ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร การควบคุมยานพาหนะ มารยาทและวินัยในการใช้รถใช้ถนนซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมตามหลักสูตร ระยะหนึ่ง การทดสอบเพียงข้อเขียนและการสอบขับรถยนต์ น่าจะไม่เพียงพอที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่
2. การใช้ยาขณะขับขี่รถยนต์ ทั้งยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยปกติ ซึ่งมีผลต่อการสั่งงานของระบบประสาท เช่น ยาแก้ไข้หวัด หรือยาบ้า เป็นต้น ควรมีการตั้งจุดสุ่มตรวจหายาดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
3. การกำหนดพื้นที่เฉพาะเพื่อการจราจรให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชนหรือเขตเมือง เช่น บัสเลนส์ช่องทางขนส่งมวลชน เขตห้ามเดินรถบรรทุกหรือรถโดยสารรับจ้างไม่ประจำทาง ช่องทางเดินรถสำหรับรถรับส่งนักเรียน เป็นต้น
4. กวดขันตรวจจับการใช้ความเร็ว และการห้ามเดินรถบางประเภท ในเวลาเร่งด่วน
5. ควรกำหนดไหล่ทาง หรือจุดจอดรถสำหรับหยุดรถรับส่งผู้โดยสารและนักเรียน แยกจากช่องทางปกติ ตามทางหลวงแผ่นดิน หรือถนนทั่วประเทศให้ทั่วถึง และมีเครื่องหมายที่เห็นชัดเจน
6. มีการควบคุมจำนวนชั่วโมงเวลาในการทำงานของพนักงานขับรถยนต์บรรทุก และรถโดยสารขนาดใหญ่
7. ก่อนเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ให้มีการตรวจสภาพรถทุกคันโดยเคร่งครัด ให้รถอยู่ในสภาพไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้ได้โดยปลอดภัย
8. ควรมีศาลจราจร พิจารณาคดีกับผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจรอย่างจริงจัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 13 พฤษภาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่อง อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการพิจารณาดำเนินการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ดังนี้
1. การได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ทุกประเภท จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมความรู้ความสามารถหลายด้านตามหลักสูตรอย่างครบถ้วน ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร การควบคุมยานพาหนะ มารยาทและวินัยในการใช้รถใช้ถนนซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมตามหลักสูตร ระยะหนึ่ง การทดสอบเพียงข้อเขียนและการสอบขับรถยนต์ น่าจะไม่เพียงพอที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่
2. การใช้ยาขณะขับขี่รถยนต์ ทั้งยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยปกติ ซึ่งมีผลต่อการสั่งงานของระบบประสาท เช่น ยาแก้ไข้หวัด หรือยาบ้า เป็นต้น ควรมีการตั้งจุดสุ่มตรวจหายาดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
3. การกำหนดพื้นที่เฉพาะเพื่อการจราจรให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชนหรือเขตเมือง เช่น บัสเลนส์ช่องทางขนส่งมวลชน เขตห้ามเดินรถบรรทุกหรือรถโดยสารรับจ้างไม่ประจำทาง ช่องทางเดินรถสำหรับรถรับส่งนักเรียน เป็นต้น
4. กวดขันตรวจจับการใช้ความเร็ว และการห้ามเดินรถบางประเภท ในเวลาเร่งด่วน
5. ควรกำหนดไหล่ทาง หรือจุดจอดรถสำหรับหยุดรถรับส่งผู้โดยสารและนักเรียน แยกจากช่องทางปกติ ตามทางหลวงแผ่นดิน หรือถนนทั่วประเทศให้ทั่วถึง และมีเครื่องหมายที่เห็นชัดเจน
6. มีการควบคุมจำนวนชั่วโมงเวลาในการทำงานของพนักงานขับรถยนต์บรรทุก และรถโดยสารขนาดใหญ่
7. ก่อนเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ให้มีการตรวจสภาพรถทุกคันโดยเคร่งครัด ให้รถอยู่ในสภาพไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้ได้โดยปลอดภัย
8. ควรมีศาลจราจร พิจารณาคดีกับผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจรอย่างจริงจัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 13 พฤษภาคม 2540--