แท็ก
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--28 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นกับทางราชการตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 106 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2541 ตามที่คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นกับทางราชการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา(กกอ.) เสนอ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปได้โดยรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติได้ทันเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี ให้ขยายเวลาการยื่นความประสงค์ของผู้ประกอบการออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งได้ระบุวันที่แน่นอนไว้ในแนวทางปฏิบัติมาเพื่อโปรดทราบ และเวียนให้หน่วยงานต่าง ๆ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป รวม 11 แนวทาง ดังนี้
1. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ "นิติสัมพันธ์"
1.1 "นิติสัมพันธ์" ตามมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ ให้หมายความถึง กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือหลายกรณีที่เกิดขึ้น ณ วันที่2 กรกฎาคม 2540 ดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ยังไม่มีการส่งมอบวัสดุหรือครุภัณฑ์ หรือส่งมอบงาน
2) กรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้าง/ตรวจรับยังไม่ตรวจรับของ
1.2 กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการคู่สัญญาได้บอกเลิกสัญญาไปแล้วก่อนการยื่นขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง ให้ถือว่าไม่มีนิติสัมพันธ์กันตามความหมายนี้
1.3 กรณีที่อยู่ในช่วงรับประกันความชำรุดบกพร่อง หรือรับประกันผลงาน ให้ถือว่าไม่มีนิติสัมพันธ์กันตามความหมายนี้
2. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนับเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี
2.1 ให้ผู้ประกอบการยื่นขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลงต่อคู่สัญญาทั้งส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ เป็นหนังสือภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2541
2.2 กรณีคาดว่าสามารถตกลงกันได้ก็ให้ผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะยื่นขอขยายเวลาได้ภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2541(กรณียังไม่เคยมีการยื่นขอขยายเวลาไว้ตามนัย มติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541)
แต่ถ้าได้มีการยื่นขอขยายเวลาตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 200 ลงวันที่ 16 กันยายน 2540 และที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541 และได้รับการขยายเวลาไปแล้วก็ไม่ได้รับสิทธิการขยายเวลาอีก
2.3 กรณีคาดว่าไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะยื่นขอยกเลิกสัญญา หรือข้อตกลงได้ ภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2541 (กรณียังไม่เคยมีการยื่นขอไว้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541)
การอนุมัติให้ขยายเวลา หรือการยกเลิกสัญญาตามคำขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมติคณะรัฐมนตรีที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541 ยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนเวลาในการอนุมัติให้ขยายเวลาตาม ว 70 (กำหนดไว้ว่าต้องอนุมัติให้เสร็จภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2541 และ 10 กรกฎาคม 2541)
3. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "วัสดุและครุภัณฑ์"
"วัสดุและครุภัณฑ์" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วัสดุและครุภัณฑ์ตามหลักเกณฑ์การจำแนกประเภทรายจ่ายของสำนักงบประมาณ ดังนี้
3.1 "วัสดุ" ให้หมายความถึง สิ่งของ ซึ่งโดยสภาพย่อมสิ้นเปลือง เปลี่ยน หรือสลายตัวในระยะเวลาอันสั้น รวมทั้งสิ่งของที่ส่วนราชการซื้อมาเพื่อการก่อสร้าง การบำรุงรักษา หรือซ่อมแซมทรัพย์สิน
3.2 "ครุภัณฑ์" ให้หมายความถึง สิ่งของซึ่งตามปกติมีลักษณะคงทนถาวร มีอายุการใช้ยืนนาน
4. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเจรจา
4.1 ให้ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ ตรวจสอบหลักฐานประกอบ คือ
1) คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง ให้ยื่นขอมาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2541
2) สัญญา หรือข้อตกลง ที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงจะต้องเสนอราคาไว้ ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และยังมีผลบังคับใช้ หรือยังมีนิติสัมพันธ์กันในความหมายตามข้อ 1
3) ยอดวงเงินวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศบางส่วนหรือทั้งหมดที่ต้องการใช้ประกอบการเจรจาตกลง โดยให้ระบุอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเสนอราคา
4) กรณีวัสดุและครุภัณฑ์ตามสัญญาก่อสร้างให้ใช้ราคาวัสดุก่อสร้างของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์เป็นหลักในการเจรจาเปรียบเทียบราคาสำหรับครุภัณฑ์ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้ใช้ราคามาตรฐานของสำนักงบประมาณ หากไม่มีราคาดังกล่าวก็ให้ดูราคาตลาดที่เหมาะสมเป็นเกณฑ์ได้
5) กรณีที่การเปลี่ยนแปลงอาจมีผลกระทบทางด้านเทคนิคเฉพาะอย่าง หรือความมั่นคงแข็งแรงจะต้องมีการรับรองจากผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองด้วย
4.2 การเจรจาให้มีหลักเกณฑ์ประกอบในเรื่อง ดังนี้
1) กรณีเป็นวัสดุหรือครุภัณฑ์ซึ่งจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วน ให้ถือเป็นหลักการว่าส่วนราชการจะต้องทำความตกลงกับผู้ประกอบการให้ใช้ของที่ผลิต หรือประกอบในปประเทศทดแทนก่อน
2) กรณีมีการเจรจาตกลงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุ และครุภัณฑ์จากต่างประเทศเป็นของที่ผลิต หรือประกอบภายในประเทศ หรือการเจรจาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุ และครุภัณฑ์ จากต่างประเทศเป็นของต่างประเทศด้วยกัน (กรณีไม่สามารถหาของที่ผลิต หรือประกอบภายในประเทศทดแทนได้ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเจรจา หรืออัตรา/ราคาที่สืบมาด้วยวิธีการตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ แล้วแต่กรณี) ก็ให้ปรับวงเงินโดยใช้ราคาตามข้อ 4.1 (4)
3) กรณีมีการเจรจาตกลงเพิ่ม/ลดรายการ และหรือจำนวน ก็ให้ปรับวงเงินตามวัสดุและครุภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ต้องไม่เกินวงเงินตามสัญญาเดิม
4) การเปลี่ยนแปลงตามข้อ 1) - 3) ต้องให้ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ทางราชการกำหนดไว้
5) หลังจากเจรจาแล้วให้ถือเป็นที่ยุติ
5. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "วงเงินเดิมตามสัญญา"
5.1 "วงเงินเดิมตามสัญญา" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วงเงินที่ระบุไว้ในสัญญาที่ยังไม่มีการแก้ไข
5.2 กรณีที่มีการแก้ไขสัญญาที่ทำให้วงเงินเดิมตามสัญญาเปลี่ยนแปลงไป ก็ให้วงเงินที่มีการแก้ไขแล้วมีความหมายเป็นวงเงินเดิมตามข้อ 5.1
6. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรอง"
6.1 "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองกรณีมีผลกระทบด้านความมั่นคงแข็งแรง" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ กรณีสัญญาก่อสร้างให้หมายความถึง วิศวกร สถาปนิกและวิศวกร ซึ่งรับผิดชอบ หรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะแบบ และรายการของงานก่อสร้าง
6.2 "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองกรณีมีผลกระทบทางด้านเทคนิคเฉพาะอย่าง" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ กรณีสัญญาอื่น ๆ ให้หมายความถึง ผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบ หรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะงานเทคนิคเฉพาะอย่างนั้น
7. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ยอดวงเงินนำเข้าวัสดุและครุภัณฑ์จากต่างประเทศ"
7.1 "ยอดวงเงินนำเข้าวัสดุและครุภัณฑ์จากต่างประเทศ" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วงเงินค่าวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วนตามสัญญา ที่ต้องการเจรจาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญากับส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ
7.2 วัสดุและครุภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการต้องการเจรจาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญากับส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ ตามข้อ 7.1 จะต้องเป็นวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วนเท่านั้น
8. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "หัวหน้าส่วนราชการ"
8.1 "หัวหน้าส่วนราชการผู้พิจารณาเห็นชอบ" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง อธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ หรือมีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ หัวหน้าส่วนราชการส่วนท้องถิ่น สำหรับราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้หมายความถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ
8.2 เนื่องจากการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีมีข้อจำกัดทางด้านระยะเวลา ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเป็นไปโดยรวดเร็ว ให้มีการมอบอำนาจกันได้
9. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา"
