แท็ก
รัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--9 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบประมวลผลการดำเนินงานของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2542 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม-แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้
ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2542 คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจได้มีการประชุมรวม 13 ครั้ง และมีเรื่องที่ได้นำเสนอคณะกรรมการฯ รวมทั้งสิ้น 63 เรื่อง (เป็นเรื่องอื่น ๆ 11 เรื่อง) โดยมีสาระสำคัญพอสรุปได้ ดังนี้
1. ดัชนีและเครื่องชี้เศรษฐกิจ จำนวน 6 เรื่อง แบ่งเป็น 5 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 2542 ได้แสดงถึงการอ่อนตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราเงินเฟ้อในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2542 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ของระยะเดียวกันกับปีที่แล้ว
2) รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2542 มีอัตราลดลงเล็กน้อยแต่ยังสูงกว่าจุดวกกลับในเดือนพฤษภาคม 2541
3) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาสที่ 2/2542 ขยายตัวร้อยละ 3.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้
4) ภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย แสดงถึงมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี มูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5
5) สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนตุลาคม 2542 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวในช่วงต้นเดือน และเพิ่มขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และ 87 อยู่ที่ 13.29, 12.49 และ 12.07 บาท/ลิตร ตามลำดับ และราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 10.09 บาท/ลิตร
2. ด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงินการคลัง จำนวน 26 เรื่อง แบ่งเป็น 5 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2542 ว่ามียอดหนี้คงค้างที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จจำนวน 680,187 ล้านบาท และตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2542มียอดคงค้างรวม 2,645,300 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.10 ของสินเชื่อรวม
2) หนี้สาธารณะของประเทศ ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 มียอดรวม 1,710,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 771,294 ล้านบาท
3) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2542 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้ตระหนักและเร่งหาแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินมากขึ้น และมาตรการปรับปรุงค่าใช้จ่ายภาครัฐ เช่น ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ค่าเช่าบ้านข้าราชการ เป็นต้น
4) รายงานผลการปล่อยสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง และความคืบหน้าของการช่วยเหลือและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2542 ทั้งนี้มียอดการปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้น 18,025 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.50 ของเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ โดยจำแนกเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางจำนวน 8,220.92 ล้านบาท และขนาดย่อมจำนวน 9,804.08 ล้านบาท ส่วนยอดการค้ำประกันสินเชื่อทั้งสิ้นมีมูลค่า 17.27ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.45 ของเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อ
5) ปัญหาการโอนสินค้าจากรายการสงวนชั่วคราวเข้าสู่รายการลดภาษีในกรอบอาฟต้า และการสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากร เพื่อกำหนดท่าทีของไทยในการโอนสินค้าจากรายการสงวนชั่วคราว(Temporary Exclusion List : TEL) เข้าสู่รายการลดภาษี ในกรณีของประเทศไทยอาจมีปัญหาสำหรับสินค้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งประเทศไทยสามารถระงับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยใช้มาตรา 6 ของ CEPT Agreement ว่าด้วยมาตรการฉุกเฉินแทน
3. ด้านการผลิต จำนวน 16 เรื่อง แบ่งเป็น 3 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) ด้านการผลิต มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา ได้แก่
- แผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อกำหนดแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งจัดทำกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่จะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร
- การแก้ไขปัญหาภาคอุตสาหกรรม โดยจำแนกออกเป็น 6 กลุ่ม 56 ประเด็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงประเด็นปัญหาเพิ่มเติมที่ภาคเอกชนเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันแก้ไขด้วย
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมครบวงจร เพื่อกำหนดทางเลือกของผลิตภัณฑ์ ที่ตั้ง รูปแบบ องค์ประกอบของโครงการ
2) ขั้นตอนการพิจารณาที่จะใช้เงินกู้ต่างประเทศ ตามระเบียบการก่อหนี้ของประเทศ พ.ศ. 2528 โดยคำนึงถึงข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
3) ด้านการส่งออก มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา คือ ผลการประชุมแผนปฏิบัติการส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกปี2543 ร่วมกับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และกลยุทธ์กระตุ้นการส่งออก เพื่อให้การจัดทำแผนงานการจัดทำเป้าหมายการส่งออกของประเทศ และการดำเนินงานด้านการส่งออกของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
4) ด้านการท่องเที่ยว มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา 3 เรื่อง คือ สถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2542 โครงการไทยเที่ยวไทยเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และแนวทางส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการในประเทศไทย
4. ด้านการลดผลกระทบทางด้านสังคม จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องภาวะการมีงานทำ โดยใช้ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติในรอบที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2542 มาทำการวิเคราะห์และได้จำแนกออกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1) ภาวะการมีงานทำช่วงต้นและกลางปี 2542 เพิ่มขึ้น 2) สถานการณ์การเลิกจ้างช่วง 7 เดือนของปี 2542 มีแนวโน้มลดลงและ 3) แนวโน้มการมีงานทำ/การว่างงานครึ่งหลังปี 2542 คาดว่าการวางงานเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 1.41 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 4.21 ของกำลังแรงงานรวม
5. ด้านการปฏิรูประบบบริหารจัดการ จำนวน 1 เรื่อง คือ ประมวลผลการดำเนินงานของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี 2542
