ทำเนียบรัฐบาล--30 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญ ญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 (การยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา) ตามที่กระทรวงศึกษาธิ การเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้การยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จะกระทำได้เมื่อประชาชนได้ แสดงหลักฐานว่าตนมีทรัพย์สิน ที่จะปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้นได้ และได้จัดให้มีพระภิกษุมาอยู่อาศัย และจำ พรรษาในวัดได้ไม่น้อยกว่าสี่รูปภายในหนึ่งปี
2. กำหนดให้เจ้าคณะอำเภอและนายอำเภอร่วมกันพิจารณาว่า สมควรจะยกวัดร้างขึ้นเป็น วัดมีพระภิกษุ อยู่จำพรรษาหรือไม่ โดยพิจารณาจากสภาพของวัด จำนวนประชาชนในละแวกใกล้เคียงวัด ที่ตั้งของวัดต้องห่าง จากวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร และมีที่ดินไม่ต่ำกว่า 6 ไร่
3. กำหนดให้กรมการศาสนาทำความเห็น เสนอต่อมหาเถรสมาคม เพื่อขอความเห็นชอบ การวินิจฉัย ของมหาเถรสมาคมให้เป็นที่สุด และเมื่อมหาเถรสมาคมเห็นชอบแล้ว ให้กรมการศาสนา ประกาศยกวัดร้างนั้นขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 29 สิงหาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญ ญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 (การยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา) ตามที่กระทรวงศึกษาธิ การเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้การยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา จะกระทำได้เมื่อประชาชนได้ แสดงหลักฐานว่าตนมีทรัพย์สิน ที่จะปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้นได้ และได้จัดให้มีพระภิกษุมาอยู่อาศัย และจำ พรรษาในวัดได้ไม่น้อยกว่าสี่รูปภายในหนึ่งปี
2. กำหนดให้เจ้าคณะอำเภอและนายอำเภอร่วมกันพิจารณาว่า สมควรจะยกวัดร้างขึ้นเป็น วัดมีพระภิกษุ อยู่จำพรรษาหรือไม่ โดยพิจารณาจากสภาพของวัด จำนวนประชาชนในละแวกใกล้เคียงวัด ที่ตั้งของวัดต้องห่าง จากวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษาไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร และมีที่ดินไม่ต่ำกว่า 6 ไร่
3. กำหนดให้กรมการศาสนาทำความเห็น เสนอต่อมหาเถรสมาคม เพื่อขอความเห็นชอบ การวินิจฉัย ของมหาเถรสมาคมให้เป็นที่สุด และเมื่อมหาเถรสมาคมเห็นชอบแล้ว ให้กรมการศาสนา ประกาศยกวัดร้างนั้นขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 29 สิงหาคม 2538--