9.1 คำว่า "ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา" ตามมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ ให้หมายความถึง กรณีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรง หรือกรณีที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม เช่น วิกฤติการณ์จากสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ
9.2 กรณีการซื้อขายวัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ ที่ผลิตหรือประกอบภายในประเทศ แต่นำเข้าชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ ให้ถือว่าเป็นกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา เช่นเดียวกับกรณีเป็นสิ่งของที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
10. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ผู้ประกอบการคนไทย" และ "กิจการร่วมค้านิติบุคคลสัญชาติไทย"
10.1 "ผู้ประกอบการคนไทย" หมายความถึง บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลสัญชาติไทยที่มีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50
10.2 "กิจการร่วมค้านิติบุคคลสัญชาติไทย" หมายความถึง กิจการร่วมค้าที่ได้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลภายใต้กฎหมายไทย โดยนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องมีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50 ทั้งนี้ให้หมายความถึงกิจการร่วมค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนสัญชาติไทยแต่มีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50
10.3 กิจการร่วมค้าที่ได้รับสิทธิในเรื่องนี้ถ้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยก่อนวันที่ 16 มิถุนายน 2541(วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องนี้) ก็ให้อนุโลมว่าเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย ณ วันทำสัญญาด้วย
11. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีมีปัญหาเจรจาตกลงกันไม่ได้
11.1 กรณีที่คู่สัญญาได้มีการเจรจากันแล้ว แต่ไม่อาจตกลงกันได้ ก็ให้สามารถร้องเรียนมาที่คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เป็นประธาน) เพื่อพิจารณาหาข้อยุติ
11.2 การพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตามข้อ 11.1 ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กรกฎาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นกับทางราชการตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 106 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2541 ตามที่คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นกับทางราชการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา(กกอ.) เสนอ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปได้โดยรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติได้ทันเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี ให้ขยายเวลาการยื่นความประสงค์ของผู้ประกอบการออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งได้ระบุวันที่แน่นอนไว้ในแนวทางปฏิบัติมาเพื่อโปรดทราบ และเวียนให้หน่วยงานต่าง ๆ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป รวม 11 แนวทาง ดังนี้
1. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ "นิติสัมพันธ์"
1.1 "นิติสัมพันธ์" ตามมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ ให้หมายความถึง กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือหลายกรณีที่เกิดขึ้น ณ วันที่2 กรกฎาคม 2540 ดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ยังไม่มีการส่งมอบวัสดุหรือครุภัณฑ์ หรือส่งมอบงาน
2) กรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้าง/ตรวจรับยังไม่ตรวจรับของ
1.2 กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการคู่สัญญาได้บอกเลิกสัญญาไปแล้วก่อนการยื่นขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง ให้ถือว่าไม่มีนิติสัมพันธ์กันตามความหมายนี้
1.3 กรณีที่อยู่ในช่วงรับประกันความชำรุดบกพร่อง หรือรับประกันผลงาน ให้ถือว่าไม่มีนิติสัมพันธ์กันตามความหมายนี้
2. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนับเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี
2.1 ให้ผู้ประกอบการยื่นขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลงต่อคู่สัญญาทั้งส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ เป็นหนังสือภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2541
2.2 กรณีคาดว่าสามารถตกลงกันได้ก็ให้ผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะยื่นขอขยายเวลาได้ภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2541(กรณียังไม่เคยมีการยื่นขอขยายเวลาไว้ตามนัย มติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541)
