ทำเนียบรัฐบาล--20 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รายงานสรุปสถานการณ์ความเสียหายและ การให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
1. ความเสียหาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปความเสียหายเท่าที่สำรวจได้ จนถึงวันที่ 18 กันยายน 2538 ได้ดังนี้
1.1 จังหวัดที่ประสบภัย 58 จังหวัด แยกเป็น
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำปาง พิจิตร แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี เชียงใหม่ พะเยา แพร่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิษณุโลก น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ลำพูน ตาก และจังหวัดกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ เลย มหาสารคาม นครพนม ยโสธร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อุบลราชธานี มุกดาหาร และจังหวัดอำนาจเจริญ
ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี ระยอง และจังหวัดนครนายก
ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท พระ นครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง ชุมพร สตูล สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ และจังหวัดตรัง
1.2 ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 612,453 ครอบครัว 2,313,062 คน เสียชีวิต 66 ราย อพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย 1,410 ครอบครัว 5,541 ครอบครัว บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้ง หลัง 109 หลัง บางส่วน 1,734 หลัง มูลค่าความเสียหายที่สำรวจได้ในชั้นต้น ประมาณ 1,740,662,156 บาท
2. การช่วยเหลือ
การช่วยเหลือระยะสั้น จังหวัดและอำเภอที่ประสบภัยได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้น โดยประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ที่ทำการปกครองจังหวัด ประชาสงเคราะห์จังหวัด สำนัก งานเร่งรัดพัฒนาชนทจังหวัด สำนักงานโยธาธิการจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด ทหาร ตำรวจ สมาชิก อส. อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และมูลนิธิต่าง ๆ ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงาน เพื่อให้ การช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบภัย และบรรเทาความเดือดร้อนในชั้นต้นอย่างต่อเนื่อง ในด้าน การอพยพราษฎรไปยังที่ปลอดภัย การแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค การรักษาพยาบาล การซ่อม แซมบ้านเรือนราษฎรที่เสียหาย การจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วม การขุดลอกสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเร่ง การระบาย เป็นต้น ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือมีลักษณะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบภัย ตามระเบียบเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจของจังหวัด (งบ 12 ล้านบาท) และอำเภอ (1 แสนบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2538 แล้ว เป็นเงิน 225,816,468 บาท การช่วย เหลือระยะต่อไป คณะรัฐมนตรีลงมติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2538 อนุมัติวงเงินงบประมาณประจำปี 2538 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม จำนวน 600 ล้านบาท ให้ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบหมายให้คณะกรรมการป้องกัน ภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ พิจารณาให้ความช่วยเหลือในการซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสีย หายตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้โดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รายงานสรุปสถานการณ์ความเสียหายและ การให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
1. ความเสียหาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปความเสียหายเท่าที่สำรวจได้ จนถึงวันที่ 18 กันยายน 2538 ได้ดังนี้
1.1 จังหวัดที่ประสบภัย 58 จังหวัด แยกเป็น
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำปาง พิจิตร แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี เชียงใหม่ พะเยา แพร่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิษณุโลก น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ลำพูน ตาก และจังหวัดกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ เลย มหาสารคาม นครพนม ยโสธร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อุบลราชธานี มุกดาหาร และจังหวัดอำนาจเจริญ
ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี ระยอง และจังหวัดนครนายก
ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท พระ นครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง ชุมพร สตูล สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ และจังหวัดตรัง
1.2 ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 612,453 ครอบครัว 2,313,062 คน เสียชีวิต 66 ราย อพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย 1,410 ครอบครัว 5,541 ครอบครัว บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้ง หลัง 109 หลัง บางส่วน 1,734 หลัง มูลค่าความเสียหายที่สำรวจได้ในชั้นต้น ประมาณ 1,740,662,156 บาท
2. การช่วยเหลือ
การช่วยเหลือระยะสั้น จังหวัดและอำเภอที่ประสบภัยได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้น โดยประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ที่ทำการปกครองจังหวัด ประชาสงเคราะห์จังหวัด สำนัก งานเร่งรัดพัฒนาชนทจังหวัด สำนักงานโยธาธิการจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด ทหาร ตำรวจ สมาชิก อส. อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และมูลนิธิต่าง ๆ ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงาน เพื่อให้ การช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบภัย และบรรเทาความเดือดร้อนในชั้นต้นอย่างต่อเนื่อง ในด้าน การอพยพราษฎรไปยังที่ปลอดภัย การแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค การรักษาพยาบาล การซ่อม แซมบ้านเรือนราษฎรที่เสียหาย การจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วม การขุดลอกสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเร่ง การระบาย เป็นต้น ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือมีลักษณะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบภัย ตามระเบียบเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจของจังหวัด (งบ 12 ล้านบาท) และอำเภอ (1 แสนบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2538 แล้ว เป็นเงิน 225,816,468 บาท การช่วย เหลือระยะต่อไป คณะรัฐมนตรีลงมติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2538 อนุมัติวงเงินงบประมาณประจำปี 2538 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม จำนวน 600 ล้านบาท ให้ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบหมายให้คณะกรรมการป้องกัน ภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ พิจารณาให้ความช่วยเหลือในการซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสีย หายตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้โดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--