ทำเนียบรัฐบาล--3 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการทั่วไปได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินลดลงเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต้องเลือกสรรการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการมากขึ้นเพื่อระมัดระวังไม่ให้มีความเสี่ยง ธนาคารจึงได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อสนับสนุนภาคการส่งออกให้ขยายตัวเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าเพิ่มขึ้นทำให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น และช่วยเหลือผู้ส่งออกได้เป็นการทั่วไป ธนาคารจะสนับสนุนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) ให้มีวงเงินกู้ขยายเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถนำไปให้กู้แก่ผู้ส่งออกผ่านธนาคารพาณิชย์ได้มากขึ้น ธนาคารจึงได้พิจารณาเพิ่มวงเงินการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกให้กับ ธสน. อีก 7,000 ล้านบาท รวมเป็น 33,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อนำไปรวมกับเงินของธนาคารพาณิชย์อีกครึ่งหนึ่งจะทำให้มีวงเงินปล่อยให้กับผู้ส่งออกเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาท หรือรวมเป็น 66,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับการขยายตัวในระยะนี้
ทางด้านผู้ส่งออกที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากธนาคารผ่าน ธสน. และธนาคารพาณิชย์ในระยะนี้ อาจจะต้องมีภาระของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะต้องเพิ่มความระมัดระวังด้านความเสี่ยง ทั้งนี้ ธนาคารได้หารือกับ ธสน.เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออกซึ่งควรจะเป็นระดับต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าชั้นดีได้รับ โดยขณะนี้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ 12.0 ต่อปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 3 พฤศจิกายน 2540--
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการทั่วไปได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินลดลงเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต้องเลือกสรรการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการมากขึ้นเพื่อระมัดระวังไม่ให้มีความเสี่ยง ธนาคารจึงได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อสนับสนุนภาคการส่งออกให้ขยายตัวเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าเพิ่มขึ้นทำให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น และช่วยเหลือผู้ส่งออกได้เป็นการทั่วไป ธนาคารจะสนับสนุนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) ให้มีวงเงินกู้ขยายเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถนำไปให้กู้แก่ผู้ส่งออกผ่านธนาคารพาณิชย์ได้มากขึ้น ธนาคารจึงได้พิจารณาเพิ่มวงเงินการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกให้กับ ธสน. อีก 7,000 ล้านบาท รวมเป็น 33,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อนำไปรวมกับเงินของธนาคารพาณิชย์อีกครึ่งหนึ่งจะทำให้มีวงเงินปล่อยให้กับผู้ส่งออกเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาท หรือรวมเป็น 66,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับการขยายตัวในระยะนี้
ทางด้านผู้ส่งออกที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากธนาคารผ่าน ธสน. และธนาคารพาณิชย์ในระยะนี้ อาจจะต้องมีภาระของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะต้องเพิ่มความระมัดระวังด้านความเสี่ยง ทั้งนี้ ธนาคารได้หารือกับ ธสน.เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออกซึ่งควรจะเป็นระดับต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าชั้นดีได้รับ โดยขณะนี้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ 12.0 ต่อปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 3 พฤศจิกายน 2540--