ทำเนียบรัฐบาล--25 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนแล้ว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้ยืมเงินแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา โดยอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
2. ให้กองทุนมีอำนาจในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ รวมทั้งการทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินได้
3. กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
3.1 เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลหรือเงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
3.2 เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการดำเนินการของกองทุน
3.3 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้แก่กองทุน
3.4 ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
3.5 เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดนอกจาก 3.1 - 3.4 ที่กองทุนได้รับไม่ว่ากรณีใด
4. กองทุนดังกล่าวไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และรายรับของกองทุนไม่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น
5. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ เป็นผู้บริหารกองทุน
6. ให้กองทุนจ้างผู้จัดการคนหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของกองทุน หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือประธานกรรมการมอบหมายหรือตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง สัญญาจ้างผู้จัดการให้กำหนดคราวละสี่ปี แต่คณะกรรมการจะต่ออายุสัญญาจ้างอีกก็ได้
7. กำหนดคุณสมบัติของนักเรียนหรือนักศึกษาที่จะมีสิทธิขอกู้ยืมเงินจากกองทุน และหากผู้ใดประสงค์จะกู้ยืมเงินจากกองทุน ให้ยื่นคำขอตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ต่อผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ณ โรงเรียนสถานศึกษา หรือสถาบันการศึกษาที่ตนกำลังศึกษาอยู่หรือที่ประสงค์จะเข้าศึกษาแล้วแต่กรณี โดยคณะกรรมการจะมอบอำนาจให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบหรือเป็นผู้แทนโรงเรียน สถานศึกษา หรือสถาบันการศึกษาเป็นผู้อนุมัติการให้กู้ยืม และลงนามในสัญญากู้ยืมเงินแทนคณะกรรมการก็ได้
8. ให้โรงเรียน สถานศึกษา และสถาบันการศึกษาที่ผู้กู้ยืมเงินศึกษาอยู่ แจ้งผลการศึกษาให้ผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมทราบทุกสิ้นปีการศึกษา และเมื่อผู้กู้ยืมเงินพ้นสภาพการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดให้แจ้งผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พ้นสภาพดังกล่าว
9. เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษา หรือเลิกการศึกษาแล้วเป็นเวลาสองปี ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมคืนให้กับกองทุนตามจำนวน ระยะเวลา และวิธีการที่กำหนดไว้ในระเบียบของคณะกรรมการ และให้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมที่จะติดตามและประสานกับผู้กู้ยืมเงินเพื่อการชำระเงินที่กู้ยืมคืน ในการนี้จะขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ช่วยหักเงินเดือนหรือค่าจ้างและนำส่งผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมด้วยก็ได้
10. ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินถึงแก่ความตาย ให้หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินเป็นอันระงับไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2540--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนแล้ว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้ยืมเงินแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา โดยอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
2. ให้กองทุนมีอำนาจในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ รวมทั้งการทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินได้
3. กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
3.1 เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลหรือเงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
3.2 เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการดำเนินการของกองทุน
3.3 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้แก่กองทุน
3.4 ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
3.5 เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดนอกจาก 3.1 - 3.4 ที่กองทุนได้รับไม่ว่ากรณีใด
4. กองทุนดังกล่าวไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และรายรับของกองทุนไม่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น
5. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ เป็นผู้บริหารกองทุน
6. ให้กองทุนจ้างผู้จัดการคนหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของกองทุน หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือประธานกรรมการมอบหมายหรือตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง สัญญาจ้างผู้จัดการให้กำหนดคราวละสี่ปี แต่คณะกรรมการจะต่ออายุสัญญาจ้างอีกก็ได้
7. กำหนดคุณสมบัติของนักเรียนหรือนักศึกษาที่จะมีสิทธิขอกู้ยืมเงินจากกองทุน และหากผู้ใดประสงค์จะกู้ยืมเงินจากกองทุน ให้ยื่นคำขอตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ต่อผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ณ โรงเรียนสถานศึกษา หรือสถาบันการศึกษาที่ตนกำลังศึกษาอยู่หรือที่ประสงค์จะเข้าศึกษาแล้วแต่กรณี โดยคณะกรรมการจะมอบอำนาจให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบหรือเป็นผู้แทนโรงเรียน สถานศึกษา หรือสถาบันการศึกษาเป็นผู้อนุมัติการให้กู้ยืม และลงนามในสัญญากู้ยืมเงินแทนคณะกรรมการก็ได้
8. ให้โรงเรียน สถานศึกษา และสถาบันการศึกษาที่ผู้กู้ยืมเงินศึกษาอยู่ แจ้งผลการศึกษาให้ผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมทราบทุกสิ้นปีการศึกษา และเมื่อผู้กู้ยืมเงินพ้นสภาพการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดให้แจ้งผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พ้นสภาพดังกล่าว
9. เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษา หรือเลิกการศึกษาแล้วเป็นเวลาสองปี ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมคืนให้กับกองทุนตามจำนวน ระยะเวลา และวิธีการที่กำหนดไว้ในระเบียบของคณะกรรมการ และให้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมที่จะติดตามและประสานกับผู้กู้ยืมเงินเพื่อการชำระเงินที่กู้ยืมคืน ในการนี้จะขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ช่วยหักเงินเดือนหรือค่าจ้างและนำส่งผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมด้วยก็ได้
10. ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินถึงแก่ความตาย ให้หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินเป็นอันระงับไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2540--