แต่ถ้าได้มีการยื่นขอขยายเวลาตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 200 ลงวันที่ 16 กันยายน 2540 และที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541 และได้รับการขยายเวลาไปแล้วก็ไม่ได้รับสิทธิการขยายเวลาอีก
2.3 กรณีคาดว่าไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะยื่นขอยกเลิกสัญญา หรือข้อตกลงได้ ภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2541 (กรณียังไม่เคยมีการยื่นขอไว้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541)
การอนุมัติให้ขยายเวลา หรือการยกเลิกสัญญาตามคำขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมติคณะรัฐมนตรีที่ นร 0205/ว 70 ลงวันที่ 10 เมษายน 2541 ยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนเวลาในการอนุมัติให้ขยายเวลาตาม ว 70 (กำหนดไว้ว่าต้องอนุมัติให้เสร็จภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2541 และ 10 กรกฎาคม 2541)
3. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "วัสดุและครุภัณฑ์"
"วัสดุและครุภัณฑ์" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วัสดุและครุภัณฑ์ตามหลักเกณฑ์การจำแนกประเภทรายจ่ายของสำนักงบประมาณ ดังนี้
3.1 "วัสดุ" ให้หมายความถึง สิ่งของ ซึ่งโดยสภาพย่อมสิ้นเปลือง เปลี่ยน หรือสลายตัวในระยะเวลาอันสั้น รวมทั้งสิ่งของที่ส่วนราชการซื้อมาเพื่อการก่อสร้าง การบำรุงรักษา หรือซ่อมแซมทรัพย์สิน
3.2 "ครุภัณฑ์" ให้หมายความถึง สิ่งของซึ่งตามปกติมีลักษณะคงทนถาวร มีอายุการใช้ยืนนาน
4. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเจรจา
4.1 ให้ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ ตรวจสอบหลักฐานประกอบ คือ
1) คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง ให้ยื่นขอมาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2541
2) สัญญา หรือข้อตกลง ที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงจะต้องเสนอราคาไว้ ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และยังมีผลบังคับใช้ หรือยังมีนิติสัมพันธ์กันในความหมายตามข้อ 1
3) ยอดวงเงินวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศบางส่วนหรือทั้งหมดที่ต้องการใช้ประกอบการเจรจาตกลง โดยให้ระบุอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเสนอราคา
4) กรณีวัสดุและครุภัณฑ์ตามสัญญาก่อสร้างให้ใช้ราคาวัสดุก่อสร้างของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์เป็นหลักในการเจรจาเปรียบเทียบราคาสำหรับครุภัณฑ์ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้ใช้ราคามาตรฐานของสำนักงบประมาณ หากไม่มีราคาดังกล่าวก็ให้ดูราคาตลาดที่เหมาะสมเป็นเกณฑ์ได้
5) กรณีที่การเปลี่ยนแปลงอาจมีผลกระทบทางด้านเทคนิคเฉพาะอย่าง หรือความมั่นคงแข็งแรงจะต้องมีการรับรองจากผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองด้วย
4.2 การเจรจาให้มีหลักเกณฑ์ประกอบในเรื่อง ดังนี้
1) กรณีเป็นวัสดุหรือครุภัณฑ์ซึ่งจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วน ให้ถือเป็นหลักการว่าส่วนราชการจะต้องทำความตกลงกับผู้ประกอบการให้ใช้ของที่ผลิต หรือประกอบในปประเทศทดแทนก่อน
2) กรณีมีการเจรจาตกลงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุ และครุภัณฑ์จากต่างประเทศเป็นของที่ผลิต หรือประกอบภายในประเทศ หรือการเจรจาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของวัสดุ และครุภัณฑ์ จากต่างประเทศเป็นของต่างประเทศด้วยกัน (กรณีไม่สามารถหาของที่ผลิต หรือประกอบภายในประเทศทดแทนได้ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเจรจา หรืออัตรา/ราคาที่สืบมาด้วยวิธีการตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ แล้วแต่กรณี) ก็ให้ปรับวงเงินโดยใช้ราคาตามข้อ 4.1 (4)
3) กรณีมีการเจรจาตกลงเพิ่ม/ลดรายการ และหรือจำนวน ก็ให้ปรับวงเงินตามวัสดุและครุภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ต้องไม่เกินวงเงินตามสัญญาเดิม
4) การเปลี่ยนแปลงตามข้อ 1) - 3) ต้องให้ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ทางราชการกำหนดไว้
5) หลังจากเจรจาแล้วให้ถือเป็นที่ยุติ
5. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "วงเงินเดิมตามสัญญา"
5.1 "วงเงินเดิมตามสัญญา" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วงเงินที่ระบุไว้ในสัญญาที่ยังไม่มีการแก้ไข
5.2 กรณีที่มีการแก้ไขสัญญาที่ทำให้วงเงินเดิมตามสัญญาเปลี่ยนแปลงไป ก็ให้วงเงินที่มีการแก้ไขแล้วมีความหมายเป็นวงเงินเดิมตามข้อ 5.1
6. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรอง"
