คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รายงานการดำเนินงานตามโครงการแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 ดังนี้
1. ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด แล้วเป็นจำนวนเงิน 3,945 ล้านบาท สำหรับจำนวนเงินเพิ่มเติม 686.59 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการขอกู้ยืมจากธนาคารกรุงไทย จำกัด คาดว่าจะได้รับเงินกู้ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2548 ทั้งนี้ โครงการฯ ได้ขอยืมเงินงบบริหารของ อ.ต.ก. จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร และผู้รับจ้างช่วง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการยกเลิกสัญญากับบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด โดยได้ดำเนินการจ่ายเงิน ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 คือ ค่ารับซื้อลำไยสด 3,428.88 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นเงิน 790.02 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,218.9 ล้านบาท
2. ปริมาณลำไยสดที่รับซื้อทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2547 — วันที่ 9 กันยายน 2547 มีจำนวน 312,331.73 ตัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถแปรรูปเป็นลำไยแห้ง ได้จำนวน 94,645.98 ตัน
3. ปริมาณลำไยอบแห้งที่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ และจัดเก็บในคลังสินค้าของ อ.ต.ก. ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นจำนวน 44,650.81 ตัน เมื่อหักออกจากปริมาณลำไยอบแห้งที่จะได้รับ จำนวน 94,645.98 ตันแล้ว ปรากฏว่า ยังคงขาดอยู่จำนวน 49,995.17 ตัน
4. ปริมาณลำไยอบแห้งที่ อ.ต.ก. ได้ดำเนินการอายัดไว้ 6 คลังสินค้า มีจำนวนประมาณ 2,000 ตัน ซึ่งเป็นคลังรวบรวมและบรรจุลำไยอบแห้งของบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ก่อนนำส่งให้ อ.ต.ก. ตรวจสอบคุณภาพ ขณะนี้ ยังไม่สามารถตรวจนับปริมาณและตรวจสอบคุณภาพ ได้ชัดเจนทั้งหมด เนื่องจากอยู่ในระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในเดือนมีนาคม 2548
5. สำหรับการดำเนินการกับบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ภายหลังจาก อ.ต.ก. ได้บอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2547 โดย
5.1 ได้ฟ้องดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ โดยแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีอาญาข้อหายักยอกลำไยอบแห้งของ อ.ต.ก. รวมทั้งฟ้องร้องกับจุดรับซื้อลำไยสด จำนวน 248 จุด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม สำหรับจุดรับซื้อลำไยสดรายใดที่ส่งมอบลำไยให้ อ.ต.ก. ครบถ้วนแล้ว อ.ต.ก. ก็จะได้ถอนแจ้งความต่อไป
5.2 จะได้ฟ้องคดีแพ่งกับบริษัทฯ ที่ปฏิบัติผิดสัญญารับจ้างแปรรูป และทำการตลาดลำไยอบแห้งเพื่อให้ชดใช้ค่าลำไยสดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการฟ้องร้อง ภายในเดือนมีนาคม 2548
6. การจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2547 ที่ อ.ต.ก. ประกาศขาย จำนวน 82,265 ตัน ให้บริษัท สุพรรณรอยัลอาหารกระป๋อง จำกัด โดยได้มีการตกลงราคาจำหน่ายแล้ว ซึ่ง อ.ต.ก. ได้แจ้งให้บริษัทฯ มาลงนามในสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ แต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ อ.ต.ก. จึงได้ดำเนินการยึดหลักประกันสัญญาไว้ 50 ล้านบาท
7. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงของการดำเนินการที่มีข้อบกพร้องต่าง ๆ จากการดำเนินงาน รวมไปถึงการเกิดการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นแล้วซึ่งจะได้นำผลการสอบข้อเท็จจริงเสนอ อ.ต.ก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วน อ.ต.ก. ก็ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงการปฏิบัติงานที่บกพร่องของเจ้าพนักงาน อ.ต.ก. ด้วยแล้ว
8. จากการติดตามข้อมูลส่งออกลำไยอบแห้งของกรมศุลกากร ในช่วงเดือนสิงหาคม 2547 — เดือนมกราคม 2548 พบว่ามีการส่งออกลำไยอบแห้ง จำนวน 49,138 ตัน คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของลำไยอบแห้งของ อ.ต.ก. ที่หายไป
9. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นเหล่านี้ และประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยให้หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาดุร อภิชาติบุตร) เป็นประธาน และมีผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการ
จากการที่ อ.ต.ก. ได้บอกยกเลิกสัญญากับริษัทฯ ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด จึงจำเป็นต้องดำเนินการแทนบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. ค่ารับจ้างร่อนลำไยสด ได้มีเกษตรกรที่รับจ้าง ผู้ประกอบการของบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ร่อนสดลำไย เพื่อส่งไปอบแห้ง จำนวน 17 ราย มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงของหลักฐานทางกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร
2. ค่าจ้างอบแห้ง ได้มีเกษตรกรและผู้รับจ้างช่วงอบแห้งลำไย ร้องขอให้ อ.ต.ก. จ่ายเงินค่าจ้างอบแห้งลำไยที่ได้ส่งลำไยอบแห้งให้บริษัทฯ จำนวน 16,345.3 ตัน เป็นจำนวนเงิน 203.50 ล้านบาท แต่เนื่องจาก อ.ต.ก. ยังไม่ได้รับลำไยอบแห้งดังกล่าว ประกอบกับ ได้หารือกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ความเห็นว่า โดยหลักการการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างอบแห้งลำไยให้กับเกษตรกร/ สถาบันเกษตรกร/ผู้ประกอบการที่มิใช้คู่สัญญา แต่รับจ้างช่วงอบลำไยจากบริษัท ปอเฮง ฯ โดยไม่มีลำไยอบแห้งคืนให้แก่ อ.ต.ก. ไม่สามารถทำได้ สำหรับแนวทางการจัดการลำไย ปี 2548 เพื่อให้มีการจัดเตรียมการและหาแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาราคาลำไย ปี 2548 ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ดำเนินการ ดังนี้
4.1 จดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ปี 2548 และสำมะโนและตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรที่จดทะเบียนทั้งหมด
4.2 หารือกับหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาลำไย ปี 2548 โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2548
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
1. ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด แล้วเป็นจำนวนเงิน 3,945 ล้านบาท สำหรับจำนวนเงินเพิ่มเติม 686.59 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการขอกู้ยืมจากธนาคารกรุงไทย จำกัด คาดว่าจะได้รับเงินกู้ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2548 ทั้งนี้ โครงการฯ ได้ขอยืมเงินงบบริหารของ อ.ต.ก. จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร และผู้รับจ้างช่วง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการยกเลิกสัญญากับบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด โดยได้ดำเนินการจ่ายเงิน ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 คือ ค่ารับซื้อลำไยสด 3,428.88 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นเงิน 790.02 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,218.9 ล้านบาท
2. ปริมาณลำไยสดที่รับซื้อทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2547 — วันที่ 9 กันยายน 2547 มีจำนวน 312,331.73 ตัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถแปรรูปเป็นลำไยแห้ง ได้จำนวน 94,645.98 ตัน
3. ปริมาณลำไยอบแห้งที่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ และจัดเก็บในคลังสินค้าของ อ.ต.ก. ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นจำนวน 44,650.81 ตัน เมื่อหักออกจากปริมาณลำไยอบแห้งที่จะได้รับ จำนวน 94,645.98 ตันแล้ว ปรากฏว่า ยังคงขาดอยู่จำนวน 49,995.17 ตัน
4. ปริมาณลำไยอบแห้งที่ อ.ต.ก. ได้ดำเนินการอายัดไว้ 6 คลังสินค้า มีจำนวนประมาณ 2,000 ตัน ซึ่งเป็นคลังรวบรวมและบรรจุลำไยอบแห้งของบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ก่อนนำส่งให้ อ.ต.ก. ตรวจสอบคุณภาพ ขณะนี้ ยังไม่สามารถตรวจนับปริมาณและตรวจสอบคุณภาพ ได้ชัดเจนทั้งหมด เนื่องจากอยู่ในระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในเดือนมีนาคม 2548
5. สำหรับการดำเนินการกับบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ภายหลังจาก อ.ต.ก. ได้บอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2547 โดย
5.1 ได้ฟ้องดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ โดยแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีอาญาข้อหายักยอกลำไยอบแห้งของ อ.ต.ก. รวมทั้งฟ้องร้องกับจุดรับซื้อลำไยสด จำนวน 248 จุด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม สำหรับจุดรับซื้อลำไยสดรายใดที่ส่งมอบลำไยให้ อ.ต.ก. ครบถ้วนแล้ว อ.ต.ก. ก็จะได้ถอนแจ้งความต่อไป
5.2 จะได้ฟ้องคดีแพ่งกับบริษัทฯ ที่ปฏิบัติผิดสัญญารับจ้างแปรรูป และทำการตลาดลำไยอบแห้งเพื่อให้ชดใช้ค่าลำไยสดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการฟ้องร้อง ภายในเดือนมีนาคม 2548
6. การจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2547 ที่ อ.ต.ก. ประกาศขาย จำนวน 82,265 ตัน ให้บริษัท สุพรรณรอยัลอาหารกระป๋อง จำกัด โดยได้มีการตกลงราคาจำหน่ายแล้ว ซึ่ง อ.ต.ก. ได้แจ้งให้บริษัทฯ มาลงนามในสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ แต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ อ.ต.ก. จึงได้ดำเนินการยึดหลักประกันสัญญาไว้ 50 ล้านบาท
7. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงของการดำเนินการที่มีข้อบกพร้องต่าง ๆ จากการดำเนินงาน รวมไปถึงการเกิดการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นแล้วซึ่งจะได้นำผลการสอบข้อเท็จจริงเสนอ อ.ต.ก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วน อ.ต.ก. ก็ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงการปฏิบัติงานที่บกพร่องของเจ้าพนักงาน อ.ต.ก. ด้วยแล้ว
8. จากการติดตามข้อมูลส่งออกลำไยอบแห้งของกรมศุลกากร ในช่วงเดือนสิงหาคม 2547 — เดือนมกราคม 2548 พบว่ามีการส่งออกลำไยอบแห้ง จำนวน 49,138 ตัน คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของลำไยอบแห้งของ อ.ต.ก. ที่หายไป
9. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นเหล่านี้ และประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยให้หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาดุร อภิชาติบุตร) เป็นประธาน และมีผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการ
จากการที่ อ.ต.ก. ได้บอกยกเลิกสัญญากับริษัทฯ ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด จึงจำเป็นต้องดำเนินการแทนบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. ค่ารับจ้างร่อนลำไยสด ได้มีเกษตรกรที่รับจ้าง ผู้ประกอบการของบริษัท ปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด ร่อนสดลำไย เพื่อส่งไปอบแห้ง จำนวน 17 ราย มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงของหลักฐานทางกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร
2. ค่าจ้างอบแห้ง ได้มีเกษตรกรและผู้รับจ้างช่วงอบแห้งลำไย ร้องขอให้ อ.ต.ก. จ่ายเงินค่าจ้างอบแห้งลำไยที่ได้ส่งลำไยอบแห้งให้บริษัทฯ จำนวน 16,345.3 ตัน เป็นจำนวนเงิน 203.50 ล้านบาท แต่เนื่องจาก อ.ต.ก. ยังไม่ได้รับลำไยอบแห้งดังกล่าว ประกอบกับ ได้หารือกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ความเห็นว่า โดยหลักการการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างอบแห้งลำไยให้กับเกษตรกร/ สถาบันเกษตรกร/ผู้ประกอบการที่มิใช้คู่สัญญา แต่รับจ้างช่วงอบลำไยจากบริษัท ปอเฮง ฯ โดยไม่มีลำไยอบแห้งคืนให้แก่ อ.ต.ก. ไม่สามารถทำได้ สำหรับแนวทางการจัดการลำไย ปี 2548 เพื่อให้มีการจัดเตรียมการและหาแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาราคาลำไย ปี 2548 ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ดำเนินการ ดังนี้
4.1 จดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ปี 2548 และสำมะโนและตรวจสอบพื้นที่ของเกษตรกรที่จดทะเบียนทั้งหมด
4.2 หารือกับหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาลำไย ปี 2548 โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2548
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--