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 พฤศจิกายน 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบประมวลผลการดำเนินงานของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2542 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม-แห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้
ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2542 คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจได้มีการประชุมรวม 13 ครั้ง และมีเรื่องที่ได้นำเสนอคณะกรรมการฯ รวมทั้งสิ้น 63 เรื่อง (เป็นเรื่องอื่น ๆ 11 เรื่อง) โดยมีสาระสำคัญพอสรุปได้ ดังนี้
1. ดัชนีและเครื่องชี้เศรษฐกิจ จำนวน 6 เรื่อง แบ่งเป็น 5 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 2542 ได้แสดงถึงการอ่อนตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราเงินเฟ้อในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2542 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ของระยะเดียวกันกับปีที่แล้ว
2) รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2542 มีอัตราลดลงเล็กน้อยแต่ยังสูงกว่าจุดวกกลับในเดือนพฤษภาคม 2541
3) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาสที่ 2/2542 ขยายตัวร้อยละ 3.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้
4) ภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย แสดงถึงมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี มูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5
5) สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนตุลาคม 2542 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวในช่วงต้นเดือน และเพิ่มขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และ 87 อยู่ที่ 13.29, 12.49 และ 12.07 บาท/ลิตร ตามลำดับ และราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 10.09 บาท/ลิตร
2. ด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงินการคลัง จำนวน 26 เรื่อง แบ่งเป็น 5 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2542 ว่ามียอดหนี้คงค้างที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จจำนวน 680,187 ล้านบาท และตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2542มียอดคงค้างรวม 2,645,300 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.10 ของสินเชื่อรวม
2) หนี้สาธารณะของประเทศ ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 มียอดรวม 1,710,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 771,294 ล้านบาท
3) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2542 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้ตระหนักและเร่งหาแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินมากขึ้น และมาตรการปรับปรุงค่าใช้จ่ายภาครัฐ เช่น ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ค่าเช่าบ้านข้าราชการ เป็นต้น
4) รายงานผลการปล่อยสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง และความคืบหน้าของการช่วยเหลือและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2542 ทั้งนี้มียอดการปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้น 18,025 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.50 ของเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ โดยจำแนกเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางจำนวน 8,220.92 ล้านบาท และขนาดย่อมจำนวน 9,804.08 ล้านบาท ส่วนยอดการค้ำประกันสินเชื่อทั้งสิ้นมีมูลค่า 17.27ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.45 ของเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อ
5) ปัญหาการโอนสินค้าจากรายการสงวนชั่วคราวเข้าสู่รายการลดภาษีในกรอบอาฟต้า และการสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากร เพื่อกำหนดท่าทีของไทยในการโอนสินค้าจากรายการสงวนชั่วคราว(Temporary Exclusion List : TEL) เข้าสู่รายการลดภาษี ในกรณีของประเทศไทยอาจมีปัญหาสำหรับสินค้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งประเทศไทยสามารถระงับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยใช้มาตรา 6 ของ CEPT Agreement ว่าด้วยมาตรการฉุกเฉินแทน
3. ด้านการผลิต จำนวน 16 เรื่อง แบ่งเป็น 3 หัวข้อที่สำคัญ ได้แก่
1) ด้านการผลิต มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา ได้แก่
- แผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อกำหนดแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งจัดทำกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่จะเป็นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร
- การแก้ไขปัญหาภาคอุตสาหกรรม โดยจำแนกออกเป็น 6 กลุ่ม 56 ประเด็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงประเด็นปัญหาเพิ่มเติมที่ภาคเอกชนเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันแก้ไขด้วย
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมครบวงจร เพื่อกำหนดทางเลือกของผลิตภัณฑ์ ที่ตั้ง รูปแบบ องค์ประกอบของโครงการ
2) ขั้นตอนการพิจารณาที่จะใช้เงินกู้ต่างประเทศ ตามระเบียบการก่อหนี้ของประเทศ พ.ศ. 2528 โดยคำนึงถึงข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
3) ด้านการส่งออก มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา คือ ผลการประชุมแผนปฏิบัติการส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกปี2543 ร่วมกับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และกลยุทธ์กระตุ้นการส่งออก เพื่อให้การจัดทำแผนงานการจัดทำเป้าหมายการส่งออกของประเทศ และการดำเนินงานด้านการส่งออกของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
4) ด้านการท่องเที่ยว มีเรื่องสำคัญที่ได้พิจารณา 3 เรื่อง คือ สถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2542 โครงการไทยเที่ยวไทยเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และแนวทางส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการในประเทศไทย
4. ด้านการลดผลกระทบทางด้านสังคม จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องภาวะการมีงานทำ โดยใช้ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติในรอบที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2542 มาทำการวิเคราะห์และได้จำแนกออกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1) ภาวะการมีงานทำช่วงต้นและกลางปี 2542 เพิ่มขึ้น 2) สถานการณ์การเลิกจ้างช่วง 7 เดือนของปี 2542 มีแนวโน้มลดลงและ 3) แนวโน้มการมีงานทำ/การว่างงานครึ่งหลังปี 2542 คาดว่าการวางงานเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 1.41 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 4.21 ของกำลังแรงงานรวม
5. ด้านการปฏิรูประบบบริหารจัดการ จำนวน 1 เรื่อง คือ ประมวลผลการดำเนินงานของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี 2542
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 พฤศจิกายน 2542--