6.1 "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองกรณีมีผลกระทบด้านความมั่นคงแข็งแรง" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ กรณีสัญญาก่อสร้างให้หมายความถึง วิศวกร สถาปนิกและวิศวกร ซึ่งรับผิดชอบ หรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะแบบ และรายการของงานก่อสร้าง
6.2 "ผู้รับผิดชอบซึ่งมีอำนาจรับรองกรณีมีผลกระทบทางด้านเทคนิคเฉพาะอย่าง" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ กรณีสัญญาอื่น ๆ ให้หมายความถึง ผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบ หรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะงานเทคนิคเฉพาะอย่างนั้น
7. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ยอดวงเงินนำเข้าวัสดุและครุภัณฑ์จากต่างประเทศ"
7.1 "ยอดวงเงินนำเข้าวัสดุและครุภัณฑ์จากต่างประเทศ" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง วงเงินค่าวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วนตามสัญญา ที่ต้องการเจรจาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญากับส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ
7.2 วัสดุและครุภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการต้องการเจรจาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญากับส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ ตามข้อ 7.1 จะต้องเป็นวัสดุและครุภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด หรือบางส่วนเท่านั้น
8. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "หัวหน้าส่วนราชการ"
8.1 "หัวหน้าส่วนราชการผู้พิจารณาเห็นชอบ" ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ ให้หมายความถึง อธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ หรือมีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ หัวหน้าส่วนราชการส่วนท้องถิ่น สำหรับราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้หมายความถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ
8.2 เนื่องจากการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีมีข้อจำกัดทางด้านระยะเวลา ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และเป็นไปโดยรวดเร็ว ให้มีการมอบอำนาจกันได้
9. แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา"
9.1 คำว่า "ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา" ตามมติคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ ให้หมายความถึง กรณีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรง หรือกรณีที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม เช่น วิกฤติการณ์จากสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ
9.2 กรณีการซื้อขายวัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ ที่ผลิตหรือประกอบภายในประเทศ แต่นำเข้าชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ ให้ถือว่าเป็นกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา เช่นเดียวกับกรณีเป็นสิ่งของที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
10. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่า "ผู้ประกอบการคนไทย" และ "กิจการร่วมค้านิติบุคคลสัญชาติไทย"
10.1 "ผู้ประกอบการคนไทย" หมายความถึง บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลสัญชาติไทยที่มีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50
10.2 "กิจการร่วมค้านิติบุคคลสัญชาติไทย" หมายความถึง กิจการร่วมค้าที่ได้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลภายใต้กฎหมายไทย โดยนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องมีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50 ทั้งนี้ให้หมายความถึงกิจการร่วมค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนสัญชาติไทยแต่มีคนไทยถือหุ้น หรือมีส่วนของความเป็นเจ้าของเกินกว่าร้อยละ 50
10.3 กิจการร่วมค้าที่ได้รับสิทธิในเรื่องนี้ถ้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยก่อนวันที่ 16 มิถุนายน 2541(วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องนี้) ก็ให้อนุโลมว่าเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย ณ วันทำสัญญาด้วย
11. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีมีปัญหาเจรจาตกลงกันไม่ได้
11.1 กรณีที่คู่สัญญาได้มีการเจรจากันแล้ว แต่ไม่อาจตกลงกันได้ ก็ให้สามารถร้องเรียนมาที่คณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เป็นประธาน) เพื่อพิจารณาหาข้อยุติ
11.2 การพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตามข้อ 11.1 ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กรกฎาคม 2541--